เล่ม 5 บทที่ 185.1
ตอนที่ 185
ยามเช้าตรู่พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าเผยโฉมให้เห็นเพียงเสี้ยว
เธอยืนพิงขอบประตู ในขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงเรียบ
“เพราะฉะนั้นเฟเรส เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เช้าแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไรกัน”
สภาพของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาเธอหลุดขำออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เพื่อแคทเธอรีน”
ชายหนุ่มตอบกลับมาทันทีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย
“เทีย เจ้าส่งจดหมายมาหาข้า บอกว่าแคทเธอรีนจำเป็นต้องพักอยู่ที่คฤหาสน์ต่ออีกสักพัก เพราะเรื่องของตระกูลบราวน์ไม่ใช่เหรอ”
“อธิบายให้มันชัดเจนหน่อยสิ”
“แคทเธอรีนที่ปกติไม่เคยใช้วันลาพักส่วนตัวเลยสักครั้ง จู่ๆ ถ้าหายตัวไปจากพระราชวังหลายวัน จักรพรรดินีคงจะรู้สึกสงสัยขึ้นมาน่ะสิ”
“แล้วไง”
“เพราะฉะนั้นถ้าข้ามาพักอยู่ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย เพื่อใช้เวลาร่วมกันกับเทียที่เป็นคู่หมั้นของข้า แบบนั้นการที่แคทเธอรีนที่เป็นนางกำนัลจะไม่อยู่ในวังก็คงจะไม่มีใครรู้สึกสงสัยใช่มั้ยล่ะ”
เด็กนี่หน้าด้านจริงๆ เลย
เธอกอดอกแน่น หรี่ตามองเขาพลางเอ่ยถามขึ้น
“จริงเหรอ แค่นั้นจริงๆ นะ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าเลยสักนิด”
“…”
เฟเรสปิดปากแน่น เอาแต่ยิ้มแทนการตอบคำถามเธอ
มันเป็นวิธีที่เด็กหนุ่มมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เวลาที่เขาอยากจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามเธอ และโกหกเธอไม่ได้
“…เข้ามาก่อนก็แล้วกัน”
ให้ตายเถอะ วุ่นวายกันจริงๆ เลย
เธอเบี่ยงตัวหลีกทางออกจากหน้าประตูที่ตัวเองยืนขวางอยู่เมื่อครู่
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็รีบสาวเท้าก้าวเข้ามาในบ้านของเธออย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
คงจะมีความสุขมากเลยละมั้งนั่น นานแล้วที่ไม่ได้เห็นริมฝีปากนิ่งขรึมคลี่ยิ้มอย่างผ่อนคลายแบบนั้น
“แต่แคทเธอรีนคงจะดีใจมากเลยนะ นางเป็นห่วงเจ้ามากเลยละ”
เธอพูดพลางนั่งเอนกายพิงโซฟาในห้องรับรอง
ทั้งๆ ที่ยังสวมแค่เสื้อคลุมตัวหนาทับชุดนอนเนี่ยแหละ
สภาพแบบนี้ให้ตายก็ต้อนรับแขกคนอื่นไม่ได้
แต่แล้วยังไงล่ะ นี่เฟเรสนี่นา
อุณหภูมิยามเช้าค่อนข้างเย็นอยู่บ้าง เธอเลยต้องยกเข่าขึ้นมานั่งขดกายด้วยความหนาว
แค่นั้นเอง
แต่เพียงพริบตาผ้าคลุมที่เฟเรสสวมอยู่ก็ห่มลงมาบนตัวเธออย่างไร้สุ้มไร้เสียง
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามาเพราะแคทเธอรีน”
เฟเรสนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด
เขานั่งลงข้างกายเธออย่างเป็นธรรมชาติ และกำลังหันหน้ามองสบตาเธออยู่
ระยะห่างใกล้กันมากจนปลายเท้าของเธอสัมผัสกับเข่าของเฟเรส
‘อ่า นี่มัน’
ในวินาทีนั้นเองเธอถึงตระหนักขึ้นมาได้
ว่าพวกเรากำลังนั่งอยู่ด้วยท่วงท่าเหมือนกับเมื่อคืนนั้นไม่มีผิด
เธอกัดริมฝีปากแน่นด้วยความกระวนกระวายใจ
แต่การเคลื่อนไหวของเธอกลับไปกระตุ้นเด็กหนุ่มเข้าเสียได้
นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเอาแต่มองตามริมฝีปากของเธอราวกับโดนดึงดูด
เธอไม่ได้ตั้งใจจะยั่วยวนอะไรเขาจริงๆ นะ
รอยยิ้มหวานบนใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองเธอในขณะที่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางประคองศีรษะตัวเองเอาไว้นั่น จู่ๆ มันก็พลันจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
และเด็กหนุ่มก็ยื่นมือออกมาหาเธอ
ชะงัก
เธอตกใจสะดุ้ง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
แต่มือของเฟเรสก็แค่ช่วยจัดเสื้อคลุมของตัวเองที่ห่มอยู่บนไหล่เธอเท่านั้นเอง
อา ขายหน้าชะมัด
รู้สึกได้เลยว่า ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนผ้าคลุมผืนนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มกลับดูแปลกพิกล
หางตาเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ไม่ชอบข้าเหรอ”
ว่าแล้วเชียว
เสียงของเฟเรสแฝงไว้ด้วยความรู้สึกแง่งอน
“…เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น”
เธอไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาหรอก
ในเมื่อตอนนี้ยังสั่นขนาดนี้เลยนี่นะ
เธอแสร้งทำเป็นกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น ยกมือขึ้นทาบทับใต้ไหปลาร้า ปลอบหัวใจที่เต้นโครมครามไม่หยุดอยู่บริเวณนั้นให้สงบลง
ถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดีก็เถอะ
“งั้นชอบข้าเหรอ”
เฟเรสขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นพลางเอ่ยถาม
ตึ้กตั้ก ตึ้กตั้ก ตึ้กตั้ก
กลิ่นกายหอมหวานคล้ายกลิ่นกุหลาบของเฟเรสหอมฟุ้งไปทั่ว
เดิมทีแผนการของเธอมันไม่ใช่แบบนี้
เมื่อครู่นี้ตอนที่ดันหลังเด็กหนุ่มเข้ามาในห้อง เธอยังตั้งใจว่าจะปฏิบัติตัวกับเฟเรสเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำเป็นประจำอยู่เลย
ก็แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แสร้งทำเป็นเหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น
ถึงแม้เฟเรสจะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลก็เถอะ แต่เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้
เธอเองก็ชอบเขามากเหมือนกัน
แต่ถ้าถึงเวลาต้องเลือก เธอก็คงจะเลือกลอมบาร์เดียอย่างไม่ลังเล
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า ความรู้สึกที่เฟเรสมีต่อเธอมันลึกซึ้งอย่างไร้เงื่อนไขแค่ไหน
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า เธอไม่มีทางตอบแทนความรู้สึกของเขาได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อาจดึงดันเชื่อมั่นในคำพูดของเฟเรส แล้วแสร้งทำเป็นเหมือนมันไม่มีปัญหาอะไรได้หรอก
เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
แต่
ร่างกายของเฟเรสโน้มเอนมาทางเธอมากกว่าเดิม