เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 194.1

เล่ม 5 บทที่ 194.1

เล่ม 5 บทที่ 194.1

ตอนที่ 194

ณ เรือนเล็กในคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย

สถานที่แห่งนี้กลายเป็นบ้านพักหลังใหม่ของสองสามีภริยาเบเจอร์กับเซรัลและบุตรชายอย่างเบเลซัก มันตั้งอยู่ในมุมเงียบสงบปลีกวิเวกห่างไกลจากบริเวณอื่นในคฤหาสน์

“ไหนมาลองดูซิ เบเลซัก”

เซรัลช่วยติดกระดุมชุดล่าสัตว์ที่สั่งตัดมาใหม่ของเบเลซักให้จนถึงเม็ดสุดท้าย นางดันตัวบุตรชายไปยืนอยู่หน้ากระจก

“ดีมาก หล่อเหลาจริงๆ”

ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาล

รูปร่างหน้าตาภายนอกอาจจะดูคล้ายคลึงกับเบเจอร์ผู้เป็นพ่อ แต่นิสัยภายในของเบเลซักนั้นเซรัลคิดว่าบุตรชายเหมือนกับตัวนางมากกว่า

“เบเลซัก”

“ครับ ท่านแม่”

“เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งยิ่ง ใช่หรือไม่”

เบเลซักไม่ได้ตอบอะไร

เพราะเขาเข้าใจความหมายที่เซรัลต้องการจะสื่อดี

‘เจ้าไม่ใช่คนอ่อนแอเหมือนพ่อเจ้า ใช่หรือไม่’

เซรัลกำลังกล่าวเช่นนั้น

ท่านพ่อผู้เกิดมาเป็นบุตรชายคนโต แต่กลับอยู่นอกสายตาของท่านปู่ และสุดท้ายก็ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตจากการถูกยึดคืนชื่อสกุลลอมบาร์เดีย

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดที่จะยืนหยัดต่อสู้หรือลุกขึ้นใหม่เลยสักครา เอาแต่ปล่อยตัวปล่อยใจดื่มเหล้าเมามายทุกวันอย่างน่าสมเพช

พอนึกถึงสภาพน่าทุเรศของท่านพ่อขึ้นมา ก็รู้สึกโมโหจนท้องไส้บิดมวนไปหมด

เซรัลลูบไหล่ของเบเลซักที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้ากระจกเบาๆ

“ใช่แล้ว เจ้าเป็นบุตรชายของข้า”

เซรัลกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหมุนตัวหันกลับไปเปิดลิ้นชัก

ของที่นางหยิบออกมาจากในนั้นเป็นแค่กล่องไม้เล็กๆ กล่องหนึ่ง

แกรก

เสียงดังขึ้นพร้อมกับกล่องในมือเซรัลถูกเปิดออก

“นี่มัน…”

ของที่เผยโฉมออกมาให้เห็นก็คือ มีดสั้นคบกริมที่ถูกวางเอาไว้บนผ้าสีดำ

“ของขวัญสำหรับเจ้า เบเลซัก”

เพราะเขาติดตามอาสทาน่าไปล่าสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เบเลซักจึงมีมีดสั้นสำหรับล่าสัตว์ในครอบครองอยู่หลายเล่ม

แต่มีดสั้นที่เซรัลหยิบออกมาให้เล่มนี้ กระทั่งเบเลซักเองมองแค่ปราดเดียวยังรู้ได้ว่า มันเป็นของชั้นยอดขนาดไหน

เซรัลหยิบมีดสั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะส่งมันให้เบเลซัก

“รับไปสิ”

ความคมที่ส่องประกายสะท้อนแสงแวววาวนั่น ทำให้เบเลซักกลืนน้ำลายเสียงดังอึกลงคอ ขณะที่รับเอามีดสั้นเล่มนั้นมาถือไว้

“เจ้ารู้ความหมายหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงได้ให้มีดสั้นเป็นของขวัญแก่เจ้า”

“…”

เบเลซักไม่ได้ตอบอะไร

เขาเพียงแค่ก้มหน้ามองมีดสั้นในมือด้วยแววตาซับซ้อนเท่านั้น

“ในงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้จะแตกต่างจากการล่าสัตว์ทั้งหลายที่เจ้าเคยประสบมาทั้งหมด เบเลซัก ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่บริเวณชายป่าก็เถอะ แต่ป่าวิกลจริตมันเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างมาก”

เบเลซักขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

ปกติงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ที่ทางลอมบาร์เดียเป็นผู้จัดขึ้นในแต่ละปี อย่างมากก็แค่แข่งกันล่าจิ้งจอกหรือไม่ก็กวางเท่านั้นเอง

การเปลี่ยนเป็นสถานที่อันตรายขนาดนั้นอย่างกะทันหันมันทำให้เขารู้สึกขนลุกชันขึ้นมา

วินาทีนั้นเอง เซรัลก็บีบแขนของเบเลซักแน่น

แรงบีบจากมือข้างนั้นรุนแรงเสียจนไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า มันเป็นแรงที่ออกมาจากนิ้วมือผอมแห้งของผู้หญิงคนหนึ่ง

“ท่านแม่?”

เบเลซักเบิกตากว้างมองเซรัลด้วยความไม่เข้าใจ

“ยิ่งอันตรายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสำหรับเจ้ามากเท่านั้น เข้าใจมั้ย เบเลซัก”

เสียงกระซิบแผ่วเบาช่างฟังแปลกหูไม่คุ้นเคยเหลือเกิน

นัยน์ตาของพวกมอนสเตอร์ดุร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าวิกลจริตเองก็เป็นเช่นนั้นหรือเปล่านะ

นัยน์ตาของเซรัลส่องประกายวาววับจนดูแปลกชอบกล

“หากเจ้าชายอาสทาน่าตกอยู่ในอันตราย เจ้าจงเสนอหน้าออกไปขวางเสีย”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น!”

เซรัลตวาดเสียงดังลั่น

“ตั้งสติให้ดี เบเลซัก! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวแต่ขี้ขลาดแบบนี้!”

ปลายนิ้วของเซรัลที่กำแขนของเบเลซักจิกลงไปบนผิวเนื้อนุ่มอย่างแรงจนเด็กหนุ่มเจ็บไปหมด

“ในเมื่อเป็นงานเทศกาลใหญ่ที่จัดในลอมบาร์เดีย อย่างน้อยคราวนี้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งก็ไม่มีทางผลักไสไม่ยอมให้เจ้าอยู่ข้างกายได้แน่ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้กลับไปทวงตำแหน่งคนสนิทของพระองค์กลับคืนมา!”

เซรัลร้อนใจราวกับมีไฟลน

นางก็อยากจะลงมือจัดการทุกอย่างเองอยู่หรอก แต่เบเจอร์กับเซรัลไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ในครั้งนี้

ในเมื่อพวกนางไม่ใช่สมาชิกตระกูลลอมบาร์เดียอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นถ้าอยากจะเข้าร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์หรืองานเฉลิมฉลอง จำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าร่วมได้

แน่นอนว่าบัตรเชิญไม่เคยถูกส่งถึงคู่สามีภริยาเบเจอร์และเซรัล

“จำใส่ใจเอาไว้ให้ดี เบเลซัก จะอยู่ห่างจากเจ้าชายอาสทาน่าไม่ได้เด็ดขาด”

เซรัลเน้นย้ำอีกครั้ง

“พกมีดสั้นเล่มนี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา หากเกิดเรื่องอันตรายต่อเจ้าชายเมื่อไหร่ จงใช้มันอย่างไม่ลังเล”

“…ครับ”

เบเลซักได้แต่พยักหน้าลงเงียบๆ ต่อหน้าท่านแม่ที่มีท่าทีแปลกไปอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

* * *

เธอสวมถุงมือหนานุ่ม ขณะที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

จุดสิ้นสุดของทุกอย่างรอบเขตวิลล่า และจุดเริ่มต้นของป่าไม้หนาทึบรวมทั้งหมอกมืดที่ปกคลุมอยู่นั้น

ทัศนียภาพช่างแตกต่างจากบริเวณโดยรอบคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเหลือเกิน

“หนาวนิดหน่อยนะคะเนี่ย”

ลอรีลพูดพลางเดินเข้ามาห่มผ้าคลุมขนสัตว์ผืนหนาลงบนไหล่ของเธอ

อากาศเย็นอย่างที่ลอรีลบอกจริงๆ

บ้านพักตากอากาศหลังนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตแดนลอมบาร์เดีย และตั้งอยู่ในตำแหน่งทางเข้าชายป่าวิกลจริตที่เหล่ามอนสเตอร์อาศัยอยู่

“ก็เห็นว่าป่าวิกลจริตนี่มีหมอกหนาปกคลุมตลอดปี แถมยังทำให้คนที่เข้าไปข้างในนั่นกลายเป็นบ้ากันหมดเลยไม่ใช่เหรอ”

คำพูดหยอกเหย้าเล่นๆ ของเธอกลับทำให้ลอรีลที่ได้ยินแค่นั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว นางมองตรงไปยังป่าไม้สูงหนาด้วยนัยน์ตากังวล

“จู่ๆ ทำไมถึงได้ย้ายสถานที่จัดงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์มาที่นี่ล่ะคะ”

เธอแสยะยิ้มตอบคำถามลอรีล

“ก็แค่น่าสนุกดีละมั้ง”

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท