เล่ม 5 บทที่ 202.2
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
คนที่จัดการล่าสัตว์เสร็จเรียบร้อยแล้วต่างก็เริ่มทยอยกลับออกมาจากบริเวณทางเข้าป่ากันทีละคนสองคน
“โอ้ ทางนั้นได้สาม!”
“ฝั่งนั่นได้ถึงห้าเชียวนะ!”
“เห มีแต่ของเล็กๆ ไม่ใช่หรือนั่น ยังไงมอนสเตอร์ตัวใหญ่ก็ต้องได้คะแนนมากกว่าสิ!”
เหล่าชนชั้นสูงที่นั่งเล่นเกมการ์ดฆ่าเวลาต่างก็กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกปากเกี่ยวกับผลการล่าสัตว์ของผู้เข้าแข่งแต่ละคน และในตอนนั้นเอง เจ้าชายลำดับที่สองเฟเรสก็ปรากฏตัวขึ้น
“ว้าว เก้า!”
“ตอนนี้เป็นอันดับหนึ่ง!”
ปฏิกิริยาของชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็ร้อนแรงเป็นอย่างมาก
ในทางกลับกัน ทางฝ่ายเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอาสทาน่านั้น
“อืม มือเปล่าเหรอนั่น”
“ไม่ใช่ว่ากำลังแข่งอยู่กับเจ้าชายลำดับที่สองหรอกหรือ”
พวกเขาต่างก็พยายามที่จะไม่หัวเราะเยาะคะแนนอันแสนห่วยแตกของอาสทาน่ากันอย่างสุดความสามารถ หลายคนถึงกับต้องกัดริมฝีปากแน่น เพื่อจะได้ไม่เผลอหลุดพูดจาดูแคลนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่สิ นั่นใครกัน!”
ใครคนหนึ่งชี้ไปยังบุคคลที่เพิ่งเดินออกมาจากทางเข้าป่า
“เซอร์ราโมนา บราวน์!”
ผมสีแดงตัดกับชุดป้องกันสีน้ำเงินที่สวมอยู่ ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือราโมนานั่นเอง
บนม้าขนสัมภาระของราโมนาที่เดินลากขาออกมาจากป่าด้วยท่าทีเหนื่อยล้า มีของขนาดใหญ่สิ่งหนึ่งแขวนอยู่
“หัวมอนสเตอร์”
“จับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย…”
“น่าจะยากกว่าล่ามอนสเตอร์ตัวเล็กเป็นสิบตัวเลยมั้ยนั่น”
แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ตัดเอาหูข้างหนึ่ง หรือไม่ก็แขนสักข้างของมอนสเตอร์ติดตัวกลับมาเป็นหลักฐาน ราโมนาเลือกที่จะตัดหัวของมอนสเตอร์มาทั้งหัว
เพราะไม่ได้มีกฎเกณฑ์ระบุเอาไว้ตายตัวอยู่แล้วว่าต้องตัดส่วนไหนมา แต่ราโมนาดันตัดหัวมันมาเสียได้ นางมองดูผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ แล้วก็พลันมีสีหน้าดูแตกตื่นเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า สมกับที่เป็นตระกูลบราวน์จริงๆ !”
ได้ยินเสียงคนพูดถึงตระกูลบราวน์กันเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
“สุดท้ายจะกลายเป็นเจ้าชายลำดับที่สองแข่งกับเซอร์บราวน์แทนหรือเปล่าเนี่ย”
“แต่ถึงยังไงเจ้าชายลำดับที่สองก็คงจะชนะอยู่แล้วละ!”
ไม่มีใครพูดถึงอาสทาน่าเลยสักคน
ตัวตนของอาสทาน่าได้ถูกลืมไปจากการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว
“ให้ตายเถอะ”
อาสทาน่าเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน
การแข่งล่าสัตว์ระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สองกลับกลายเป็นโมฆะไปเสียแล้ว
อาสทาน่ารู้สึกได้ถึงสายตาของจักรพรรดิโยบาเนสที่มองจ้องเขาจากที่ไกลๆ
ในแววตาคู่นั้นมีทั้งความไม่พอใจและแววตาคล้ายต้องการจะตำหนิว่า ‘นึกแล้วว่าเจ้าต้องเป็นแบบนี้’
สุดท้ายในระหว่างเจ้าชายทั้งสองพระองค์ที่เดินเข้าไปใกล้ โยบาเนสก็เปิดปากพูดกับเฟเรสเพียงแค่คนเดียว
“เจ้าชายลำดับที่สอง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“เหนื่อยหน่อยนะ เจ้าทำได้ดีมาก”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ไม่คิดที่จะชมเชยอาสทาน่าเลยแม้แต่คำเดียว
เพียงแค่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจใส่เท่านั้น
“เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ”
ในตอนนั้นเอง เบเลซักก็ลอบส่งอะไรบางอย่างให้จากด้านหลัง
“งานล่าสัตว์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ลองดื่มเจ้านี่ดูสิพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่มันอะไรน่ะ”
“ตอนพบกลุ่มของเจ้าชายลำดับที่สองในป่า พวกนั้นมัวแต่ดื่มเจ้านี่พลางพูดพล่ามไปเรื่อยไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลยแอบขโมยของนั่นมาหนึ่งขวดพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ”
นัยน์ตาของอาสทาน่าส่องประกายวาววับขึ้นมาทันที
“ไหนๆ ก็ขโมยมาแล้ว อยากจะเอามาให้ได้มากกว่านี้แต่กลัวถูกจับได้ เลยมีแค่อันเดียว…”
“ถ้ามีของแบบนี้ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกสิ!”
อาสทาน่ารีบแย่งกระบอกน้ำหนังมาถือไว้
“ใช่แล้ว แค่มีเจ้านี่…”
มอนสเตอร์ในป่าไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น
ขนาดเฟเรสยังฆ่ามอนสเตอร์ได้ในดาบเดียว แล้วนี่พวกเขามีกันตั้งสิบคน ทำไมจะรุมจัดการมันไม่ได้
แต่ยังไงการจะเข้าไปในป่าที่ทำให้คนคลั่งได้เพราะมีพลังเวทกดทับอยู่นั่น เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
“ทั้งอาการภาพหลอน ทั้งหูหลอนไปเองนั่น ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีกสินะ”
อาสทาน่าหัวเราะ
รู้สึกราวกับได้กองกำลังทหารม้ากว่าพันนายเลยทีเดียว
“ทำได้ดีมาก เบเลซัก”
มือของอาสทาน่าตบลงบนไหล่ของเบเลซักเบาๆ
“ขะ…ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย!”
แค่คำชมสั้นๆ ก็ทำให้เบเลซักดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“พวกเราจะกลับเข้าไปในป่ากันอีกครั้ง”
อาสทาน่าหันไปจ้องเฟเรสเขม็งครั้งสุดท้าย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อะ…เจ้าชาย!”
เบเลซักตื่นตระหนก รีบวิ่งตามหลังอาสทาน่าไปห้ามปราม
“กลางคืนมันอันตรายมากนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“แล้วใครบอกว่าจะอยู่จนดึกกัน ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมงสองชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ก็แค่ไปล่ามาเพิ่มเท่านั้นเอง ทุกคนตามข้ามา”
สุดท้ายถึงจะไม่พอใจและเหนื่อยล้าแค่ไหน เหล่าลูกสมุนก็ต้องลากขาเดินสะโหลสะเหลตรงกลับเข้าป่าไปอีกครั้งอยู่ดี
“อ๊ะ ต้องห้ามหรือเปล่าครับเนี่ย!”
ลอร์ดสโลนที่วันนี้รับหน้าที่ยืนอารักขาองค์จักรพรรดิตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ