Chaotic Sword God ตอนที่ 37 บรรดาอาจารย์ตื่นตระหนก
ไม่กี่วินาทีผ่านไป หมาป่าอีกตัวก็ได้จบชีวิตลงด้วยมือของเจี้ยนเฉิน ขณะที่ตัวอื่น ๆ ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
เหลียงเสี่ยวเล่อตัวงอด้วยความหวาดกลัว นางไม่ได้ยินเสียงเถี่ยต้าหรือเจี้ยนเฉินกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเลย ทั้งหมดที่นางได้ยินเป็นเสียงหอนผสมกับเสียงโหยหวนของหมาป่าสีน้ำเงิน ด้วยความสงสัยนางจึงต่อสู้กับความกลัวของนางและมองลงไปที่พื้นดิน ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง นางไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าจะยังคงต่อสู้กับหมาป่าสีน้ำเงิน นางถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก
ทุกครั้งที่เหวี่ยงขวานออกไปก็สามารถที่จะส่งหมาป่าให้ลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างง่ายดาย เพราะเช่นนั้นจึงไม่มีหมาป่าตัวใดที่จะสามารถเข้าใกล้เขาได้ ทุกส่วนของหมาป่าถูกปกคลุมไปด้วยแผลเหวอะหวะที่ซึ่งเต็มไปด้วยเลือด ในทางตรงกันข้าม เจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระหว่างหมาป่าตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งและโจมตีพวกมันจากทุกทิศทาง เมื่อใดก็ตามที่เขาแทงแท่งเหล็กไปด้านหน้าก็จะมีหมาป่าถูกแทงทะลุ เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่แม้แต่เหลียงเสี่ยวเล่อก็ไม่อาจมองตามทัน สิ่งเดียวที่นางได้เห็นเป็นเพียงแค่ภาพพร่าเลือนอย่างต่อเนื่อง
นางไม่เคยมีประสบการณ์โชกเลือดน่าตื่นเต้นเช่นสิ่งที่นางได้เห็น ใบหน้าของนางเริ่มที่จะมีสีสันบ้าง ร่างกายของนางไม่อาจหยุดสั่นได้เลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นครั้งแรกที่นางเห็นเลือดมากขนาดนี้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะมองมันอย่างง่ายดายหากมันเป็นครั้งแรกของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน หมาป่าสีน้ำเงินฉวยโอกาสที่เถี่ยต้าละความสนใจ และมันก็กระโดดขึ้นไปที่ไหล่และใช้ฟันแข็งแรงของมันก็กัดลึกลงบนไหล่ของเขา และเลือดเริ่มที่จะไหลได้ออกมาจากบาดแผลนั้น
อาการเจ็บปวดเฉียบพลันเป็นสาเหตุให้ใบหน้าเถี่ยต้าของเขาเริ่มเข้มขึ้น ขณะที่เขามองไปที่หมาป่าสีน้ำเงินที่ไหล่ของเขา ตาของเถี่ยต้ากระพริบด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เขามองที่หมาป่าสีน้ำเงินด้วยสายตาดุร้าย ทิ้งขวานในมือขวาของเขา คว้าลงบนหัวหมาป่าและด้วยความแข็งแกร่งมหาศาลของเขา เขากระชากหมาป่าออกจากไหล่ของตนเอง หลังจากนั้นก็ปรากฏแผลลึกในผิวหนังของเขา
เถี่ยต้าคว้าจมูกหมาป่าด้วยมือทั้งสองข้างและเส้นเลือดที่แขนของเขาพองตัวขึ้นกับกล้ามเนื้อของเขา เขาคำรามด้วยความโกรธ มือของเขาจับหัวของหมาป่า คำรามออกมาและฉีกหัวออกจากร่างกายของมัน ในเวลาเดียวกัน เลือดก็สาดกระจายไปบนตัวของเถี่ยต้าจนเขาถูกย้อมไปด้วยเลือด
ความแข็งแกร่งของเถี่ยต้าเป็นสาเหตุให้หมาป่าโดยรอบตัวโก่งตัวด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พวกมันจ้องมองเถี่ยต้าและซากหมาป่าสลับไปมา
แต่เถี่ยต้าไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้หมาป่าหลุดรอดออกไป เขาก้มตัวลงหยิบขวานรบของเขาขึ้นมาและสับมันลงไปที่หัวของหมาป่าอีกตัว
หมาป่าเอียงหัวของมันและหลบขวานของเถี่ยต้า มันเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าหอนเสียงดังก่อนที่หันมามองเขา
เมื่อได้ยินเสียงหอน หมาป่าทั้งหมดราวกับว่าความกลัวของพวกมันหายไปในบัดดล ขณะที่พวกมันเริ่มที่จะเข้าปะทะกับเถี่ยต้า
เถี่ยต้าตวัดขาเตะไปที่ท้องของหมาป่า ส่งให้มันลอยเคว้งไปในอากาศ ใบมีดที่คมของขวานรบได้ตัดคอของหมาป่า ทิ้งไว้เพียงรอยเลือด หมาป่าไม่กี่ตัวล่าถอยไปคล้ายกับจรวด
หลังจากที่เขาได้ใช้ขวานรบสับลงไปยังหัวของหมาป่า เถี่ยต้าหยุดกับที่ เขากวัดแกว่งขวานของเขามันช่างเป็นภาพที่อันตรายสำหรับหมาป่าตัวอื่นที่มองอยู่
เพ้ง หมาป่าล่าช้าเกินกว่าที่จะหลบได้และมันถูกฟันโดยขวานของเถี่ยต้า หมาป่าถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ขณะที่มันส่งเสียงหอนครั้งหนึ่งก่อนจะสิ้นใจลงไป
หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ แล้วดูเหมือนเถี่ยต้าจะแข็งแกร่งขึ้น เพียงชั่วพริบตาเขาฆ่าหมาป่าไปถึง 2 ตัว
ในทางตรงกันข้าม เจี้ยนเฉินยังคงต่อสู้อย่างดุเดือดกับหมาป่า ทันใดนั้นหมาป่ากระโดดลงมาจากด้านบนเข้าไปหาเจี้ยนเฉิน
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินหันไปรอบ ๆ และจ้องมองไปยังหมาป่า ด้วยประกายในดวงตา แท่งเหล็กในมือของเขายังคงรวดเร็วเหมือนฟ้าผ่าและแทงลึกเข้าไปในช่องท้องของหมาป่า มันแทงทะลุเข้าไปที่หัวใจของมัน ในช่วงเวลานั้นเอง เขาหยุดมือและเขาก็ดึงมันออกมาในทันที
ช่วงเวลานั้นเอง เขาได้เคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้น ทันใดนั้นฝูงหมาป่าก็กระโจนเข้าหาเขา
หมาป่าที่ถูกแทงลึกเข้าไปยังหัวใจ ร้องเสียงแหลม ขณะเดียวกันมันก็เป็นลมหายใจสุดท้ายของมันและล้มลงไปที่พื้น เกร็งกระตุก ก่อนจะจากไป
การต่อสู้ได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป ปริมาณของหมาป่าน้ำเงินที่เพิ่งเสียชีวิตไปด้วยมือของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทีละน้อย แรงกดดันของเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็ค่อย ๆ ลดลง ขณะที่จำนวนหมาป่าก็ค่อย ๆ ลดลง
เจี้ยนเฉินดึงแท่งเหล็กออกมาจากคอของหมาป่าอีกตัว เขาได้ฆ่าหมาป่าไปมากกว่า 10 ตัว แต่เสื้อผ้าของเขากลับไม่มีคราบของเลือดเลยสักนิด
เจี้ยนเฉินมองไปยังเถี่ยต้า เห็นเพียงหมาป่าประมาณ 7 – 8 ตัวที่อยู่ด้านซ้าย อย่างไรก็ตาม หมาป่าทั้งแปดก็เต็มไปด้วยเลือด ราวกับมันถูกอาบด้วยเลือด เสื้อผ้าที่ขาดอยู่แล้วของเขายิ่งแย่ลงและเกือบจะเป็นเหมือนเศษผ้าในขณะนี้ เสื้อผ้าของเขาแทบจะไม่ปกปิดร่างกายของเขา และมันเผยให้เห็นถึงหน้าอกด้านใน แม้กางเกงฉีกขาดจนเห็นได้ว่ามีบาดแผลอยู่ข้างในนั้น
โดยปราศจากการลังเล เจี้ยนเฉินรีบวิ่งไปทางเถี่ยต้าและเริ่มที่จะต่อสู้กับหมาป่า 8 ตัวนั้นด้วยแท่งเหล็กของเขาทันที
เพราะเถี่ยต้าได้ทำให้หมาป่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในการต่อสู้อันยาวนาน หมาป่าทุกตัวเหนื่อยเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ดังนั้นมันจึงเป็นงานง่ายสำหรับเจี้ยนเฉิน โดยไม่ต้องเสียพลังงานมาก เขาจบชีวิตของพวกมันด้วยการแทงทะลุคอของหมาป่าได้อย่างแม่นยำ
หลังจากการบุกรุกของฝูงหมาป่า แม้จะเป็นเจี้ยนเฉินก็ช่วยไม่ได้ที่จะหายใจอย่างยากลำบาก แม้เขาจะไม่ได้อ่อนแอแต่เขาก็ใช้พลังมหาศาลในการต่อสู้กับฝูงหมาป่าเหล่านั้น
เถี่ยต้าถอนหายใจออกยาว ในขณะที่เขามองไปที่กองศพรอบ ๆ ตัวเขา บนใบหน้าของเขาปรากฏเป็นรอยยิ้มที่มีความสุข แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้อย่างยาวนานและยากลำบาก เขาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นร่องรอยของความอ่อนล้า จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขากลับถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 ที่เหลือได้ เถี่ยตาหัวเราะ ในชีวิตของเขาเขาไม่เคยฆ่าฝูงสัตว์อสูรระดับ 1 มาก่อน ดังนั้นมันเป็นธรรมชาติที่เขารู้สึกตื่นเต้น
เจี้ยนเฉินยิ้ม ก่อนที่จะมองไปที่บาดแผลบนตัวเถี่ยต้า เจ้าได้บาดเจ็บ มันร้ายแรงหรือไม่?
เถี่ยต้ามองลงไปในร่างกายของเขา ตรวจบาดแผลของเขาก่อนที่จะพูดว่า มันไม่มีปัญหา แม้ว่าจะถูกกัด แต่ส่วนใหญ่พวกมันก็เป็นเพียงแค่แผลตื้น ๆ เท่านั้น เฮ้ เฮ้ ผิวของข้าหนามากตั้งแต่ข้ายังเด็ก ดังนั้นสัตว์อสูรธรรมดาไม่เคยได้กัดข้ามาก่อน
เจียนพยักหน้าในการทำความเข้าใจด้วยใบหน้าครุ่นคิด เขารู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งและพละกำลังของเถี่ยต้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เถี่ยต้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก ดังนั้นหมาป่าสีน้ำเงินที่ดุร้ายก็ไม่อาจกัดทะลุผิวหนังของเขาไปได้
อ่า ใช่สิ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า ? เถี่ยต้าถามด้วยความกังวล ในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินส่ายหัว ไม่ต้องกังวล หมาป่าไม่อาจทำร้ายข้าได้เลย เขาเคลื่อนย้ายสายตา จ้องมองไปบริเวณหญ้าสูงและกล่าวเสียงดังว่า ท่านมองเพียงพอแล้วหรือยัง ท่านวางแผนที่จะหลบซ่อนอีกนานแค่ไหน?
ได้ยินเจี้ยนเฉินกล่าว เถี่ยต้าก็รู้สึกว่างเปล่าเป็นครั้งที่สอง ขณะที่เขากำลังงงงวยว่าเจี้ยนเฉินพูดอะไรออกมา แต่ในไม่ช้า เขาก็คิดมันออกและทันใดนั้นเขาก็คว้าขวานรบด้วยมือทั้งสองของเขา
ใครซ่อนอยู่? รีบและออกมาซะ มิฉะนั้นข้าจะสับเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ! เถี่ยต้าตะโกน
ขณะที่เถี่ยต้าพูด หญ้าสูงก็เริ่มสั่นไหว ก่อนที่ทั้งสี่ร่างจะกระโจนไปที่ด้านหน้าของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า
เห็นเงาทั้งสี่กระโดดออกมา ทันใดนั้น เถี่ยต้าก็มีท่าทีป้องกัน ในขณะที่เจี้ยนเฉินไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเลยสักนิด ยกเว้นแต่รอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นการปรากฏตัวของทั้งสี่คนจากในความมืด แต่เจี้ยนเฉินก็พอจะคาดเดาตัวตนได้ตั้งแต่แรก
เมื่อเงาทั้งสี่มาถึง ห่างจากเจี้ยนเฉินราว 2 เมตร พวกเขาก็หยุด ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ได้เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน สองคนเป็นชายวัยกลางคนและหญิงสูงอายุและหญิงอายุ 30 ปี ทั้งสี่คนมีความประหลาดใจและรู้สึกท้อแท้ราวกับว่าพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
ท่านอาจารย์ที่เคารพ ที่แท้ก็เป็นพวกท่าน ในที่สุด เถี่ยต้าก็จำคนทั้งสี่ได้และร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทั้งสี่คนคืนสู่ความสงบได้อย่างรวดเร็ว แต่สายตาของพวกเขายังเผยให้เห็นร่องรอยของความตกใจ
เจียงหยางเซียงเทียน ไม่แปลกใจเลยว่าที่มีข่าวลือว่าเจ้าเอาชนะเซียนได้ ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ในตอนแรก แต่หลังจากที่ได้เห็นสิ่งนี้ ข่าวลือพวกนั้นเกรงว่าจะมีสักหลายส่วนของความจริง สำหรับคนเพียงคนเดียว ที่จะใช้แท่งเหล็กสึกกร่อนฆ่าสัตว์อสูรหลายสิบตัว ที่แม้แต่เซียนที่สามารถหลอมรวมอาวุธเซียนของพวกเขาได้ ก็ไม่อาจที่จะทำเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายนัก ผู้อาวุโสกล่าวพร้อมกับหัวเราะ ขณะเดียวกันก็ได้ชื่นชมเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินหัวเราะและกล่าวว่า อาจารย์ที่เคารพ ท่านชื่นชมข้ามากไปแล้ว ความแข็งแกร่งของข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ท่านคิด หมาป่าพวกนั้นอาจจะถือว่าเป็นสัตว์อสูรระดับ 1 แต่พลังโจมตีของพวกมันไม่ได้สูงมากนัก ถ้าข้าได้พบกับสัตว์อสูรระดับ 1 ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้แล้ว ข้าเกรงว่าข้าคงต้องต่อสู้มากกว่านี้
ได้ยินอย่างนี้แล้วผู้อาวุโสมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาชื่นชม ก่อนที่จะมองไปที่เถี่ยต้าพร้อมกับหัวเราะ เถี่ยต้า ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นมากนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมท่านอาจารย์ใหญ่จึงประกาศตามหาเจ้าและนำเจ้ามาเป็นศิษย์ส่วนตัว
เถี่ยต้าเกาหัวของเขา ด้วยรอยยิ้มเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรออกมา
ผู้อาวุโสหยุน ปรากฏว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไรกัน เด็กสองคนนี้มีความแข็งแกร่งที่ผิดปกตินัก ไม่มีอะไรในเขตสองจะสามารถเป็นคู่มือของพวกเขา หญิงสาวอายุราวสัก 30 ปี กล่าวออกมา
สามคนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นขณะที่เขาฟังนาง เมื่อพวกเขาเคยได้ยินเสียงหอนของหมาป่า พวกเขารู้ทันทีด้วยสัญชาติญาณว่าลูกศิษย์ตกอยู่ในอันตราย ด้วยเหตุผลนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงได้รีบวิ่งไปยังเสียงหอนนั้น ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ต่างคนต่างภาวนาให้ลูกศิษย์สามารถที่จะอดทนได้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาต่างไม่อาจเชื่อว่าลูกศิษย์ทั้งสองคนที่ไม่ได้อยู่ในระดับเซียน ต่างก็รับมือกับหมาป่าสีน้ำเงินโดยปราศจากปัญหา ในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถที่จะสังหารทั้งพวกมันทั้ง 20 ตัวลงได้ และไม่มีใครในสี่คนจะสามารถเชื่อสายตาของพวกเขาในผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย