เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 171.2

เล่ม 5 บทที่ 171.2

เล่ม 5 บทที่ 171.2

คราวก่อนเฟเรสอุ้มเธอขึ้นไป

เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ท่วงท่าของพวกเราจึงดูปลอดภัยกว่าครั้งก่อนมาก

แขนแกร่งของเฟเรสรองรับบั้นท้ายของเธอเอาไว้ ส่วนเธอก็ใช้แขนโอบคล้องคอของเขา

พอทำแบบนั้นแล้ว ใบหน้าของเด็กนี่…ก็อยู่ตรงหน้าแค่ปลายจมูกของเธอนี่เอง

ตึ้กตั้ก

นัยน์ตาของเฟเรสที่พอจะมองเห็นได้ด้วยการพึ่งแสงสลัวในคืนเดือนมืดคู่นั้น กำลังมองเธออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แปลกจัง

รอบด้านมันมืดไปหมดจนแทบไม่เห็นแสงจากที่อื่นเลยแท้ๆ

แต่ทำไมนัยน์ตาสีแดงของเฟเรสถึงได้ส่องประกายแวววาวเห็นชัดเป็นสีแดงสดเหมือนทับทิมกันล่ะ

เธอมองข้ามสายตาของเฟเรส แล้วซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเขาแทน ก่อนจะเอ่ยขึ้น

 พาข้าขึ้นไปที 

 …อื้อ 

ฟิ้ว

สายลมพัดวูบใหญ่เพียงครั้ง เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเฟเรสเกร็งไปครู่หนึ่ง และเพียงครู่เดียวพวกเราก็มายืนอยู่ริมระเบียงห้องของลาลาเน่กันแล้ว

 ขอบใจนะ เฟเรส 

เธอกระโดดออกจากอ้อมแขนของเฟเรส แล้วก็ต้องยอมรับเรื่องหนึ่งจริงๆ ว่า

การแยกห่างจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม มันทำให้เธอรู้สึกเสียดายสุดๆ

เธอเบือนหน้าหนี พยายามไม่หันไปมองหน้าเฟเรส ก่อนจะเดินตรงไปเคาะประตูหน้าต่าง

ก๊อก ก๊อก

ผ่านไปไม่นานหน้าต่างระเบียงก็เปิดออก เผยให้เห็นลาลาเน่ภายใน ก่อนที่นางจะเอ่ยพูดด้วยสีหน้าแปลกพิกล

 คืนนี้ไม่มีคนคอยเฝ้าข้าเลยสักคน ทุกคนเข้านอนกันเร็วน่ะ 

แล้วอธิบายต่ออีกประโยค

 การที่ข้าโกหกคนไม่เป็นเนี่ย ท่าทางจะมีประโยชน์เหมือนกัน 

คำพูดประโยคนั้นฟังดูเหมือนเยาะเย้ยตัวเองอยู่บ้าง

เธอลูบไหล่ลาลาเน่อย่างอ่อนโยน พลางเอ่ยถามขึ้น

 เตรียมตัวเรียบร้อยมั้ย 

 อื้อ นี่ 

กระเป๋าที่ลาลาเน่ชี้ให้เห็นนั้นเล็กมากจนสามารถถือด้วยมือข้างเดียวได้อย่างสบาย

 แค่นั้นพอจริงๆ เหรอ ลาลาเน่ 

 ตอนแรกก็มีเยอะอยู่หรอก แต่พอลองจัดขึ้นมาจริงๆ ก็เหลือแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง พวกของที่ข้าอยากจะเอาไปด้วยให้ได้น่ะ 

ใบหน้าของลาลาเน่ยามกล่าวเช่นนั้นดูขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง

 ลองตรวจดูรอบๆ ห้องอีกครั้งให้แน่ใจก่อนดีมั้ย 

 ไม่หรอก ไม่เป็นไร เทีย 

ลาลาเน่ส่ายหน้า

 ข้าอยากเริ่มต้นใหม่ 

 อา… 

เพิ่งเคยเห็นลาลาเน่มีสีหน้านิ่งสงบและดูหนักแน่นแบบนี้เป็นครั้งแรก

ไม่ใช่แค่หนีตามกันไปกับอาบีน็อกซ์อย่างเดียวเท่านั้น

เธอสามารถรับรู้ได้ว่า คืนนี้เป็นวันที่มีความหมายเป็นอย่างมากสำหรับลาลาเน่

 แต่ว่าข้า…จะลงไปได้เหรอ 

ลาลาเน่เอ่ยถาม ในขณะเดียวกันก็ชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่างระเบียงด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจเล็กน้อย

ก็สมควรที่จะกลัวอยู่หรอก

ไม่ได้ฉีกผ้าคลุมเตียงมามัดเป็นเชือกแล้วไต่ลงไปสักหน่อย

เธอกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเฟเรส แล้วหันไปเอ่ยพูดให้ลาลาเน่มั่นใจ

 เดี๋ยวข้าแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน เจ้าเชื่อใจในตัวเฟเรสได้ ลาลาเน่ 

เฟเรสพยักหน้าพร้อมกับเธอ เขาอุ้มเธอขึ้นด้วยแขนข้างหนึ่ง แล้วเขย่งปลายเท้ากระโดดไม่กี่ครั้งเหมือนตอนที่ขึ้นมา พวกเราก็แลนดิ้งลงสู่พื้นดินได้อย่างปลอดภัย

เธอโบกไม้โบกมือให้ลาลาเน่ที่อยู่ด้านบน แทนความหมายว่าไม่เป็นอะไร หายห่วงได้

 เดี๋ยวข้ามา 

เฟเรสพูดสั้นๆ ก่อนจะกระโดดกลับขึ้นไปบนระเบียงอีกรอบ

 โอ้ เหยียบกำแพงกระโดดขึ้นไปแบบนั้นนี่เอง 

พอไม่ได้ถูกกอดเอาไว้ ก็เลยเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฟเรสใช้การเคลื่อนไหวแบบไหน

 ช่างมีแรงเยอะอะไรขนาดนั้น 

เฟเรสเป็นคนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งเหมือนยอดมนุษย์เลย

ผ่านไปไม่นาน ลาลาเน่เองก็ลงมาเหยียบพื้นได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน

 ฮู่ว ฮู่ว… 

ลาลาเน่สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง คงจะตื่นเต้นมากทีเดียว แต่ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พวกเราต้องรีบลงมือเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วแล้ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่ทันการเอาได้

 ไปกันเถอะ ลาลาเน่ ทางนั้น 

พวกเราสามคนเดินเข้าไปข้างในป่าของคฤหาสน์ ก่อนจะมาถึงชายป่าที่อยู่ใกล้กับประตูใหญ่มากที่สุด

และตรงนั้นก็มีคนกำลังรอพวกเราอยู่พร้อมกับม้าสองตัว

 …คิลลีวู เมโลน? 

ลาลาเน่พึมพำเสียงสั่นเทาด้วยความตกใจ

 ข้าพาม้าที่เชื่องและฝีเท้าดีจากคอกม้ามาให้ 

 จะไปทั้งทีก็ต้องได้เห็นหน้าได้บอกลากันก่อนสิ ลาลาเน่ 

คิลลีวูกับเมโลนส่งยิ้มให้ลาลาเน่พลางเอ่ยพูด

 ทั้งสองคน…ขะ…ขอบใจนะ ข้าจะไม่ลืมเลย 

สองแฝดเกาแก้มด้วยความเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดของลาลาเน่ ก่อนจะยักไหล่ทำเหมือนไม่ยี่หระอะไร

 ทำไมทำเหมือนจะไม่ได้พบกันอีกแบบนั้นล่ะ 

 ใช่แล้ว ถ้าพวกเราไปเยี่ยมถึงตะวันออก คงไม่ไล่กลับมาใช่มั้ยเนี่ย 

คำหยอกล้อของคิลลีวูกับเมโลนช่วยให้ลาลาเน่ยิ้มออกมาได้ในที่สุด

 ลาลาเน่ขี่ม้าเองคนเดียวได้ใช่มั้ย 

 อื้อ เรื่องขี่ม้าข้าเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ เทีย 

ลาลาเน่สวมเสื้อคลุมสีเข้ม นางดึงฮู้ดลงมาปิดใบหน้า แล้วเอ่ยตอบ

 ขอมือหน่อย เทีย 

เฟเรสขึ้นไปนั่งบนหลังม้าก่อน แล้วยื่นมือมาหาเธอ

และทันทีที่เธอจับมือข้างนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกยกขึ้นสูง และกลายเป็นนั่งอยู่ข้างหน้าเฟเรสเรียบร้อยแล้ว

 พวกเราก็อยากไปด้วย แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งคนน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี 

คิลลีวูพูดพลางช่วยประคองลาลาเน่ขึ้นหลังม้า

 เดินทางปลอดภัยนะ ลาลาเน่ 

เมโลนส่งสายบังเหียนใส่มือลาลาเน่

 …ขอบใจ 

สุดท้ายลาลาเน่ก็ร้องไห้ออกมาจนได้ แต่ใบหน้างามยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มไม่จางหาย

 ไปกันเถอะ 

เสียงพูดของเธอดังขึ้น พร้อมกับเฟเรสที่ควบม้าออกวิ่งในทันที

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท