เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 187.1

เล่ม 5 บทที่ 187.1

เล่ม 5 บทที่ 187.1

ตอนที่ 187

“เลวร้ายมาก”

เฟเรสทรุดกายนั่งลงข้างเธอ เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าพลางเอ่ยพูดขึ้น

น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

หลังจากรับประทานอาหารมื้อกลางวันกับท่านพ่อเสร็จ เธอก็ได้พบกับเฟเรสอีกครั้งแถวๆ ลานฝึกใกล้ปีกคฤหาสน์

“เพราะฉะนั้น…เจ้าไปรับประทานมื้อเช้ากับท่านพ่อและท่านปู่มาเหรอ”

ดูเหมือนว่าตอนเช้าหลังจากท่านพ่อลากเฟเรสออกไปจากห้องของเธอ ท่านก็พาเด็กหนุ่มไปร่วมโต๊ะอาหารมื้อเช้าด้วยกันกับท่านปู่ที่ห้องอาหารในคฤหาสน์หลักละมั้ง

ก็แค่ไม่ได้พบหน้ากันไม่กี่ชั่วโมงเองนะ

แต่ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนั้น ใบหน้าของเฟเรสกลับดูเป็นเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

“นั่นมันใช่มื้อเช้าแน่เหรอ ข้ารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปหลายสิบชั่วโมงเลย”

“เจ้าไปแค่สี่ชั่วโมงเองนะ”

“อา…”

เฟเรสครางตอบด้วยใบหน้าเหม่อลอย เรือนผมพลิ้วไหวไปตามแรงลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดผ่านเข้ามาจนผมยุ่งเหยิงไปหมด

“ตั้งสติหน่อยเฟเรส อ๊ะ มานั่นแล้ว”

เธอตบหลังเฟเรสเสียงดังปั๊กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะเห็นคนที่กำลังรออยู่พากันเดินมาจากที่ไกลๆ โน่นแล้ว

“เทีย!”

“เทีย!”

คนที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนฝุ่นดินคลุ้งตลบไปหมดหลังจากสังเกตเห็นเธอก็คือ คิลลีวูกับเมโลนนั่นเอง

หลายเดือนที่ผ่านมาพวกเขาไปเข้าแคมป์ฝึกซ้อมของกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดีย เธอก็เลยไม่ได้พบหน้าสองแฝดมานานพักใหญ่

ชื่อเรียกอาจจะเป็นแค่การฝึกซ้อมก็จริง แต่ได้ยินว่าความจริงแล้วมันใกล้เคียงกับแคมป์นรกมากกว่า

ทำเอาในช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนแตกต่างไปจากเดิมมากทีเดียว

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”

“คิดถึงจัง!”

ถึงแม้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาจะไม่เปลี่ยนไปเลยก็เถอะ

“ได้ข่าวว่าทั้งสองคนได้เป็นหัวหน้ากลุ่มอัศวินหน้าใหม่กันเลยเหรอ ยินดีด้วยนะ”

นั่นเป็นข่าวที่เธอได้ยินผ่านชานาเนส

“เห็นว่ามีแค่ไม่กี่คนเองในประวัติศาสตร์กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียเชียวนะ ที่ได้เลื่อนขั้นเร็วแบบพวกเจ้าทั้งคู่น่ะ”

สองแฝดยักไหล่ไม่ยี่หระกับคำพูดของเธอ

“แน่นอนอยู่แล้ว! พวกเราเป็นใครกัน!”

“พูดเผื่อไว้ก่อนนะ แต่พวกเขาไม่เคยให้ความสะดวกสบายพวกข้าเพราะเป็นลอมบาร์เดียแน่”

“ใช่แล้วละ หัวหน้าเป็นมนุษย์ที่โหดเหี้ยมอำมหิตสุดๆ บรื๋อ”

สองแฝดตัวสั่นเมื่อพูดถึงหัวหน้ากองกำลังอัศวินลอมบาร์เดีย

แต่แล้วในตอนนั้นเองก็มีบุคคลหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านหลังของสองแฝด

“สวัสดีค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”

“ว่าแล้วเชียว เหมาะกับชุดฝึกดาบมากเลยนะคะ คุณหนูบราวน์”

ราโมนามัดผมสีแดงโดดเด่นนุ่มสลวยขึ้น นางยิ้มเล็กน้อยคล้ายกับเขินอายในคำชมของเธอ

“ขอบคุณค่ะ คุณหนู ว่าแต่วันนี้ทำไมถึงได้เรียกตัวข้ามาพบในชุดนี้…”

ราโมนาหันไปมองสองแฝดกับเฟเรสด้วยใบหน้าสับสน

“พวกข้ามีธุระกับฝั่งนั้นน่ะ”

“คงยังไม่ลืมหรอกใช่มั้ย เจ้าชายลำดับที่สอง”

คำยั่วยุอย่างมั่นอกมั่นใจของสองแฝด ทำให้เฟเรสลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

คนที่เคยนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าอยู่จนถึงเมื่อครู่หายไปแล้ว

เฟเรสหยิบดาบที่วางไว้ข้างกายขึ้นมาถือ เขาก้มหน้ามองสองแฝดที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย มุมปากข้างหนึ่งกระตุกยิ้ม

“คนเดียว? หรือจะบุกเข้ามาพร้อมกันทั้งคู่เลยก็ได้นะ จะได้ประหยัดเวลาดี”

“วะ…ว่าไงนะ”

“พวกเราไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ!”

คราวนี้กลับกลายเป็นคำยั่วยุของเฟเรสที่ทำให้สองแฝดโมโหเดือดแทน

ทั้งสามคนเริ่มคำรามใส่กันราวกับพร้อมที่จะยกดาบขึ้นปะทะกันได้ทุกเมื่อ

“เดี๋ยวก่อน”

แต่เธอเดินเข้าไปแทรกระหว่างพวกเขาพลางเอ่ยพูดขึ้น

“จะประลองกับเฟเรสกันสองต่อหนึ่งไม่ได้”

คิลลีวูแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบคำพูดของเธอ

“ใช่แล้ว แค่ข้าคนเดียวก็พอ…”

“ไม่ พวกเจ้ารวมกลุ่มกับคุณหนูบราวน์แล้วประลองกับเฟเรสพร้อมกัน”

“ทะ…เทีย…”

สองแฝดหันมามองเธอด้วยใบหน้าตกตะลึง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวหวั่นไหวกับเรื่องแบบนี้

เพราะเธอยังมีอีกเรื่องที่ต้องตรวจเช็กให้มั่นใจให้ได้

* * *

“ชิ”

เมโลนเดาะลิ้นเบาๆ

เพราะรู้สึกราวกับว่า เฟเรสที่ยืนถือดาบอยู่ตรงหน้าเป็นกำแพงขนาดยักษ์ที่เขาไม่อาจก้าวผ่านไปได้

“ให้ตายเถอะ”

คิลลีวูผู้เป็นน้องชายฝาแฝดเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาพึมพำเสียงแผ่วห่างออกไปไม่ไกลนัก

เมโลนละสายตาจากคิลลีวู แล้วหันไปมองราโมนา บราวน์ แทน

เขาได้ยินคำอธิบายจากเทียแล้วว่า คนคนนี้เป็นคนของตระกูลบราวน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังตระกูลนั้น

ตอนนี้ไม่ว่าใครในอาณาจักรต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่า วิชาดาบที่พวกเขาได้เล่าเรียนกันอาจจะเรียกว่า ‘วิชาดาบประจำอาณาจักร’ ก็จริง แต่ความจริงแล้วต้นแบบของมันมาจาก ‘วิชาดาบตระกูลบราวน์’ ซึ่งเป็นวิชาต้นแบบดั้งเดิมต่างหาก

รวมถึงความจริงที่ว่า ตระกูลบราวน์ยอมเปิดเผยวิชาดาบที่เป็นวิชาลับประจำตระกูลออกมา ก็เพื่อความก้าวหน้าของอาณาจักรนั่นก็ด้วย

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นอัศวินประจำตระกูลลอมบาร์เดีย แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นอัศวินของอาณาจักรแห่งนี้เช่นกัน ดังนั้นสำหรับเมโลนแล้ว การที่พวกเขาได้ร่วมทีมกับคนจากตระกูลบราวน์นั้น เรียกได้ว่าเป็นเกียรติที่ในอนาคตเขาสามารถนำไปโอ้อวดต่อใครๆ ได้

“เข้ามาเลย”

ในตอนนั้นเอง เฟเรสก็เปิดปากพูดเสียงทุ้ม

มันอาจจะเป็นแค่เสียงแผ่วเบา แต่คิลลีวู เมโลน และราโมนาต่างก็พุ่งกระโจนเข้าใส่เฟเรสอย่างไม่ลังเล

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท