เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 175.1

เล่ม 5 บทที่ 175.1

เล่ม 5 บทที่ 175.1

ตอนที่ 175

หนึ่งเดือนต่อมา

ลาลาเน่ลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางสายลมอบอุ่นที่พัดแผ่วเข้ามาอาบไล้ใบหน้าอย่างอ่อนโยน

สิ่งแรกที่รอต้อนรับหญิงสาวหลังจากตื่นนอนก็คือเสียงเพลงพื้นบ้านของเขตแดนตะวันออกที่ได้ยินแว่วมาจากที่ไกลๆ

ท่วงทำนองอ่อนหวานทว่าให้ความรู้สึกครื้นเครง ทำให้ใบหน้าของลาลาเน่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“ตื่นแล้วหรือคะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”

เจ้าของน้ำเสียงเป็นมิตรคือโทเคียซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ทางตระกูลรูมันจัดหาให้นางระหว่างพำนักอยู่ที่นี่

โทเคียเป็นหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีแดงเลือดหมูส่องประกายดั่งอัญมณี และมีสีผิวค่อนข้างคล้ำ ผู้หญิงคนนี้คอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เพื่อช่วยให้ลาลาเน่สามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้

ลาลาเน่รับน้ำเย็นชื่นใจจากโทเคียมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ไหนตกลงกันว่าจะเรียกแค่ชื่อกันตามสบายแล้วไม่ใช่หรือ โทเคีย”

“อ๊ะ จริงด้วย ขออภัยค่ะ ท่านลาลาเน่”

“หุหุ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พวกเราเองก็ยังต้องทำความคุ้นเคยกันอีกมากนี่นา ว่าแต่วันนี้ใช่มั้ยเนี่ย”

ลาลาเน่ลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ในขณะที่เอ่ยถามขึ้น

“ค่ะ ใช่แล้วละค่ะ อ๊ะ! กำลังแล่นเข้าเทียบท่าพอดีเลยนะคะ!”

โทเคียชี้ออกไปนอกหน้าต่างระเบียงที่เปิดทิ้งไว้กว้าง คำพูดของนางทำให้ลาลาเน่รีบเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วยิ่งขึ้น

“อ๊า”

ลาลาเน่หลุดเสียงอุทานด้วยความดีใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

เรือลำใหญ่ยักษ์กำลังแหวกว่ายมาจากเส้นขอบฟ้าไกลๆ

นั่นคือเรือสำราญตะวันออกของร้านค้าเพลเลส

ใบเรือสีขาวเนียนดั่งเมฆขาวบนฟากฟ้า เรือหรูหราลำใหญ่แล่นไปทั่วท้องทะเลอย่างมั่นคงและปลอดภัย เพียงแค่ได้เห็นก็ทำให้หัวใจของคนที่ได้มองเต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น

“ได้เห็นกี่ครั้งก็ยังคงเป็นภาพที่งดงามไม่น่าเบื่อเลยนะคะ”

โทเคียเองก็เดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายลาลาเน่ ชื่นชมภาพตรงหน้าไปพร้อมกัน

“หลังจากมีการสร้างท่าเรือขึ้นที่เชซายู แล้วร้านค้าเพลเลสเข้ามาช่วยเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับเขตแดนรูมัน ตะวันออกก็เปลี่ยนแปลงไปมากมายเลยนะคะ”

“ร้านค้าเพลเลส…”

ลาลาเน่พลันนึกถึงเทียซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางขึ้นมา

คืนนั้นที่เทียช่วยนางจากการถูกขังไว้ในห้อง นางได้รู้ความลับอันแสนยิ่งใหญ่ที่เทียเก็บซ่อนเอาไว้

ถึงแม้จะไม่ได้ยินคำอธิบายอันใดเป็นรูปเป็นร่าง แต่ลาลาเน่สามารถตระหนักได้ด้วยสัญชาตญาณว่า ที่จริงแล้วเทียเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลส

แต่แปลกใจเหมือนกันที่นางเองก็ไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้น

‘ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกว่าถ้าเป็นเทียละก็ จะมีความลับแบบนั้นอยู่สักเรื่องสองเรื่องก็ไม่แปลก’

ลาลาเน่ยิ้มยามนึกถึงลูกพี่ลูกน้องของนางที่มักจะฉลาดเฉลียว และยังทำตัวเก๋ๆ อยู่ตลอดเวลาจนเหมาะจะเป็นพี่สาวเสียมากกว่า

“ท่านลาลาเน่ยิ้มกว้างแบบนี้ดูงดงามมากเลยนะคะ”

โทเคียถึงกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ข้า…น่ะเหรอ”

ลาลาเน่ยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความงงงวย

หลังจากย้ายมาอยู่ที่ตระกูลรูมัน นางก็ยิ้มและหัวเราะได้บ่อยครั้งกว่าเดิม

นิสัยเองก็ร่าเริงกว่าแต่ก่อนมาก

“อีกสักครู่พวกสินค้าต่างๆ ก็จะถูกขนลงจากเรือมาที่นี่แล้วค่ะ พวกเรารีบเตรียมตัวออกไปดูกันดีมั้ยคะ ท่านลาลาเน่”

ลาลาเน่ยิ้มกว้าง พยักหน้าตกลงให้กับข้อเสนอของโทเคีย

ไม่นานหลังจากนั้น ลาลาเน่ก็เดินทางมาถึงห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะรูมัน

เพราะเจ้าตระกูลรูมันซึ่งเป็นบิดาของอาบีน็อกซ์เป็นคนเรียกตัวนางมาที่นี่

“สวัสดีค่ะ ท่านเจ้าตระกูลรูมัน”

ลาลาเน่กล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย

อาบีน็อกซ์ก็ออกไปลาดตระเวนรอบเขตแดนพอดี นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ลาลาเน่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตระกูลรูมันแค่สองคนแบบนี้

“โอ้ มาแล้วหรือ!”

แต่เจ้าตระกูลอย่างอินดิท รูมัน กลับต้อนรับลาลาเน่ด้วยท่าทางสดใสอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง จนทำเอาความกังวลของลาลาเน่ไร้ประโยชน์ไปเลยทีเดียว

“พอดีมีข้าวของสำหรับคุณหนูลอมบาร์เดียมาถึงเยอะมากเลยสั่งให้คนไปเรียกตัวมาน่ะ ลองสำรวจดูหน่อยมั้ย”

ลาลาเน่คาดหวังเอาไว้แค่ว่า ในเมื่อเรือจากร้านค้าเพลเลสมาถึงแล้ว บางทีอาจจะมีจดหมายจากเทียติดมาด้วยก็ได้ แต่แล้วนางก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เพราะบริเวณที่เจ้าตระกูลรูมันชี้นิ้วไปนั่น มันมีข้าวของมากมายกองพะเนินเป็นภูเขาขนาดย่อม

“ใครกันที่…”

ลาลาเน่ก้าวเข้าไปสำรวจกล่องแต่ละใบอย่างระมัดระวัง แล้วก็พบเข้ากับจดหมายสองฉบับที่วางไว้ในตะกร้าใบเล็ก

ซองสีแดงเป็นจดหมายจากเทีย

[ถึง ลาลาเน่

ดีใจด้วยนะที่จัดงานหมั้นหมายได้เรียบร้อยแล้ว

ข้าส่งของขวัญแสดงความยินดีกับการหมั้นหมายมาให้ในนามของร้านค้าเพลเลสด้วยละ

เห็นว่าจะจัดงานแต่งงานในอีก 1 ปีให้หลังใช่มั้ย

ต้องเชิญข้าด้วยนะ

ไว้จะส่งจดหมายมาหาบ่อยๆ นะ

ยินดีกับการหมั้นอีกรอบ

เทีย

ป.ล. ถ้ามีของที่ต้องการเพิ่มเติมก็ส่งคนไปติดต่อร้านค้าเพลเลสในเขตแดนรูมันได้เลย ไม่ว่าจะมากแค่ไหน ข้าก็จะส่งไปให้]

ลาลาเน่อ่านจดหมายจนจบ จากนั้นก็เริ่มกวาดสายตามองกล่องหลายใบที่วางกองอยู่อย่างช้าๆ

นางสังเกตเห็นว่า ข้าวของพวกนี้แทบจะทั้งหมดมีป้ายห้อยไว้ว่าเป็นสินค้าจากร้านค้าเพลเลส

“อ๊ะ นี่มัน…”

และเพียงครู่เดียวก็ตระหนักได้ว่า มันเป็นของประเภทเดียวกับข้าวของที่ตัวเองชอบใช้ตอนยังอยู่ที่ลอมบาร์เดีย

หรือจะเป็นห่วงว่านางจะรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา

มองผิวเผินอาจจะเป็นแค่ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ แต่ความรู้สึกของเทียที่ห่วงใยและคอยดูแลนางอย่างเสมอมานั้นได้ถูกส่งถึงใจของลาลาเน่แล้ว

ส่วนจดหมายฉบับที่สอง

“ทะ…ท่านปู่…?”

บนซองจดหมายสีครีมราบเรียบนั่น มีนามผู้ส่ง ‘รูลลัก ลอมบาร์เดีย’ ถูกเขียนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ

ปลายนิ้วของลาลาเน่สั่นเทาเล็กน้อยยามเปิดซองหยิบจดหมายในนั้นออกมาอ่าน

เนื้อหาในจดหมายไม่ได้ยาวเท่าไหร่

[ยินดีกับการหมั้นหมายด้วยนะ ลาลาเน่

จงอย่าได้ลืมว่าเจ้ายังเป็นลอมบาร์เดียเสมอ

ปู่คนนี้จะคอยดูเจ้าจากที่ไกลๆ

ปู่]

“อา…”

ลาลาเน่หลั่งน้ำตาออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจางแต่งแต้มบนใบหน้า

และเดินเข้าไปหากล่องใบใหญ่ที่ประทับตราสัญลักษณ์ตระกูลลอมบาร์เดีย

บรรดาข้ารับใช้ประจำตระกูลรูมันเป็นคนที่มีไหวพริบดีเยี่ยม พวกเขาช่วยกันแกะหีบห่อออกให้อย่างระมัดระวัง

“นี่มัน…”

ของที่ใส่มาข้างในกล่องคือ เซตเครื่องถ้วยชามสีขาวเนียนละเอียด มันถูกแกะสลักด้วยทองคำเป็นลวดลายต้นไม้โลกอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลลอมบาร์เดียอย่างงดงาม

จานชามขนาดเล็กใหญ่มีหลายสิบใบ ต่อให้เชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นก็คงไม่ต้องรู้สึกอายใครเป็นแน่ ยังมีเครื่องครัวต่างๆ และอุปกรณ์เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเงินบริสุทธิ์พวกนี้อีก ทั้งหมดดูสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าตระกูลรูมันเดินเข้ามามองของพวกนั้นเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้าลง

“ได้ยินว่าเป็นธรรมเนียมของอาณาจักรมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว เมื่อมีการหมั้นหมายแต่งงานที่เจ้าตระกูลเป็นผู้เอ่ยปากอนุญาตอย่างเป็นทางการ พวกเขาจะมอบเครื่องถ้วยชามที่สลักสัญลักษณ์ตระกูลให้เป็นของขวัญเช่นนี้”

และเมื่อได้มองถ้วยชามจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ก็แสยะยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ

“ปริมาณสมกับที่เป็นลอมบาร์เดียจริงๆ”

ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจเสียงแผ่ว ราวกับเรื่องแบบนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ สินะ

ประกายแสงสีทองจากต้นไม้โลกกำลังส่องประกายแพรวพราวยามสะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์อันแสนเจิดจ้าของแดนตะวันออก ราวกับว่ามันกำลังพูดอยู่กับเจ้าตระกูลรูมันอย่างไรอย่างนั้น

‘หากเจ้ากล้าทารุณหลานสาวข้า ก็เตรียมใจเอาไว้ให้ดี’

ลาลาเน่กอดจดหมายของเทียกับท่านปู่แนบอกเอาไว้แน่น นางมีความสุขมากเหลือเกินจนต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ

* * *

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท