เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 178.2

เล่ม 5 บทที่ 178.2

เล่ม 5 บทที่ 178.2

“องค์จักรพรรดินี?”

เธอแย้มยิ้มเอ่ยเรียกจักรพรรดินี

ด้วยใบหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ

“ค่ะ ว่าแต่คุณหนูลอมบาร์เดียเคยมาร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นของข้าแล้วหรือยังคะ”

เพียงพริบตาจักรพรรดินีก็จัดการเก็บสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว สมแล้วที่มีประสบการณ์โชกโชนในแวดวงสังคม

“เคยติดตามท่านพ่อมาร่วมงานเมื่อตอนยังเด็กมากเพคะ องค์จักรพรรดินี”

“อา เหรอคะ ไม่นึกเลยว่าคุณหนูลอมบาร์เดียคนนั้นจะเติบโตมาเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายลำดับที่สองเสียได้”

จักรพรรดินีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนมีความสุขมากจากใจจริง

“ตอนได้ยินข่าวหมั้นหมายของคุณหนูลอมบาร์เดียกับเจ้าชายลำดับที่สอง ข้ามีความสุขจริงๆ เลยค่ะ”

มีความสุขมากจนทำลายข้าวของในวังจักรพรรดินีจนพังหมดเลยหรือไง

ปฏิกิริยาของจักรพรรดินีในวันที่กฎการสืบทอดตระกูลด้วยบุตรชายคนโตไม่ผ่านมติที่ประชุม เธอไหว้วานเบ๊ตให้ช่วยเก็บแยกไว้ในหนังสือที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษเชียวนะ

เวลาเบื่อๆ ได้หยิบออกมาอ่านแล้วช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย

“วันนี้ข้าเตรียมงานเอาไว้สำหรับคุณหนูลอมบาร์เดียโดยเฉพาะ จึงไม่ได้เชิญแขกคนอื่นมาเลยค่ะ ตอนนี้พวกเราก็จะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วสินะคะเนี่ย”

จักรพรรดินีหัวเราะเสียงดังหุหุพลางเอ่ยพูด

กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

แค่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นของจักรพรรดินีก็น่ารำคาญจะแย่ นี่ยังต้องนั่งมองหน้าจักรพรรดินีไปพลางรับประทานอาหารฟูลคอร์สที่กินเวลานานอีกงั้นเหรอเนี่ย

ให้ตายก็ไม่อยาก

แต่เธอเองก็เตรียมตัวมาพร้อมอยู่เหมือนกัน เพราะรู้ดีว่ายังไงก็ต้องเล่นไม้นี้แน่

เธอหันไปมองรอบๆ แทนคำตอบ

“อ๊ะ มาทางด้านนั้นแล้ว”

มองตรงไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมาบนถนนสายใหญ่ฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับวังจักรพรรดินีที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก

ทั้งๆ ที่คิดอยู่ว่าเขาไปที่ลานล่าสัตว์ บางทีอาจจะมาไม่ทันเวลาก็ได้แท้ๆ

เธอยิ้มกว้างเรียกชื่อคนที่เดินอยู่หัวขบวนที่กำลังเดินตรงเข้ามาด้านนี้

“เจ้าชายเฟเรส”

ดูเหมือนหลังจากกลับมาถึงพระราชวัง เฟเรสคงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้ว ชายหนุ่มในวันนี้ก็ยังดูหล่อเหลามีออร่าเหมือนทุกวัน และกำลังเดินมาหาเธอ

และสิ่งแรกที่เขากระทำก็คือ

“เทีย”

เอ่ยเรียกชื่อเธอสั้นๆ เสียงทุ้ม พร้อมกับก้มลงจุมพิตลงบนหลังมือของเธอ

เมินเฉยจักรพรรดินีซึ่งถือว่าเป็นผู้อาวุโสในราชวงศ์อย่างสิ้นเชิง

เฟเรสยังคงเอาแต่มองแค่เธอคนเดียว

“คุณหนูลอมบาร์เดีย”

จนกระทั่งจักรพรรดินีเอ่ยเรียกชื่อเธอขึ้นมา

“คุณหนูเป็นคน…เชิญเจ้าชายลำดับที่สองมาหรือคะ”

“เพคะ พอดีเห็นว่าองค์จักรพรรดินีส่งจดหมายเชิญหม่อมฉันมาร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นด้วยกัน ก็เลยส่งสารไปหาเผื่อว่าเจ้าชายจะมาร่วมงานด้วยกันได้น่ะเพคะ”

“นั่นมันเสียมารยาท…”

“ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างรักใคร่ก็ดูน่าจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยเพคะ องค์จักรพรรดินี อย่างไรก็กำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

เธอจัดการปิดปากไม่ให้จักรพรรดินีคัดค้านอะไรได้อีก

ก็นั่นเป็นคำพูดที่นางเป็นคนพูดออกมาเองเมื่อครู่นี้นี่นะ

แถมถ้าระเบิดอารมณ์ใส่เธอเพราะปัญหาเรื่องแค่นี้ คงได้วงแตกก่อนจะได้เริ่มมื้อเย็น จักรพรรดินีจึงกระตุกยิ้มมุมปากโดยอัตโนมัติอย่างที่เคยชิน

“แน่นอนสิคะ แขกเหรื่อยิ่งมีมากก็ยิ่งดี มาร่วมโต๊ะด้วยกันนะคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”

ท้ายประโยค จักรพรรดินีหันมาถลึงตาใส่เธอ

ทำไมยะ ไหนว่าใกล้จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไงล่ะ

* * *

มันเป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อมากจริงๆ

จักรพรรดินีเอาแต่พยายามประจบประแจงเธออย่างแข็งขัน จนเธอรู้สึกได้เลยว่าคิดถูกแล้วจริงๆ ที่ตัดสินใจเรียกเฟเรสมาเป็นไม้กันหมา

และยิ่งบทสนทนายืดยาวต่อไปเรื่อยๆ จุดประสงค์ที่จักรพรรดินีเรียกเธอมาร่วมโต๊ะในวันนี้ก็ยิ่งเผยออกมาให้เห็นทีละน้อย

“ได้ยินว่าช่วงนี้เชซายูกำลังพัฒนาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ เพราะกลายเป็นเมืองท่าทางธุรกิจที่ช่วยประสานเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ใช่มั้ยคะ แล้วช่วงนี้ท่านชายลอมบาร์เดียพักอยู่ที่ไหนหรือคะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”

เล่นถามกันมุ่งเป้าไปที่ท่านพ่อทุกเรื่องแบบนี้ จะตอบออกไปว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ด้วย

“ปกติก็พักอยู่ที่เชซายูเพคะ ท่านพ่อเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในเชซายูมาก จะเรียกว่าเป็นบุตรชายคนที่สองของเชซายูก็ไม่ถือว่าโอ้อวดจนเกินไปเลยละเพคะ”

“ตายจริง อย่างนั้นนี่เอง เพราะแบบนี้เชซายูถึงได้พัฒนาไปเร็วมากในแต่ละวันเลยสินะคะเนี่ย”

จักรพรรดินีท่าทางจะสนใจในเชซายูมากกว่าเธอเสียอีก

เธอแสร้งทำเป็นพูดออกไปเรื่อยเปื่อย ทั้งๆ ที่ใจอยากจะรีบๆ ปลีกตัวออกไปจากงานเลี้ยงนี่เต็มทนแล้ว

“ตอนนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับตะวันตกก็จริงเพคะ แต่สิ่งที่ทำให้เชซายูพัฒนาได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะการค้าทางเรือกับทางตะวันออกมากกว่าเพคะ”

เอี๊ยด

นั่นไง

แค่พูดถึงตะวันออก มีดของจักรพรรดินีที่ใช้หั่นสเต๊กอยู่เงียบๆ ก็ครูดเข้ากับจานส่งเสียงแหลมเสียแล้ว

ในขณะเดียวกันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็พลันเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย

เยี่ยม! จะได้จบงานเลี้ยงมื้อเย็นบ้าๆ นี่สักที!

แต่จักรพรรดินีกลับหยิบผ้าเช็ดปากสีขาวขึ้นมาซับริมฝีปากเบาๆ แล้วโจมตีเธอในด้านที่เธอไม่ทันได้คาดคิดมาก่อนซะงั้น

“ว่าแต่เจ้าชายลำดับที่สองกับคุณหนูลอมบาร์เดียนี่ผิดคาดเล็กน้อยนะคะ”

เฟเรสที่กำลังดื่มไวน์อยู่เองก็เหมือนจะรู้สึกได้ว่าสถานการณ์เริ่มแปลกพิกล จึงวางแก้วไวน์ในมือลง

“ได้ยินว่ารักกันมากจนถึงขนาดวิ่งไปพบฝ่าบาทด้วยกัน แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่รู้สึกถึงความรักใคร่ในกันและกันจากทั้งสองคนเลยนะคะ”

ไม่ได้แค่หาข้ออ้างพูดไปเรื่อยเปื่อย

ใบหน้ายิ้มแย้มของจักรพรรดินีดูจะมั่นใจมากแปลกๆ ชอบกล

ท่าทางนางจะสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเฟเรสเป็นแน่

นัยน์ตาสีฟ้าคู่งามซึ่งประกายไม่เคยหม่นแสงแม้กระทั่งในยามค่ำคืนคู่นั้น จ้องเธอกับเฟเรสอย่างดุดันจนน่าแปลกใจ

“เรื่องนั้น…”

แต่แล้วในจังหวะที่เธอตั้งใจจะแก้ตัวออกไป

หมับ

จู่ๆ เฟเรสที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของเธอก็เอื้อมมือออกมากุมมือเธอไว้

มันไม่ใช่การสกินชิปเบาๆ อย่างการวางมือของเขากุมไว้บนมือของเธอ แต่นิ้วทุกนิ้วของเขาสอดประสานเข้ากับง่ามนิ้วของเธอจนแน่น

และก่อนที่จะทันได้ห้ามปราม เฟเรสก็ดึงมือซ้ายของเธอเข้าหาตัวเองอย่างช้าๆ

“ฟะ…เฟเรส…”

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสมองสบตาเธออย่างร้อนแรงราวกับต้องการจะแผดเผากันให้ไหม้เป็นจุล

และริมฝีปากของเด็กหนุ่มก็จุมพิตลงบนแหวนหมั้นที่สวมอยู่บนนิ้วของเธอ

มันใกล้มาก

ลมหายใจอุ่นร้อนที่รู้สึกได้ผ่านผิวหนังทำเอาเธอสะดุ้งไปเล็กน้อย เห็นแบบนั้นแล้วนัยน์ตาของเฟเรสจึงมีแววขบขันพาดผ่านอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าชายลำดับที่สอง!”

จักรพรรดินีตำหนิเสียงดัง

แต่เฟเรสก็เพียงแค่ตอบกลับไปอย่างเฉื่อยชาเท่านั้น

“เพราะหากได้สัมผัสครั้งหนึ่ง ข้าคงไม่อาจปล่อยมือห่างจากนางได้ถึงได้ต้องอดกลั้นเอาไว้แท้ๆ แต่ดูเหมือนสายตาขององค์จักรพรรดินีจะทอดพระเนตรเห็นเป็นอย่างอื่นเสียได้พ่ะย่ะค่ะ”

นิ้วหัวแม่มือของเฟเรสลูบไล้นวดไปตามผิวเนื้ออ่อนระหว่างนิ้วมือของเธอ

และยกยิ้มจางราวกับต้องการเย้ยหยันให้จักรพรรดินีได้เห็นเต็มสองตา

“ถ้าอย่างนั้นพวกกระหม่อมขออนุญาตปลีกตัวไปหาที่สงบๆ ที่ไม่มีใครรบกวนจะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท