เล่ม 4 บทที่ 166.2
หลังจากความเงียบกลืนกินไปทั่วรถม้า เซรัลก็ยื่นมือออกไปหาลาลาเน่อย่างเชื่องช้า
ลาลาเน่ผวาเฮือกตามสัญชาตญาณของร่างกายเมื่อมือข้างนั้นเอื้อมมาสัมผัสกับศีรษะของนาง
“ลาลาเน่ อย่าไล่ตามความรัก แต่จงไล่ตามอำนาจ นั่นถึงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องในทุกยุคทุกสมัย บุตรสาวผู้ใสซื่อและอ่อนโยนของข้า”
เซรัลเอ่ยเสียงอ่อนโยนราวกับขับกล่อมนิทานก่อนนอน
“นั่นคงเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดแล้ว ที่ข้าจะสอนเจ้าได้ในฐานะแม่”
“แต่ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการอำนาจนี่คะ” ลาลาเน่ประท้วง
“ข้าไม่เคยโลภอยากได้ของพวกนั้นค่ะ สิ่งที่ข้าต้องการก็มีแค่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขกับคนที่ข้ารักเท่านั้นเอง”
“พูดอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้” เซรัลพูดขัดประโยคของลาลาเน่ในทันที
“ชีวิตสงบสุขที่เจ้าต้องการนั่น หากไม่มีอำนาจมันก็เปล่าประโยชน์ลาลาเน่ เรื่องนี้อาจจะทำให้เจ้าผิดหวัง แต่จงรู้ไว้เถอะว่าข้าได้เลือกทางที่ดีที่สุดเพื่อเจ้า”
“เลือกทางที่ดีที่สุด?”
“อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเชียวนะ สักวันเจ้าจะได้เป็นพระชายาของรัชทายาทและอยู่ในเมืองหลวงที่สามารถพบหน้าคนในครอบครัวได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ย่อมดีกว่าแต่งงานกับตระกูลที่มีอำนาจพอสมควร แล้วย้ายออกไปอยู่ห่างจากภาคกลางไม่ใช่หรือ”
“นั่นก็จริง…….แต่ข้าไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง”
“แปลกจริง ลาลาเน่” นัยน์ตาของเซรัลจ้องหน้าลาลาเน่ด้วยความเย็นชา
“หรือว่าเจ้ามีใครที่แอบคบหากันโดยที่ข้าไม่รู้”
“ปะ เปล่าค่ะ!ไม่มีเรื่องแบบนั้นนะคะ!”
ลาลาเน่รีบโบกมือทั้งสองข้างปฏิเสธเป็นพัลวัน
แต่ไม่อาจควบคุมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อได้อยู่ดี
เซรัลหรี่ตาลง
“ต่อให้มี ก็รีบ ๆ จัดการให้เรียบร้อยเร็ว ๆ เสียดีกว่า จำไว้ให้ดีว่าคนที่เจ้าจะต้องแต่งงานทางการเมืองด้วย คือเจ้าชายอาสทาน่าซึ่งจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทในไม่ช้าเจ้าจงทำตัวให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเสีย”
สุดท้ายลาลาเน่ก็ได้แต่จับชายเสื้อของเซรัลเอาไว้และอ้อนวอนอีกครั้ง
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่งงานจริง ๆ นะคะ”
แต่ปฏิกิริยาของเซรัลก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเลือดเย็นเช่นเคย
นางจ้องหน้าบุตรสาวราวกับต้องการที่จะมองทะลุไปถึงในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด
“ไม่ได้การเสียแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าห้ามเดินทางออกไปนอกคฤหาสน์ลอมบาร์เดียตามลำพังอีก ลาลาเน่”
“มะ ไม่นะคะ ท่านแม่!”
“ทำไม”
“เรื่องนั้น……มีงานเลี้ยงที่ข้าตอบกลับไปแล้วว่าจะไปเข้าร่วมอยู่ด้วย แล้วยังมีสโมสรการอ่านอีก……”
“ตั้งแต่นี้อย่างไรก็ต้องยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวแต่งงานอยู่ดี ไม่มีเวลาให้ออกไปสโมสรพวกนั้นหรอกนะ และถ้าข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายแพร่ออกไปเมื่อไหร่ ต่อให้เจ้าไม่อาจไปเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ คนอื่น ๆ ก็คงเข้าใจกันทั้งนั้น ใช่แล้ว เจ้าจะเป็นถึงพระชายาขององค์รัชทายาทในอนาคตเชียวนะ”
แค่จินตนาการเซรัลก็ยกยิ้มด้วยความพอใจขึ้นมาแล้ว
แต่เพียงไม่นานก็หันมาพูดกับลาลาเน่ด้วยใบหน้าเข้มงวด
“ต่อไปถ้าจะออกไปนอกคฤหาสน์ เจ้าต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน ถ้าเป็นเรื่องสมควรข้าจะไปพร้อมกับเจ้าด้วย เข้าใจมั้ย ลาลาเน่”
แบบนี้ก็ไม่อาจพบท่านอาบีน็อกซ์ได้เลยน่ะสิ
ลาลาเน่ก้มศีรษะลง พยายามเก็บซ่อนใบหน้าที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาบนนัยน์ตา
“ตอบมา ลาลาเน่!” เซรัลตวาดเสียงดัง
“……ค่ะ ท่านแม่”
สุดท้ายลาลาเน่ก็ได้แต่ตอบออกไปแบบนั้นโดยไม่อาจโต้แย้งอะไรได้อีก
* * *
ณ ห้องทรงงานขององค์จักรพรรดิ
หลังการประชุมใหญ่จบลง รูลลักก็มารอพบโยบาเนสในห้องทำงานของจักรพรรดิตามคำสั่งของอีกฝ่าย
“เฮ้อ……”
รูลลักถอนหายใจเสียงแผ่ว ยกมือขึ้นนวดนัยน์ตาที่ปวดจากความเหนื่อยล้าจากการเข้าประชุมเป็นระยะเวลานาน
พอเข้าปีนี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปมากทีเดียว
ตอนนี้ก็ใกล้เวลาแล้วที่หน้าที่การงานในฐานะเจ้าตระกูล จะกลายเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินกว่าร่างกายของเขาจะแบกรับไหว
“ข้าเองก็ถึงเวลาต้องลงจากตำแหน่งแล้วหรือ” รูลลักพึมพำด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ในตอนนั้นเอง โยบาเนสก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“อา มาถึงก่อนแล้วหรือ”
จักรพรรดิสาวเท้าเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะหยิบเอาขวดเหล้าบนชั้นมาถือไว้ แล้วจัดการเทเหล้าลงในแก้วทั้งสองใบด้วยตัวเองโดยไม่คิดเรียกข้ารับใช้ให้เข้ามาปรนนิบัติ
“ดื่มสักแก้วมั้ยครับ” โยบาเนสวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ารูลลัก
รูลลักมองของเหลวสีทองในแก้วคริสตัลที่ถือไว้ในมือ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่กระหม่อมมาเยือนห้องทำงานของฝ่าบาท นี่เป็นครั้งแรกเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ที่พระองค์มอบเหล้าให้เช่นนี้ ฝ่าบาท”
“อืมม อย่างนั้นหรือ ข้านี่ช่างแย่เสียจริง หวงเหล้าแก้วเดียวกับเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียได้ยังไงกัน”
“ถ้าทำเช่นนี้เพราะเรื่องเหมืองแร่เหล็ก มันไม่มีประโยชน์หรอกพ่ะย่ะค่ะหากแค่ต้องการหาเงินเฉย ๆ แล้วล่ะก็ ลองคิดเรื่องอื่นแทนเถอะ ลอมบาร์เดียจะช่วยสนับสนุนพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮึ่ม หมายความว่าไม่มีวันมอบเหมืองแร่ให้เด็ดขาดสินะ”
โยบาเนสจ้องรูลลักด้วยสายตาดุดัน พลางเอ่ยถามขึ้น
“น่าเสียดายแต่เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่ตลาดจะล้มได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากได้ยินคำตอบของรูลลัก โยบาเนสก็ดื่มเหล้าลงคออึกใหญ่ แล้วพยักหน้าลงท่าทางดูคล้ายกับยอมรับในคำกล่าวนั้นอย่างว่าง่ายไม่คิดโต้เถียง
“เรื่องนั้นก็จริง แต่ข้าไม่ได้เรียกมาพบเรื่องนี้หรอกนะครับ”
โยบาเนสพูดราวกับยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง
วินาทีนั้นเอง รูลลักก็ขมวดคิ้วแน่นจักรพรรดิโยบาเนสไม่ใช่คนที่ยอมถอยให้ง่าย ๆ เช่นนี้เพื่อเงินแล้วล่ะก็ โยบาเนสเป็นคนยึดติดอย่างรุนแรงยิ่งกว่าใครต้องคิดที่จะเล่นแง่อะไรอีกเป็นแน่และรูลลักก็ได้รู้เหตุผลนั่นในทันที
“ข้าเรียกมาเพื่อจะบอกว่า ข้าได้ตัดสินใจให้ลาลาเน่ บุตรสาวของเบเจอร์มาเป็นคู่ครองของอาสทาน่าครับ”