เล่ม 5 บทที่ 198.1
ตอนที่ 198
“ประลองงั้นหรือครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย”
สุดท้ายอัศวินกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์คนหนึ่งก็ก้าวออกมาเพื่อห้ามปรามเธอ
“นั่นก็ดูจะเป็นความคิดที่เข้าท่าดีเหมือนกัน”
แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสทาน่าที่กำลังแสยะยิ้มขวางเอาไว้
เจ้านั่นกวาดสายตามองราโมนาที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
เมามากขนาดนี้ สมองก็ยังใช้การได้ปกติ แต่ใบหน้าของอาสทาน่าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความคิดเจ้าเล่ห์บางอย่าง
“คนแพ้จะต้องขอโทษอีกฝ่ายนะเพคะ อย่างจริงใจไม่มีเฉไฉ”
“ได้ เอาสิ”
อาสทาน่าไม่ได้หยุดคิดอะไรนาน เขาพยักหน้าตกลงรับคำท้าของเธอทันที
“ลอร์ดสโลน เจ้าเป็นตัวแทนข้าในการประลอง”
อาสทาน่าเรียกตัวอัศวินคนหนึ่งที่ดูท่าทางมีประสบการณ์มากที่สุดในบรรดาอัศวินทั้งสี่ที่ยืนอารักขาเขา
“พ่ะย่ะค่ะ แต่เจ้าชาย…”
อัศวินนามสโลนเหงื่อไหลพลั่กยามหันมามองเธอสลับกับราโมนา
“การประลองที่มีเกียรติยศเป็นเดิมพัน ความสามารถของตัวแทนของทั้งสองฝ่ายจำเป็นที่จะต้องใกล้เคียงกันพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดนั้นไม่ได้คิดกล่าวร้ายหรือดูหมิ่นกันแต่อย่างใด
ชายที่ชื่อว่าสโลนคนนี้ เขาเป็นอัศวินที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูง
ดังนั้นจึงได้รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นักที่จะประลองโดยมีเกียรติของเจ้าชายเป็นเดิมพัน ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้เป็นเพียงแค่อัศวินหญิงอายุเพียง 20 ต้นๆ แบบนี้
เธอเหลือบมองราโมนา
ราโมนากำลังมองฉากตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่สมกับเป็นนางเลยสักนิด
ดูท่าคงจะโมโหมากทีเดียว
เธอเอ่ยถามราโมนา
“เอาไงดีคะ เขาพูดมาแบบนั้นแน่ะ”
ราโมนามองอาสทาน่ากับลอร์ดสโลนด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“หากที่กล่าวมานั่นไม่ใช่เป็นเพราะดูถูกข้าแล้วละก็ เช่นนั้นก็ประลองกันเถอะค่ะ ลอร์ดสโลน”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน…”
ลอร์ดสโลนพูดคลุมเครือราวกับไม่ค่อยแน่ใจในความคิดของตัวเองเช่นกัน สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อย่าได้ออมมือ บดขยี้มันได้เต็มที่ ลอร์ดสโลน”
อาสทาน่าแสยะยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง ในขณะที่กระซิบข้างหูลอร์ดสโลน
แต่ก็ได้ยินกันหมดแล้วเนี่ย
ลอร์ดสโลนมองหน้าเธอด้วยสีหน้าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะตัดสินใจถามเธอคล้ายขอความเห็น
“จะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย”
ตอนนี้เธอต่างหากล่ะที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
ไอ้ที่อุตส่าห์เห็นใจกันเนี่ย มันก็ดีอยู่หรอก แต่ทั้งคำพูดและการกระทำของลอร์ดสโลน มันเป็นการดูถูกราโมนาชัดๆ
เธอกอดอกแน่นเอ่ยตอบกลับไป
“ลอร์ดสโลนมีตำแหน่งกับนามเต็มว่าอะไรคะ”
“ครับ ข้าเป็นรองหัวหน้ากองกำลังอัศวินที่ 3 นามเอเดียน สโลน ครับ”
“อา อย่างนั้นนี่เอง ได้ยินว่ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ฝึกฝนกันโดยใช้วิชาดาบประจำอาณาจักรเป็นหลักใช่มั้ยคะ”
“ใช่แล้วละครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย ข้าเองหลังจากเข้าประจำกองกำลังอัศวินตอนอายุ 20 ปี ก็ได้ฝึกฝนวิชาดาบประจำอาณาจักรมาตลอด 15 ปีเลยครับ”
ดูเหมือนจะภูมิใจมาก สโลนทุบอกเสียงดังปึกๆ ในขณะที่เอ่ยตอบ
“อย่างนั้นเหรอคะ”
ยิ่งเป็นคนที่คุ้นเคยกับการเรียนรู้วิชาดาบประจำอาณาจักรมากเท่าไหร่ ต่อหน้าราโมนาแล้วก็มีแต่จะยิ่งอ่อนแอลงไปมากเท่านั้น
เห็นกันอยู่ชัดๆ
กระทั่งใบหน้าที่เคยบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจของราโมนา ก็ยังผ่อนคลายลงไปมากตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เริ่มกันเลยเถอะค่ะ”
คำพูดของเธอทำให้อาสทาน่าแสยะยิ้ม
พอไม่มีเหล้าแคลโรก้าเหลือแล้ว เจ้านั่นก็ไปเอาไวน์จากไหนมาดื่มอีกแล้ว ท่าทางที่เห็นมันช่างกวนประสาทวอนเรียกหมัดจริงๆ
“นี่”
ลอร์ดสโลนกล่าวกับราโมนาเสียงสุภาพ
“เจ้าชื่ออะไรหรือ อย่างน้อยก็น่าจะรู้จักชื่อกันก่อน”
“ข้า…”
ราโมนามองสบนัยน์ตาของลอร์ดสโลนตรงๆ นางเอ่ยตอบเสียงหนักแน่น
“นามของข้าคือ ราโมนา บราวน์ เรียกว่าเซอร์บราวน์ก็ได้ค่ะ”
ภาพของลอร์ดสโลนที่นัยน์ตาพลันสั่นเทาราวกับเกิดแผ่นดินไหวนั่น ช่างคุ้มค่าที่ได้เห็นเสียจริง
* * *
“ได้ยินหรือเปล่าคะ เห็นว่ามีการประลองเกิดขึ้นน่ะค่ะ!”
“การประลองหรือครับ”
“ค่ะ!เห็นว่าเป็นเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ค่ะ!”
ข่าวลือแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางหมู่ชนชั้นสูง
“ทำไมจู่ๆ ถึงประลองกันล่ะครับ”
“ไม่รู้สิ เห็นว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งถูกคุณหนูลอมบาร์เดีย…”
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากการปรากฏตัวของตระกูลบราวน์ในรอบหลายสิบปียังไม่ทันซาลงไปเลยด้วยซ้ำ
“ตายจริง งานเลี้ยงคราวนี้สุดยอดไปเลย!”
“มีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นติดๆ กันเลยนะเนี่ย!”
เหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็รีบวิ่งตรงไปยังมุมที่มีผู้คนรวมกลุ่มกันอยู่กลุ่มละสามสี่คน ส่งเสียงร้องตะโกนเชียร์การประลองกันอย่างยุ่งวุ่นวาย
“พวกเราก็ควรจะเริ่มไปดูเสียหน่อยหรือเปล่า เจ้าชาย”
เทดโร่วถามเฟเรสด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก
ราโมนาเป็นสหายสนิทที่พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่อะคาเดมี
ดังนั้นเมื่อในที่สุดสหายคนนั้นก็จะได้ดื่มด่ำกับการได้ตระกูลกลับคืนมาอย่างภาคภูมิ เขาเองก็ไม่อยากจะพลาดฉากนั้นไปแม้แต่วินาทีเดียว อยากจะอยู่ร่วมยินดีด้วยกันกับนาง
“ไปสิ”
เฟเรสเริ่มขยับเท้าก้าวเดินอย่างสบายอารมณ์