Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1925 สังเวียนเงิน

ตอนที่ 1925 สังเวียนเงิน

เย่หยวนเก็บเหรียญนั้นลงไปและยกมือขึ้นคารวะ “ขอบพระคุณผู้อาวุโสผิง!”

ผู้อาวุโสผิงเองก็ยิ้มตอบกลับ “ดีๆ ยอดคนนั้นย่อมยิ่งใหญ่ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว! ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้วในเวลาอีกไม่ถึงสิบปีเจ้าคงสามารถขึ้นไปได้ถึงระดับทองแน่ๆ เจ้าหนุ่ม หลังจากเข้าศาลาโอสถสวรรค์เราไปแล้วเจ้าต้องหมั่นบ่มเพาะให้ดีด้วยเล่า!”

เพราะการปรากฏกายนี้ของเย่หยวนมันทำให้ผู้อาวุโสผิงตกตะลึงอย่างมาก

การที่สามารถมีความรู้ด้านโอสถมากมายได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเท่านี้มันย่อมหมายความว่าเปล่งประกายในศาลาโอสถสวรรค์ได้อย่างแน่นอน

เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสผิงโปรดวางใจ ข้าจะตั้งใจบ่มเพาะแน่นอน”

พูดจบเย่หยวนก็เดินจากไป

เหล่าผู้เข้าสอบทั้งหลายนั้นหันไปมองตามเย่หยวนเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าอิจฉา

เหรียญเงินนี้พวกเขาทั้งหลายหวังจะได้มันมานับพันๆ หรืออาจจะถึงหมื่นปี

แต่เย่หยวนคนนี้กลับได้ไปอย่างรวดเร็ว!

“ต่อไป!” ผู้อาวุโสผิงหันกลับมาเรียกต่อ

ซุนจิงค่อยๆ เดินขึ้นไปหยุดตรงหน้าเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

“เพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆานั้นกำลังหลงเจ้าเด็กคนนั้น มันย่อมจะสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเก่าแล้ว หึ ช่างเป็นโอกาสเหมาะของข้า! จะว่าไปเรื่องนี้ข้าก็นับว่าติดค้างเจ้าเด็กนั่นแล้ว”

เมื่อพลังปิดกั้นถูกเปิดออกซุนจิงก็ได้วาดตราขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างพยายามที่จะควบคุมเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆา

เสียงหมาป่าหอนดังลั่นขึ้นก่อนที่เจ้าก้อนไฟนี้มันจะเปลี่ยนร่างกลายเป็นก้อนเพลิงคล้ายรูปหมาป่าและพุ่งตัวเข้าขย้ำซุนจิง

‘อึก!’

ซุนจิงนั้นเหมือนถูกคลื่นพลังมหาศาลปะทะเข้าร่างจนลอยกระเด็นไป

ในวินาทีนั้นร่างของเขาแทบจะไหม้เป็นจุณ ตอนนี้จึงได้แต่นอนร้องอย่างสาหัสอยู่บนพื้น

‘ฟุบ!’

เจ้าหมาป่าเพลิงพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ด้านในของโถง

และนั่นมันคือทิศทางที่เย่หยวนเพิ่งจะเดินจากไป!

ผู้อาวุโสผิงหรี่ตาลงก่อนจะพุ่งตัวตามออกไปในเสี้ยววินาทีก็สามารถตามเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาได้ทัน

“เจ้าสัตว์ร้าย คิดจะหนีไปไหน!”

ไฟศักดิ์สิทธิ์นั้นคือภูต เพราะฉะนั้นเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาจึงไม่อาจจะยอมสยบต่อใครได้ง่ายๆ

เมื่อเห็นผู้อาวุโสผิงตามมาถึงเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาก็หันตัวพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสผิงทันที

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

ภายในโถงนั้นเกิดการต่อสู้ของหนึ่งคนหนึ่งภูตขึ้นอย่างดุเดือด

ผู้คนทั้งหลายต่างได้แค่หันมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงจากภาพตรงหน้า

“นี่มัน…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แม้ว่าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาจะยากที่จะควบคุมแค่ไหนมันก็ไม่ได้ดุร้ายป่าเถื่อนถึงขั้นนี้!”

“นี่…นี่มันคงไม่ได้คิดจะตามเจ้าเด็กคนนั้นไปหรอกใช่ไหม?”

“เจ้าเด็กคนนั้นมันทำอะไรลงไปกันแน่ เหตุใดเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาถึงได้คลั่งขึ้นมาขนาดนี้?”

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดผ่านไปผู้อาวุโสผิงก็ได้ใช้กำลังอันเหนือล้ำของตนในการจับกุมเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆา

เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาที่ถูกจับไว้มันก็ยังคงไม่สงบ อาละวาดอย่างไม่หยุดพัก

ผู้อาวุโสเผิงเองก็ตื่นตะลึงอย่างมากเช่นกัน “เด็กคนนี้มีทักษะการควบคุมไฟที่เหนือล้ำจนถึงจุดสมบูรณ์! เพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆานี้กลับคิดอยากตามไปขอฝากตัวรับใช้เขา! ช่างน่ากลัว!”

เพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ยากต่อการจับคุมที่สุด เหล่านภาสวรรค์ทั่วๆ ไปย่อมไม่มีทางจะควบคุมมันได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเป็นนายของมันเลย

และเพราะเช่นนั้นเองมันถึงได้กลายมาเป็นบททดสอบของศาลาโอสถสวรรค์

แต่ผู้อาวุโสเผิงเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าแค่เย่หยวนใช้เจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาในการสอบครั้งเดียวมันกลับจะทำให้เจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาคิดติดตามเขาได้

ตราบเท่าที่เย่หยวนคิดอยาก เขาก็สามารถเป็นนายของมันได้ในทุกเมื่อ

ผู้อาวุโสผิงย่อมเข้าใจดีว่าตอนนี้เพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาคงไม่อาจตกเป็นของใครไปได้อีกแล้วในอนาคต

เขายกมือขึ้นมาโบกไล่ “ยาม นำเจ้าเพลิงหมาป่าสวรรค์หทัยเมฆาไปเสีย การสอบวันนี้จบลงเพียงเท่านี้”

สังเวียนประลองโอสถเงินนั้นมีเสียงโห่ร้องดังลั่นสนั่นฟ้า

ไม่ไกลออกไปจากเหล่าผู้ส่งเสียงร้องก็มีเงาร่างสองผู้กำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่บนสังเวียนอย่างที่ไม่มีใครคิดจะยอมใคร

“เอาเลย มู่เต้าเฉิง!”

“มู่เต้าเฉิงเก่งกาจจริงๆ!”

ที่ด้านนอกสังเวียนตอนนี้เสียงโห่ร้องมันดังไม่แพ้เสียงของหม้อหลอม

ส่วนบนสังเวียนนั้นชายวัยกลางคนทางฝั่งขวาก็กำลังได้เปรียบอยู่ไม่น้อย

ไม่นานนักความได้เปรียบนี้ของเขามันก็กินคู่ต่อสู้จนขาดลอย

“หลอม!”

เมื่อมู่เต้าเฉิงร้องออกมาโอสถมันก็เริ่มหลอมและก่อรูปขึ้นเป็นโอสถภายในคราเดียว

อีกฝ่ายนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างเจ็บใจ เพราะตอนนี้โอสถของเขานั้นมันได้กลายเป็นโอสถไร้ค่าไปแล้ว

มู่เต้าเฉิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “หวงเจิน มันยังเร็วไปร้อยปีหากเจ้าคิดจะมาท้าทายข้า! ฮ่าๆ”

หวงเจินมองดูมู่เต้าเฉิงก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาและเดินลงสังเวียนไป

เย่หยวนมองดูภาพตรงหน้านี้อย่างประหลาดใจไม่น้อย การประลองหลอมโอสถเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่เขาแทบไม่เคยพบเห็น

เพราะการประลองหลอมโอสถนั้นจะเกลียดชังการยุ่มย่ามของผู้คนภายนอกมากที่สุด ทำให้สังเวียนประลองที่เปิดให้ผู้คนเข้าชมได้เช่นนี้นับว่าหายากมาก

และไม่ใช่เพียงแค่เสียงของผู้คนทั้งหลายนั้นไม่ถูกปิดกั้น แต่มันยังไม่มีค่ายกลใดๆ มาปิดบังสายตาเลยเสียด้วย

การเผชิญหน้าของทั้งสองบนสังเวียนนั้นมันเหมือนกับการเผชิญหน้าของนักยุทธ์ไม่มีผิด

ผู้ชนะนั้นหลอมโอสถได้

ผู้แพ้นั้นทำให้โอสถเสียค่า!

แต่เย่หยวนก็ได้เห็นว่าฝีมือของคนทั้งสองนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ

เทียบกับเหล่าผู้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวในโลกภายนอกแล้ว พวกเขาทั้งหลายนี้เก่งกาจกว่ามาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่เต้าเฉิงคนนี้ เขานั้นมีความรู้โอสถขึ้นถึงอาณาจักรต้นขั้นปลาย แน่นอนว่าเขาต้องฝีมือที่เหนือล้ำผู้คน

เมื่อได้ยินเสียงร้องของคนทั้งหลายก็ยิ่งแสดงได้อย่างชัดเจนว่ามู่เต้าเฉิงนั้นชื่อเสียงในสังเวียนประลองโอสถนี้เพียงใด

แต่เย่หยวนนั้นคิดว่าการประลองโอสถเช่นนี้เองมันกลับจะทำให้ผู้คนเพิ่มพูนฝีมือของตนได้มากกว่าการประลองทั่วๆ ไป

เพราะคนทั้งสองนั้นเผชิญหน้าและประลองการหลอมกัน มีคลื่นพลังที่ปะทะกันอยู่ตลอดทำให้สามารถลักจำความเข้าใจในวิชาของอีกฝ่ายมาได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นแล้วแม้จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่พวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะได้ความรู้ติดตัวกลับไปไม่น้อย

ที่สำคัญกว่านั้นการที่ต้องหลอมโอสถภายใต้สถานการณ์ที่ยากเย็นเช่นนี้เองมันก็จะเพิ่มพูนพลังสมาธิและความเก่งกาจของนักหลอมโอสถได้มาก

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อนักหลอมโอสถสวรรค์นั้นมันถึงมีค่าและได้รับการยอมรับมากมาย เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่หยวนก็ได้แต่ชื่นชมว่าวิธีการของศาลาโอสถสวรรค์นี้มันเหนือล้ำจริงๆ

“อีกแค่ชัยชนะเดียวมู่เต้าเฉิงก็จะสามารถป้องกันสังเวียนได้ครบสิบครั้งแล้ว ถึงเวลานั้นเขาคงได้เหรียญนักหลอมโอสถสวรรค์ทองไปแน่!”

“ข้าล่ะอิจฉาเขาจริงๆ อย่างข้าชีวิตนี้คงไม่อาจขึ้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ทองได้แน่!”

มู่เต้าเฉิงนั้นมั่นใจในความสำเร็จของคนอย่างมากเขาจึงร้องตะโกนขึ้นบนสังเวียน “มีใครกล้าที่จะขึ้นมาท้าทายข้าอีกไหม? มี! หรือ! ไม่!”

มู่เต้าเฉิงในตอนนี้มีสภาพเหมือนนักสู้ที่เพิ่งได้รับชัยครั้งใหญ่มา จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความองอาจ

แต่ที่ด้านล่างนั้นกลับไม่มีใครกล้าจะขึ้นไปบนสังเวียนเลย

ตามกฎของศาลาโอสถสวรรค์แล้วหากคนผู้หนึ่งสามารถชนะได้สิบศึกติดต่อกันพวกเขาก็จะนับว่าป้องกันสังเวียนได้หนึ่งครั้ง

และเมื่อสามารถป้องกันสังเวียนได้ครบสิบครั้ง พวกเขาก็จะขึ้นไปถึงระดับที่สูงกว่าเก่าได้

และเมื่อทำเช่นนั้นได้ชื่อเสียงใดๆ ของพวกเขาก็จะสั่นสะท้านดังไปทั่วโลกา

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียชื่อเสียงของศาลาโอสถสวรรค์นี้มันก็ไม่ได้โด่งดังแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวเท่านั้น

แม้แต่เหล่านักหลอมโอสถจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังต้องมาเป็นสมาชิกของศาลาโอสถสวรรค์นี้

ยิ่งผ่านเวลาไปนานเข้าอำนาจที่ศาลาโอสถสวรรค์มีมันจึงยิ่งล้ำลึกจนไม่อาจสาวขึ้นมาได้หมด

หากคนผู้ใดสามารถได้รับเหรียญระดับสูงไปได้ มันก็จะเป็นการเพิ่มพูนชื่อเสียงของพวกเขาเหล่านั้นอย่างใหญ่หลวง

เรื่องนี้มันย่อมทำให้ผู้คนแทบคลั่ง

เพียงแค่ว่าในศาลาโอสถสวรรค์นั้นการที่จะเลื่อนขึ้นระดับได้นั้นมันสุดแสนจะยากเย็น

นอกจากจะต้องใช้เวลาแล้วเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายที่เข้าศาลาโอสถสวรรค์มาล้วนแล้วต่างมิใช่แค่หมูหมากาไก่ข้างทาง

คิดอยากชนะติดกันได้ให้สิบศึกมันเป็นเรื่องที่สุดแสนยากเย็น

ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขายังต้องชนะติดต่อกันสิบสังเวียนจึงจะสามารถผ่านขึ้นไประดับสูงกว่าได้

เพราะแบบนั้นเองชื่อของนักหลอมโอสถสวรรค์จากศาลาโอสถสวรรค์มันจึงยิ่งมีค่า

จู่ๆ เย่หยวนก็กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนนั้นและบอกแก่มู่เต้าเฉิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอท้า”

…………………………

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท