เล่ม 5 บทที่ 177.1
ตอนที่ 177
การล่าสัตว์เป็นการผ่อนคลายที่พวกผู้ชายชั้นสูงทุกคนต่างก็ชื่นชอบกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม
เพราะอย่างนั้นที่ดินที่มีลานล่าสัตว์ดีๆ ถึงได้มีราคาค่างวดแพงกระโดดขึ้นไปมากกว่าที่ดินทั่วไปหลายเท่า
ช่วงนี้ที่กำลังเข้าสู่ช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงพอดี ก็ถือเป็นฤดูกาลของการล่าสุนัขจิ้งจอก
ในอาณาจักรแห่งนี้มีลานล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงด้านการล่าสุนัขจิ้งจอกอยู่หลายที่ เขตแดนของตระกูลบาราพอร์ทซึ่งตั้งอยู่ภาคตะวันตกตอนกลางเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
และในเขตแดนบาราพอร์ทที่ว่านั่น ตอนนี้ก็กำลังจัดการแข่งขันล่าสัตว์เพื่อความสนุกสนานอยู่อย่างต่อเนื่อง
ด้านหน้าวิลล่าของตระกูลบาราพอร์ท มีกองไฟถูกจุดขึ้นทั่วบริเวณ โต๊ะและเก้าอี้สร้างขึ้นจากไม้ที่ถูกตัดอย่างหยาบๆ จัดวางเอาไว้นับร้อย
เลียนแบบการพักผ่อนของนายพรานนักล่าราวกับไม่ใช่ชนชั้นสูงที่ออกมาล่าสัตว์เป็นงานอดิเรกเพื่อความสนุกสนาน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของงานเทศกาล
เพราะอย่างนั้นในแก้วไม้ที่ถูกหยิบเอามาใช้แทนแก้วใสเนื้อเนียนจึงเติมเต็มไปด้วยเหล้าดีกรีร้อนแรง อาหารที่เสิร์ฟให้ทุกคนได้รับประทานกันก็เป็นเนื้อย่างชิ้นโตที่สามารถหยิบกินด้วยมือเปล่ากับส้อมเพียงหนึ่งคันเสียส่วนใหญ่
ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลาลับขอบฟ้า ค่ำคืนแห่งการสังสรรค์คืนที่สามกำลังมาถึง
และก็มีเสียงโหวกเหวกดังมาจากโต๊ะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของแคมป์ไฟ
“ชนะ! ชนะ!”
“เจ้าชาย!พยายามอีกนิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เจ้าชายลำดับที่หนึ่งอาสทาน่ากำลังแข่งงัดข้ออยู่กับบุตรชายคนรองของตระกูลบาราพอร์ท
บุตรชายคนรองของตระกูลบาราพอร์ทเป็นคนร่างกายกำยำสูงใหญ่ ทั้งยังชอบใช้ร่างกายมากกว่าใช้สมอง ถือเป็นคู่แข่งที่ไม่ได้เหมาะกับอาสทาน่าที่มีร่างเล็กและตัวเตี้ยเลยแม้แต่น้อย
แต่ตรรกะพวกนั้นกลับใช้ไม่ได้กับคนคู่นี้ บุตรชายคนรองตระกูลบาราพอร์ทกำลังออกแรงอย่างหนักจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด
“กรอดด ฮึบบบบบ!”
ไม่สิ กำลังแสร้งทำเป็นใช้แรงอย่างหนักอยู่ต่างหากล่ะ
“ว้าว! เจ้าชายชนะให้ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ต้องชนะ ต้องชนะ!”
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นความจริงที่ผู้คนทั้งหลายซึ่งกำลังตะเบ็งเสียงร้องเชียร์อยู่รอบๆ ต่างก็รู้กันดีอยู่แล้ว
เฟเรสเฝ้ามองละครน่าตลกฉากนั้นอยู่จากไกลๆ เขากระตุกยิ้มมุมปากหัวเราะเยาะคนพวกนั้น
“พยายามกันดีเหลือเกิน”
“นั่นเป็นวิธีเอาตัวรอดของพวกเขาไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ริกนีเต้เองก็เอ่ยพูดพลางเดาะลิ้นเสียงดังในลำคอไปด้วย
ตั้งแต่แรกมันก็เป็นการแข่งล่าสัตว์ที่ตระกูลบาราพอร์ทซึ่งเป็นตระกูลใต้บังคับบัญชาของพวกอังเกนัสเป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว ถึงได้มีแต่พวกชนชั้นสูงลิ่วล้อเจ้าพวกนั้นรุมตอมเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเต็มไปหมด
“แต่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งดูจะคิดจริงจังนะนั่น”
“จะไม่รู้จริงเหรอ”
สองคนที่เข้ามาสมทบกับกลุ่มของริกนีเต้กับเฟเรสเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่อะคาเดมี มีนามว่าสติลลีย์และเทดโร่ว
“โง่แบบนั้นจะไปรู้อะไร”
ริกนีเต้จิกกัดอย่างไม่ไว้หน้า แต่อีกสองคนกลับไม่ทำเช่นนั้น
สติลลีย์มองอาสทาน่าอย่างจริงจัง ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาสั้นๆ
“1 ซิลเวอร์ ‘ไม่รู้เรื่อง’ ”
เทดโร่วกระดิกนิ้วชี้ไปมา พลางส่ายหน้าราวกับต้องการจะบอกว่าเจ้าน่ะไม่รู้อะไรเสียแล้ว
“ข้า 2 ซิลเวอร์ ‘รู้ แต่เพราะศักดิ์ศรีจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง’ ”
“โอ้ มีเหตุผลอยู่นะ งั้นข้าเปลี่ยนข้าง”
“อะไรกัน ถ้าอย่างนั้นมันจะไปพนันได้ยังไงกันเล่า!”
ในระหว่างที่ทั้งสองคนเถียงกันอยู่อย่างนั้น การแข่งงัดข้อก็ดูใกล้จะจบลงแล้วเช่นกัน
ในที่สุดแขนของบุตรชายคนรองตระกูลบาราพอร์ทที่ทำท่าราวกับต้องอดทนต่อสู้อย่างหนัก ก็ค่อยๆ เอนโน้มลงไปเรื่อยๆ
“โอ้ๆ !”
“เจ้าชาย!อีกนิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียงเชียร์กระหึ่มรอบข้างเองก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นไปด้วย
และในที่สุด
ตุบ!
แขนของบุตรชายคนรองตระกูลบาราพอร์ทก็ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง หลังมือสัมผัสเข้ากับพื้นโต๊ะจนได้
“ว้าว!”
“สมกับเป็นเจ้าชาย!”
อาสทาน่ายืนกำหมัดแน่นชูขึ้นสูงท่ามกลางชนชั้นสูงรุ่นเยาว์ที่กำลังส่งเสียงร้องเชียร์ กับบุตรชายคนรองตระกูลบาราพอร์ททุบโต๊ะเสียงดังราวกับโมโหเป็นอย่างมาก ท่าทางเจ้าชายลำดับที่หนึ่งดูจะอินกับชัยชนะครั้งนี้สุดๆ
“…น่าทุเรศสมกับเป็นเจ้านั่นจริงๆ”
เฟเรสค่อยๆ เดินก้าวเข้าไปหาอาสทาน่าทีละก้าว ในขณะเดียวกันก็พยายามกดข่มเก็บความรู้สึกรังเกียจเอาไว้ในใจ
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!พละกำลังของข้ามันระดับนี้เชียวนะ! ฮ่าฮ่า เห็นมั้ย เห็น…”
อาสทาน่าที่กำลังหัวเราะเสียงดังหยุดชะงักทันทีที่เห็นเฟเรสเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นจะบึ้งตึงลง
ท่าทางไม่คิดที่จะเก็บซ่อนความคิดในใจเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
“อะไรกัน เจ้า?”
อาสทาน่าเป็นฝ่ายกวาดสายตามองเฟเรสตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความดูถูกก่อน
“…เห็นแข่งงัดข้อท่าทางน่าสนุกดี”
เฟเรสเอ่ยตอบในขณะที่หันไปมองชนชั้นสูงรอบๆ
“ให้ข้าเล่นด้วยได้มั้ย”
ฝูงชนรอบด้านพากันปิดปากเงียบทันที
พวกเขาต่างก็ส่งสายตามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศพลันกระอักกระอ่วนน่าอึดอัดใจ
“จะ…เจ้า…”
อาสทาน่าพูดตะกุกตะกัก
“เจ้าต้องเอาชนะเจ้านั่นให้ได้ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์มาท้าประลองข้า! เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้อีกหรือไง!”
อาสทาน่าพูดพลางรีบชี้นิ้วไปทางบุตรคนรองตระกูลบาราพอร์ทอย่างร้อนรน
นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสจึงหันไปมองทางฝั่งนั้นอย่างช้าๆ
เฮือก
บุตรชายคนรองตระกูลบาราพอร์ทที่เมื่อครู่นี้ยังแสร้งเล่นละครอย่างแยบยลเพื่อให้อาสทาน่ารู้สึกพึงพอใจ ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตาเฟเรสตรงๆ ด้วยซ้ำ
ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าชายลำดับที่สองที่ตนเคยได้ยินมานั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งตระกูลบาราพอร์ทอยู่ฝ่ายเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวในตัวเจ้าชายลำดับที่สองมากกว่าเดิม
เฟเรสยืนนิ่งไม่พูดอะไร ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่สิ ข้าเอาชนะเจ้าในการแข่งล่าสัตว์ ดังนั้นกับอีแค่แข่งงัดข้อแค่นี้ ก็น่าจะมีสิทธิ์ท้าประลองได้ทันทีไม่ใช่หรือไง”
เสียงทุ้มต่ำของเฟเรสดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้า
ตอนนี้ชนชั้นสูงทั้งหมดกำลังจับจ้องไปที่อาสทาน่ากันเป็นสายตาเดียว
ที่เฟเรสพูดมานั้นถูกต้องอย่างไม่มีข้อกังขา
เฟเรสชนะอาสทาน่าในการแข่งล่าสัตว์เมื่อหลายวันก่อน
แถมยังชนะแบบขาดลอยเสียด้วย
ถุงใต้ตาของอาสทาน่ากระตุกถี่อยู่หลายครั้ง เด็กหนุ่มตะโกนกร้าวเสียงดังลั่น
“หึ! ข้าจะรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นความสามารถของตัวเจ้า หรือของพวกลูกสมุนเจ้ากันแน่!”
คำนั้นอ้างถึงริกนีเต้ เทดโร่ว และสติลลีย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์เป็นกำลังเสริมให้แก่เฟเรสนั่นเอง
“ส่วนเจ้าก็พาผู้ช่วยไปเข้าร่วมการประลองด้วยห้าคนใช่มั้ย แต่ก็ยังจับมาได้แค่สุนัขจิ้งจอก เจ้าห่วยแตกเอง หรือพวกลูกสมุนของเจ้ามันห่วยแตกกันล่ะนั่น”
“อะ…ไอ้ชั้นต่ำ! จงมีมารยาทกับเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอย่างข้าด้วย ไอ้ชั้นต่ำนี่!”
สุดท้ายพอเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อาสทาน่าก็อ้างเรื่อง ‘ไอ้ชั้นต่ำ’ ทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทาเหมือนเคย
เฟเรสเริ่มจะหงุดหงิดแล้วจริงๆ
คนแบบนี้มาเป็นคู่แข่งกับเขาเนี่ยนะ