ตอนที่ 64: ลาก่อน
อาจารย์ใหญ่พึมพำอย่างเงียบ ๆ ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก เราต้องปกป้องเจียงหยางเซียงเทียน ไป่เอิน เจ้าอยู่ที่นี่และแก้ไขปัญหาในห้องรักษา ข้าจะไปคฤหาสน์ตระกูลเจียงหยาง มิฉะนั้นถ้าเรารอให้ผู้เชี่ยวชาญของสำนักหัวหยุนมาถึง สถานการณ์ก็จะแย่ลงไปกว่านี้
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็เดินไปทางขอบหน้าต่างแล้วกระโดดออกมา เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่น่าตกใจและบินออกไปสู่โลกกว้างเหมือนนกเหยี่ยว
ไป่เอินถอนหายใจตามลำพังเมื่อเห็นว่าอาจารย์ใหญ่หายตัวไปในท้องฟ้า เจียงหยางเซียงเทียนได้รบกวนความสงบสุขในครั้งนี้ หากเขาเพียงทำร้ายร่างกายพวกเขา สถานการณ์ก็คงไม่เลวร้ายนัก แต่เขาทำสิ่งที่โหดร้ายมาก เขาตัดแขนของเฉิงหมิงเซียง ! ไม่ใช่ว่าไม่มีคนที่สามารถต่อแขนกลับมาใหม่ได้ แต่ความแข็งแกร่งที่จำเป็นสำหรับสิ่งนี้สูงเกินไป สำนักหัวหยุนคงไม่สามารถเชิญเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้น 7 มาได้ง่าย ๆ
ข่าวเรื่องที่เจียงหยางเซียงเทียนตัดแขนศิษย์สามคนแพร่กระจายไปทั่วสำนัก มันเป็นเรื่องที่ศิษย์ทุกคนโจษขาน ความแข็งแกร่งของเจียงหยางเซียงเทียนทำให้ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต้องตกใจอีกครั้ง
ในขณะที่ทุกคนในสำนักกำลังพูดถึงเรื่องนี้ เจี้ยนเฉินก็นั่งสมาธิอยู่บนเตียง เขาเริ่มไตร่ตรองถึงการกระทำของเขา เขารู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อเขาตัดแขนของเฉิงหมิงเซียง, ลั่วเจี้ยนและกาดิหยุนว่าเขาได้สร้างปัญหามากมายให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่เขาทำเลย ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งว่าเขาจะรับมือกับความโกรธแค้นของทั้งสามกลุ่มได้อย่างไร
วันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็กลายเป็นเวลากลางคืน
ปัง ปัง ปัง !
เสียงเคาะดังมาจากอีกด้านหนึ่งของห้องของเจี้ยนเฉิน
เมื่อได้ยินเสียงนั้นเจี้ยนเฉินไขว่ห้างก็ลืมตาขึ้น เขามองแกนอสูรขั้น 1 มากมายที่ปราศจากพลังงาน เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ก่อนที่จะมองไปที่ประตู นั่นใคร ?
เจียงหยางเซียงเทียน ข้าเอง รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอิน ! น้ำเสียงที่คุ้นเคยของจางไป่เอินดังมาจากด้านนอกประตู
เจี้ยนเฉินรีบลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีแล้วเดินไปเปิดประตู รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินยืนอยู่ข้างนอกประตูด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
ท่านรองอาจารย์ใหญ่ มีอะไรผิดปกติหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินถามกลับไป เขาพอจะเดาได้ว่ารองอาจารย์ใหญ่มาทำอะไร แต่จิตใจของเขาก็ยังสงบและไม่เปลี่ยนแปลง
รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่ซับซ้อนและถอนหายใจพลางเอ่ยว่า เจียงหยางเซียงเทียน เก็บของแล้วรีบตามข้าไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ทันที
โอ้ ! เจี้ยนเฉินตอบอย่างเฉยเมย เขาไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น และเดินกลับไปที่ห้องอย่างเงียบ ๆ เพื่อเก็บข้าวของของเขา
เจี้ยนเฉินมีข้าวของไม่มาก เขาคว้าโอสถของตัวเองแล้วเก็บไว้ในเข็มขัดมิติของเขา จากนั้นเขาก็เดินตามไป่เอินไปยังจุดศูนย์กลางของสำนักซึ่งมีหอคอยที่โดดเดี่ยว
นั่นใช่เจียงเซียงเทียนหรือไม่ ?
มันดูเหมือนว่าเขากำลังเดินไปกับรองอาจารย์ใหญ่ บางทีเขาอาจถูกลงโทษรุนแรงมาก..
………..
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านสนาม ศิษย์หลายคนเริ่มรวมตัวและพูดคุยกัน
เจี้ยนเฉินไม่สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา เขาตามหลังรองอาจารย์ใหญ่ไป่เอิน และในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหอคอยกลาง และเข้าไปในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่โดยตรง
มีผู้อาวุโสสองคนนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะของอาจารย์ใหญ่ หนึ่งในนั้นคืออาจารย์ใหญ่ที่ทำตัวสบาย ๆ ในขณะที่ผู้อาวุโสอีกคนสวมชุดสีฟ้าและเกล้าผมยาวดำไว้ข้างหลัง จากด้านหลังโต๊ะ มีชายชราดูธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ
อาจารย์ใหญ่ ข้านำตัวเจียงหยางเซียงเทียนมาแล้ว ! รองอาจารย์ใหญ่ทักทายอย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินอย่างนี้อาจารย์ใหญ่ก็จ้องมองเจี้ยนเฉินทันที และเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า ไป่เอิน เจ้าออกไปได้ !
ขอรับ ! ไป่เอินออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นคนที่เหลืออยู่ในห้องคืออาจารย์ใหญ่ของสำนักคากัต รวมถึงผู้อาวุโสในชุดคลุมสีฟ้า
นับตั้งแต่เจี้ยนเฉินเข้ามาครั้งแรก,ผู้อาวุโสในชุดฟ้าเขียวก็จับตามองเขาเสมอ. อาวุโสคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเจี้ยนเฉิน เขาคือพ่อบ้านของตระกูลเจียงหยาง เจียงไป่
เจียงไป่j เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจี้ยนเฉินพูดขณะมองผู้อาวุโส
เจียงไป่มองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อนก่อนที่จะถอนหายใจและเอ่ยว่า นายน้อยสี่ เราเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของท่านในสำนักคากัต ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือมารดาของท่าน พวกเขาทั้งคู่รู้สึกภูมิใจอย่างมาก แต่การกระทำของท่านในวันนี้รุนแรงเกินไป
เจี้ยนเฉินเข้าใจในสิ่งที่เจียงไป่กำลังพูด เขาตอบอย่างแน่วแน่ว่า เจียงไป่ ข้าไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลย พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง พี่ใหญ่ไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บปางตาย หากให้ข้าย้อนกลับไป ข้าก็ขอทำเช่นเดิม
เจียงไป่ถอนหายใจ นายน้อยสี่ ข้าเห็นด้วยกับวิธีการของท่าน ในทวีปเทียนหยวน คนที่แข็งแกร่งคือคนที่ปกครองคนอื่น แม้ว่านายน้อยจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาแต่ท่านไม่ได้คิดถึงอำนาจหนุนหลังพวกเขาอยู่ หากเป็นเพียงตระกูลกาดิหรือตระกูลลั่ว ตระกูลเจียงหยางของเราจะไม่ประสบปัญหามากนักในการจัดการกับพวกเขา แต่เฉิงหมิงเซียงเป็นบุตรชายที่รักของผู้นำสำนักหัวหยุน สำนักหัวหยุนมีอิทธิพลมากที่สุดในอาณาจักรเกอซุนนอกเหนือจากราชวงศ์ ดังนั้นตระกูลเจียงหยางไม่ควรไปล่วงเกิน
เจียงหยางเซียงเทียน อำนาจของสำนักหัวหยุนค่อนข้างน่ากลัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอิทธิพลเท่ากับราชวงศ์ แต่ราชวงศ์ก็กลัวผลกระทบใด ๆ จากการเข้าไปยุ่งกับพวกเขา ในปัจจุบันในบรรดาผู้เชี่ยวชาญหกอันดับแรกในอาณาจักรเกอซุน มีคนของสำนักหัวหยุนถึง 2 คน อาจารย์ใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดมากขึ้นจากคำพูดเหล่านี้
ในขณะนั้นเสียงเคาะดังมาจากนอกประตู เสียงที่น่านับถือดังออกมาจากข้างนอก อาจารย์ใหญ่ ข้านำตัวเจียงหยางหู่มาแล้ว !
เข้ามา ! อาจารย์ใหญ่กล่าว
ประตูเปิดออกและมีอาจารย์คนหนึ่งเดินนำหน้าเจียงหยางหู่มา เจียงหยางหู่สวมเครื่องแบบใหม่แต่ยังคงเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
เจียงไป่ ! เจียงหยางหู่ตะโกนเมื่อเขาเดินเข้ามา เขาไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้ขณะที่เขาพูดด้วยความประหลาดใจ
อาจารย์คนนั้นไม่ได้เดินเข้ามาในห้องของอาจารย์ใหญ่ หลังจากที่ส่งตัวเจียงหยางหู่เข้าไปและคำนับอาจารย์ใหญ่ เขาก็ปิดประตูและเดินออกไปเงียบ ๆ
ดวงตาของเจียงไป่จ้องมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเจียงหยางหู่ ในที่สุดดวงตาที่ดูธรรมดาของเขาก็เผยความโกรธออกมา เขาพูดอย่างโศกเศร้าว่า นายน้อยคนโต ท่านคงเจ็บปวดมาก
เจียงหยางหู่ส่ายหัวโดยไม่คิดอะไรเลยและพูดว่า มันแค่บาดแผลเล็กน้อย ไม่มีอะไรสำคัญ ช่างมันเถอะ เจียงไป่ เจ้ามาทำอะไรที่สำนัก ? เจียงหยางหู่ถามด้วยความสับสน
ใบหน้าของเจียงไป่ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ เขาพูดเบา ๆ ว่า นายน้อยทั้งสองควรไปเก็บข้าวของ
เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ข้าเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เจียงไป่ เจ้ามารับข้าหรือ ? เจียงหยางหู่ถามด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ
เจียงไป่พยักหน้า ถูกต้อง ข้ามาวันนี้เพื่อรับตัวท่านสองคนออกจากสำนัก มันคงไม่ฉลาดนักที่หากท่านทั้งสองยังอยู่ที่สำนักคากัตต่อไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงหยางหู่ก็มืดแปดด้าน เขาอยู่ที่สำนักคากัตมานานพอควรและรู้สึกผูกพันกับมันเป็นพิเศษ
เจียงหยางหู่ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าสองคนควรออกไปก่อน ข้ายังมีบางสิ่งที่อยากคุยกับเจียงไป่ อาจารย์ใหญ่กล่าว
เจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่ไม่ได้คัดค้าน พวกเขาก็หันหลังให้เดินออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่.
เจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่ไม่ได้รอนาน เจียงไป่ออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ในไม่ช้าหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองดูทั้งสองคน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่มีความสุข
เจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่ติดตามเจียงไป่ลงจากหอคอยและขึ้นขี่หลังสัตว์อสูรที่บินได้เพื่อออกจากสำนักคากัต มันบินขึ้นไปในอากาศโดยตรงและเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองลอร์
เจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่ไม่ได้พูดคุยกันบนหลังสัตว์อสูร ในขณะที่ทั้งสองกำลังรีบกลับบ้าน ทั้งคู่ดูเหมือนจะหนักใจมาก
ภายในหัวของเจี้ยนเฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องความรักที่เขาได้รับจากมารดา แม้ว่าในใจเขารู้ดีว่าเขาไม่ใช่เด็ก แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นความรักของแม่นี้จึงเป็นเรื่องใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัส
ในความคิดของเจี้ยนเฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการใช้ชีวิตในตระกูลเจียงหยาง มารดาของเขาใส่ใจเขาและรักเขาหมดหัวใจ สิ่งนี้ทำให้จิตใจที่เย็นชาของเจี้ยนเฉินซึ่งไม่เคยได้รับความรักของมารดามาก่อนกลายเป็นทะเลแห่งความอบอุ่น เขามีความสุขและถะนุถนอมความรู้สึกนั้น
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่สัตว์อสูรระดับสี่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วสูงและลมพัดจนเจี้ยนเฉินหูอื้อ ผมสีดำที่มีความยาวระดับเอวของเจี้ยนเฉินปลิวว่อนอยู่กลางอากาศในขณะที่มันปลิวไหวไปตามสายลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขามีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและสง่าผ่าเผย เขาดูมีความมั่นใจในขณะที่ขี่หลังสัตว์อสูร
สัตว์อสูรบินผ่านข้ามหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ มากมายภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด หลังจากการบินผ่านสูงหนึ่งพันกิโลเมตรเหนือพื้นดินผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า ๆ พวกเขาก็มาถึงเมืองลอร์
เจียงไป่ควบคุมให้อสูรอินทรีบินลงมาสู่บริเวณของคฤหาสน์เจียงหยาง คนรับใช้ที่จัดการสวนด้านหลังออกไปนานแล้ว เหลือเพียงคนที่จงรักภักดีที่สุด
ลมกระโชกแรงพัดลงมาบนลานกว้างขณะที่อสูรอินทรีลงมาจากท้องฟ้าและหยุดลงสู่พื้นดิน ชายสามคนจึงปีนลงมา
กลุ่มคนรีบมารวมตัวกันรอบ ๆ อสูรอินทรีโดยมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำขาวเป็นผู้นำกลุ่ม นี่คือผู้นำตระกูลเจียงหยางและเป็นบิดาของเจี้ยนเฉิน – เจียงหยางป้า ข้าง ๆ เขามีหญิงงาม 4 คนคือไป๋หยุนเทียนมารดาของเจี้ยนเฉินและป้าทั้งสามคน ข้าง ๆ ป้าสี่มีเด็กสาวที่ดูเหมือนจะอายุประมาณ 18 ปี นี่คือพี่รองของเขาที่เขาไม่ได้เห็นมาหลายเดือน – เจียงหยางหมิงเย่ว ใกล้กับนางมีชายอีกคนที่ดูเหมือนจะอายุรุ่นราวคราวเดีวกับเจี้ยนเฉิน เขาคือเจียงหยางเค่อ พี่รองของเขานั่นเอง อย่างไรก็ตามในสายตาของเจียงหยางเค่อนั้นดูมีความสุขราวกับว่าเขายินดีที่ได้เห็นเจี้ยนเฉินต้องทุกข์ยากและต้องออกจากสำนักคากัต
ข้างหลังสมาชิกในครอบครัวมีชายวัยกลางคนและผู้อาวุโส พวกเขาเป็นสมาชิกระดับสูงของตระกูล แต่ละคนก็มีสีหน้าที่น่าเกรงขามขณะที่พวกเขามองดูเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน บางคนมองเขาอย่างมีความสุข บางคนมองด้วยท่าทางที่คาดหวังและบางคนก็ถอนหายใจ
เจียงไป่เดินไปหาเจียงหยางป้าและยิ้มเล็กน้อย นายท่าน ข้าไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง ข้านำตัวนายน้อยคนโต และนายน้อยสี่กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย เขาป้องมือ
เจียงหยางป้ามองเจียงไป่และป้องมือให้ ขอบใจมากที่อุตส่าห์ช่วย
นายท่านชมข้าเกินไป มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วขอรับ เจียงไป่กล่าว
เจียงหยางป้าชำเลืองมองเจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่ ดวงตาของเขาแสดงออกทั้งความพึงพอใจและความชื่นชมขณะที่เขามองเจี้ยนเฉิน เขาตื่นเต้นในสภาพที่ยังวิตกกังวล ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาวและพูดว่า เซียงเอ๋อ, เจียงหยางหู่, เจ้าทั้งคู่มากับข้าที่โถงกลาง เจียงหยางป้าหันหลังกลับและเริ่มเดินออกไป