เล่ม 5 บทที่ 205.2
“นั่นมันเรื่องอะไรกัน!”
โยบาเนสโมโหเดือด
“เรื่องนั้นข้าไม่ใช่คนลงมือเสียหน่อยมิใช่หรือครับ! อดีตจักรพรรดิต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่อง!”
โยบาเนสรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
คนที่คิดผลักไสไล่ส่งตระกูลบราวน์ที่สนิทสนมใกล้ชิดมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นแค่เจ้าชายคืออดีตจักรพรรดิต่างหาก ไม่ใช่เขาเสียหน่อย
เพราะอย่างนั้นถึงได้ยอมหลับตาข้างหนึ่ง ปล่อยให้พวกนั้นใช้วิธีขุดรากถอนโคนลงมือกับตระกูลบราวน์จนได้เขตแดนตะวันตกมาไว้ในครอบครอง หลังจากนั้นก็ยังจัดการสั่งให้โยบาเนสผู้เป็นโอรสต้องแต่งงานกับราวีนี
ทั้งหมดเป็นแผนการของอดีตจักรพรรดิแท้ๆ ! แล้วทำไมเขาจะต้องมาโดนด่าสาปส่งแทนด้วย!
ไม่เพียงแต่คอยโผล่มาในความฝันอยู่เรื่อยจนทำให้เขานอนไม่หลับ แต่นี่ยังสร้างเรื่องวุ่นวายทิ้งไว้ให้เขาต้องปวดหัวตามแก้อีกหรือเนี่ย
สมแล้วที่คอยแต่จะขัดขวางอนาคตของโอรสตัวเองจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
“พวกโง่เขลาพวกนั้นจะไปรู้อะไรได้พ่ะย่ะค่ะ”
รูลลักเอ่ยปลอบราวกับอยู่ข้างฝ่ายโยบาเนส
“ก็แค่เสียงกระซิบกระซาบว่ากล่าวว่าราชวงศ์ได้รับโทษ เพราะทอดทิ้งตระกูลบราวน์เท่านั้นเอง เพราะอย่างไรตระกูลบราวน์ก็เป็นที่นิยมต่อเหล่าสามัญชนเป็นอย่างยิ่งจากวิชาดาบประจำอาณาจักรมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ”
โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังทางจมูก
“ข้าเองก็พอจะทราบแล้วละครับว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงได้เกลียดชังตระกูลบราวน์มากถึงเพียงนั้น ในเมื่อยามผู้คนกล่าวถึงวิชาดาบประจำอาณาจักรทีไร ก็เอาแต่ตระกูลบราวน์อย่างนั้น ตระกูลบราวน์อย่างนี้อยู่เรื่อย”
ความอิจฉาริษยาของผู้เป็นจักรพรรดินั้นน่ากลัวยิ่ง
ราคาของความอิจฉานั้นจึงถูกจ่ายแทนด้วยการทำลายล้างตระกูลบราวน์ทั้งตระกูล
“แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีใครจะหยุดยั้งข่าวลือพวกนั้นได้เร็วเท่าตระกูลบราวน์อีกแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นหมายความว่ายังไงกันครับ”
จักรพรรดิโยบาเนสผู้เกลียดชังการถูกผู้คนรุมเกลียดถึงกับกระดิกหูตั้งใจฟัง
“โปรดคืนฐานะให้ตระกูลบราวน์เถอะพ่ะย่ะค่ะ หากทำเช่นนั้นย่อมสามารถหยุดยั้งข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับอังเกนัสได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตระกูลบราวน์งั้นหรือ…”
โยบาเนสลูบปลายคางครุ่นคิด ก่อนจะถามรูลลัก
“จะไม่ลำบากเกินไปหรือครับ ผ่านมาก็ตั้งหลายสิบปีแล้ว เพิ่งมาคืนตระกูลให้เอาป่านนี้”
“ฝ่าบาทเพียงแค่เปิดประเด็นเรื่องตระกูลบราวน์ขึ้นในที่ประชุมสภาขุนนางก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นไอ้หมาล่าเนื้ออย่างเจ้าชายลำดับที่สองนั่นคงจัดการต่อเองได้
ตอนที่โยนเรื่องตระกูลบราวน์มาใส่หัวเขา เรื่องแค่นี้ก็เจ้าเด็กนั่นคงจะมีแผนการวางเอาไว้อยู่แล้วแน่
“อย่างน้อยระหว่างที่ผู้คนฮือฮากันเรื่องตระกูลบราวน์ เสียงพูดคุยเกี่ยวกับราชวงศ์ก็จะค่อยๆ เบาบางลงไปมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
รูลลักยกยิ้มอย่างผ่อนคลาย
โยบาเนสลังเลเพียงแค่ชั่วครู่ เพียงไม่นานก็เอ่ยตอบทันที
“นั่นสิครับ เอาตามนั้นก็แล้วกัน”
การประชุมสภาขุนนางจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันให้หลังพอดี โยบาเนสตัดสินใจแล้วว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอยู่เหมือนกัน
“เรื่องเจ้าชายลำดับที่หนึ่งทรงคิดจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำถามของรูลลักทำให้โยบาเนสกระดกเหล้าลงคออีกรอบ
เพราะนึกไปถึงนัยน์ตาสีเลือดของอดีตจักรพรรดิที่สาปแช่งพระองค์ไว้ขึ้นมาได้
ไหล่สั่นเทาด้วยความหวาดผวา โยบาเนสถามรูลลักกลับ
“คิดว่าเพราะเหตุใดข้าถึงได้ปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองไว้ในกำมือของจักรพรรดินีล่ะครับ”
หลังจากสงสัยเรื่องนั้นมาโดยตลอด รูลลักก็ได้รับคำตอบไขข้อข้องใจทั้งหมดมาตั้งแต่วันที่ได้พบหน้าเจ้าชายลำดับที่สองในวังเล็กผุพังนั่นเป็นครั้งแรกแล้ว
“คงเป็นเพราะเจ้าชายลำดับที่สองเหมือนอดีตจักรพรรดิมาก”
“ใช่แล้วละครับ เพราะอย่างนั้นถึงได้ทิ้งขว้างตั้งแต่เด็ก หวาดระแวงเด็กคนนั้นมาโดยตลอด แต่แท้จริงแล้วโอรสต้องสาปกลับกลายเป็นเจ้าชายลำดับที่หนึ่งไปเสียได้”
โยบาเนสโบกมือปัดราวกับไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว
“เรื่องนั้นข้าคิดจะให้เจ้าชายลำดับที่สองเป็นคนรับผิดชอบครับ ตอนนั้นเขาก็อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นคงจะจัดการสืบสวนได้อย่างยุติธรรมแน่ ข้าไม่อยากยุ่งแล้วละครับ”
โฮ่ว แบบนี้เลยรึ
รูลลักกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอหลุดหัวเราะออกไป
ได้เห็นเจ้าของร้านขายปลาอันแสนโง่เขลาที่ฝากร้านเอาไว้กับแมวอยู่ตรงหน้าแค่ปลายจมูกเช่นนี้ มันน่าขำเสียจนทำเอาอยากจะหัวเราะจนท้องแข็งอยู่แล้ว
* * *
เพล้ง!
เสียงข้าวของแตกหักดังออกมาจากห้องที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งถูกคุมขังเอาไว้
“ยา! ไปเอายามาให้ข้า! อ๊ากกกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเล็ดลอดออกมาจากช่องแคบของประตูด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาประมาณช่วงเย็น อาสทาน่าก็เอาแต่ส่งเสียงกรีดร้องอยู่อย่างนั้น
“ทำไม ทำไมกัน…”
ต่อให้ต้องโทษคุมขังด้วยความผิดที่สร้างขึ้น แต่อย่างไรคนเป็นเจ้าชายก็ยังเป็นเจ้าชายอยู่ดี
ข้ารับใช้สองนายที่ถูกส่งตัวมาเพื่อคอยดูแลเจ้าชายรีบร้อนวิ่งไปทั่ว เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างในนั้น
“ยาก็ให้ไปหมดแล้วนะ…”
“ตะ…ต้องแจ้งกรมวังมั้ย”
ข้ารับใช้สองนายกลอกตาไปมาด้วยความอึดอัดใจ พวกเขาได้แต่ปรึกษากันด้วยความร้อนรนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี่
“ไม่จำเป็น”
ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากข้างหลังพวกเขาทั้งคู่
“เจ้าชายลำดับที่สอง!”
พอเห็นเฟเรสปรากฏตัวพร้อมกับเหล่าอัศวินจากกองกำลังส่วนพระองค์ ใบหน้าของข้ารับใช้ทั้งสองก็เบิกบานขึ้นทันที
“พวกเจ้าค่อยกลับมาใหม่พรุ่งนี้เช้า ตอนนี้กลับไปก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเฟเรส ข้ารับใช้ทั้งสองก็รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง ราวกับกลัวว่าเดี๋ยวเฟเรสเปลี่ยนใจแล้วตนจะถูกรั้งตัวเอาไว้อีกครั้ง
“เข้าไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ลอร์ดสโลนเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปก่อน
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดของอาสทาน่าดังขึ้นเป็นสิ่งแรก
“เฮ้! เจ้าน่ะ! มัดข้าเอาไว้แบบนี้ คิดว่าหัวเจ้าจะยังตั้งอยู่บนบ่าได้อีกหรือไง! ปล่อยข้า! เดี๋ยวนี้! อ๊ากกกก”
อาสทาน่าถูกมัดขาข้างหนึ่งเอาไว้กับเตียง เจ้าชายลำดับที่หนึ่งสบถเสียงดังดีดดิ้นไม่หยุด
“ดูหมิ่นข้าขนาดนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า…!”
เสียงตะโกนด่าท่อของอาสทาน่าหยุดชะงักหลังจากที่เฟเรสก้าวเท้าเข้าไปในห้อง
“อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่ ตั้งแต่นี้ไปพวกเราจะเริ่มทำการไต่สวนความผิดโทษฐานลอบสังหารองค์จักรพรรดิ และคิดก่อการกบฏ”