ตอนที่ 42 โจวหมิ่น
ภายในห้อง เย่ฉูฉู่กำลังพูดคุยกับแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
ลูกรู้ได้ยังไง? คุณแม่เย่เพิ่งจะพูดว่าเย่ฉูฉู่กลับมาได้สิ้นเปลืองมาก กลับมาที่บ้านก็กลับมาสิ ทำไมต้องทำขนมแป้งทอดกลับมาด้วย? แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ ลูกสาวของนางจะพูดถึงเรื่องนี้
วันนี้เหวินเทาก็เข้าไปในเมืองมา ขากลับไปเจอกับพี่สาม พี่สามก็เลยเล่าให้ฟัง ฉันได้ฟังก็รู้สึกแปลก ๆ เลยกลับมาถามแม่นี่แหละค่ะ เย่ฉูฉู่กล่าว
คุณแม่เย่ก็กล่าวว่า เป็นเรื่องจริง จดหมายส่งมาถึงที่บ้านแล้ว
เป็นเรื่องจริงเหรอคะ? เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ
อื้ม คุณแม่เย่พยักหน้า แต่นางก็ประหลาดใจเหมือนกัน ลูกสะใภ้ปัญญาชนคนนี้เป็นคนไม่เลวเลย นางเองก็ยอมรับเรื่องนี้ แต่ถ้าหากให้พูดว่าตระกูลเย่ดีเด่นขนาดนั้นก็คงไม่ใช่ ดังนั้นสำหรับการที่ลูกสะใภ้คนนี้ส่งจดหมายกลับจากมหาวิทยาลัย นางเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเหมือนกัน
แต่ทุกคนต่างก็ไม่มีใครรู้เลย ว่าโจวหมิ่นที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอยากกลับมาหาเย่หมิงเป่ยอย่างใจจดใจจ่อขนาดนี้
โจวหมิ่นเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ชาติที่แล้วหลังจากที่หล่อนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปหาบ้านสามีที่ชนบทอีกเลยจริง ๆ หล่อนคิดว่าเย่หมิงเป่ยเข้าใจความหมายของหล่อนแล้ว แต่หล่อนคิดไม่ถึงว่า บั้นปลายชีวิตในชาติที่แล้ว หล่อนกลับยังได้พบเจอกับเขาอีกครั้ง
ชาติที่แล้วตอนที่หล่อนเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม หล่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนนักเรียนชายอีกคน เป็นเพราะพวกเขามีอุดมการณ์และเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไปด้วยกันได้
แต่ใครจะไปคิด เดิมทีที่คิดว่าจะมีชีวิตที่โชคดีและงดงาม ตอนที่หล่อนตั้งครรภ์กลับถูกทรยศหักหลัง
สามีคนที่สองของหล่อนนอกใจ ไปมีชู้กับผู้หญิงคนอื่นในหน่วยงาน ร่างกายของหล่อนเดิมทีก็ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว แต่หล่อนยังโมโหมากจนถึงขั้นแท้งลูก
ทั้งยังมีโรคติดตัวที่แสดงออกมาให้เห็นในภายหลัง ทำให้หล่อนกลายเป็นหมันตลอดชีวิต
แน่นอนว่าหล่อนเองก็หย่าร้างไปแล้ว ทั้งยังต่อต้านการแต่งงานเป็นอย่างมาก หล่อนต่อต้านผู้ชายทุกคน ดังนั้นทั้งชีวิตจึงไม่ได้แต่งงานอีก
แน่นอนว่าหล่อนก็ไม่ได้มีลูกชายและลูกสาวด้วย
ตอนที่หล่อนเข้าสู่วัยชราก็ได้เข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชราระดับสูง แม้ว่าจะไม่ได้มีลูกชายและลูกสาว แต่ก็มีเงินเกษียณมากพอ
ภายในบ้านพักคนชราหล่อนก็ได้ไปเจอกับเย่หมิงเป่ยที่อยู่ในบ้านพักคนชราเช่นเดียวกัน
ทว่าเขาแตกต่างจากหล่อน เย่หมิงเป่ยถูกลูกชายและลูกสาวของเขาส่งเข้ามา ตอนนั้นเขาก็อายุมากแล้วเช่นกัน
จะพูดว่าเขาประสบความสำเร็จมากก็คงไม่ใช่ แต่เห็นได้ชัดว่าชีวิตของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หล่อนรู้สึกเหนือความคาดหมายมาก หลังจากเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ปรากฏว่าพวกเขาก็ได้มาเจอกันอีกครั้งที่บ้านพักคนชราในเมืองหลวงแห่งเดียวกัน
ชีวิตหลังจากนั้น หล่อนและเย่หมิงเป่ยก็ได้อยู่ด้วยกัน หล่อนเองก็เพิ่งทราบว่า หลังจากที่เลิกรากับเย่หมิงเป่ย อีกฝ่ายก็ไม่ได้แต่งงานใหม่อีกเลย เขาเป็นคนเลี้ยงลูกชายและลูกสาวทั้งสองคนด้วยตัวเอง
โจวหมิ่นร้องไห้จนไม่สามารถร้องไห้ได้อีกแล้ว
หล่อนเดินเคียงข้างเย่หมิงเป่ยจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต จากนั้นโจวหมิ่นก็ตามเขาไป
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าการจากไปของหล่อนในครั้งนี้จะพาตัวเองย้อนกลับมาในช่วงมหาวิทยาลัยอีกครั้ง นี่เป็นช่วงที่หล่อนและเย่หมิงเป่ยยังไม่ได้แยกจากกันอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นหลังจากกลับมา หล่อนก็แทบทนไม่ไหวที่จะได้เจอหน้าเขา ทว่าเป็นเพราะอยู่ห่างจากกันมากเกินไป หล่อนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคปิตอลนอร์มอล จึงไม่มีเวลาได้กลับไป
ดังนั้นจึงทำได้แค่เขียนจดหมาย
ในจดหมายหล่อนนัดเวลาคุยโทรศัพท์ไว้ จากนั้นก็แค่รอเวลาให้เขาโทรมาหาหล่อน และหล่อนก็จะไปยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ โทรศัพท์
หล่อนอยากได้ยินเสียงของเขาจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว!
เย่หมิงเป่ยอยู่ที่เมืองในมณฑล เมื่อมาถึงด้านข้างของโทรศัพท์แล้ว เขาก็รอจนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย จากนั้นเย่หมิงเป่ยก็กดโทรไปหาด้วยความรู้สึกที่ประหม่า
ทางฝั่งนั้นกดรับสายในเวลาอันรวดเร็ว เพียงไม่นานโจวหมิ่นก็กดรับสาย
หมินหมิ่น! เย่หมิงเป่ยตะโกนเรียก
หมิงเป่ย ฉันเอง ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งชั่วชีวิต การได้ยินเสียงของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ทำให้โจวหมิ่นถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
หมินหมิ่น คุณเป็นอะไร? มีใครรังแกคุณหรือเปล่า? เย่หมิงเป่ยได้ยินเสียงร้องไห้ของหล่อน จึงพูดอย่างร้อนใจ
เปล่าค่ะ ฉันอยู่ในมหาลัยนะ จะมีคนรังแกฉันได้ยังไง? ฉันก็แค่รู้สึกเหนื่อยไปหน่อย โจวหมิ่นเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้พลางพูดปลอบใจ
คำพูดนี้ไม่ได้โกหก ใช้เวลากี่ปีกว่าจะฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง แถมยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมีใครบ้างที่ไม่เรียนหนังสือกันแบบทุ่มสุดตัว? แน่นอนว่าหล่อนเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
โดยพื้นฐานแล้วนอกจากกินข้าวและนอนหลับ เวลาอื่น ๆ ก็ใช้ไปกับการเรียนทั้งหมด
เย่หมิงเป่ยจึงเบาใจ ในเวลาเดียวกันเขาก็เตือนหล่อนว่าอย่าให้ตัวเองลำบากเกินไป
หมิงเป่ย คุณรอฉันอยู่ที่บ้านนะ อีกครึ่งเดือนกว่า ๆ พวกเราก็จะปิดเทอมแล้ว ถึงเวลานั้นฉันจะกลับไป คุณมารับฉันที่สถานีขนส่งนะคะตกลงไหม? โจวหมิ่นสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เพราะความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความปรารถนา คำพูดที่พูดออกไปย่อมหวานหยาดเยิ้ม
ตัวเธอเองก็เป็นคนภาคใต้
ได้ ถึงเวลานั้นผมจะไปรับคุณที่สถานีขนส่งนะ! เย่หมิงเป่ยกุมโทรศัพท์แน่นขณะพูด
หลังจากพูดคุยอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็ตัดไป จ่ายเงินค่าโทรศัพท์ไป 4 หยวนเต็ม ๆ เย่หมิงเป่ยจึงมาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของ
เขาซื้อครีมโหยวอี้ให้ภรรยา ทั้งยังซื้อผ้าพันคออีกหนึ่งผืน จากนั้นก็นำของทั้งสองอย่างนี้กลับบ้าน
ตอนที่กลับมาก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คนในหมู่บ้านเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ต่างก็ทยอยพากันถามไถ่
หมิงเป่ย โจวหมิ่นภรรยาของเธอจะกลับมาแล้วเหรอ?
จะกลับมาจริง ๆ เหรอ? นี่ก็สอบเข้ามหาลัยได้แล้ว ยังจะกลับมาอีกเหรอ?
มุมมองที่นี่ของเราจะไปสู้โลกภายนอกได้ยังไงกัน หล่อนสอบเข้ามหาลัยที่เมืองหลวงฝั่งนั้นเชียวนะ จะกลับมาจริง ๆ เหรอ?
……
หล่อนจะกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ถึงเวลานั้นผมจะไปรับหล่อนที่สถานีขนส่ง! เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จริงเหรอเนี่ย? ทำไมปีที่แล้วถึงไม่ส่งข่าวคราวอะไรเลยล่ะ? คนหนึ่งพูด
นั่นก็เพราะเรียนยุ่งเกินไปยังไงล่ะ อีกอย่างก็เพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัย จะมีเวลาได้ยังไงกัน? นอกจากกินข้าวกับนอนหลับ ก็มีแต่เรียนนี่แหละ แต่ละคนก็เรียนกันสุดชีวิตเลยนะ จะไม่ให้หล่อนเรียนหนักขึ้นได้ยังไงกันล่ะ? เย่หมิงเป่ยอธิบาย
ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
ตอนที่เย่หมิงเป่ยกลับมา น้องสาวของเขาก็กลับไปแล้ว นี่ก็เริ่มเย็นแล้วด้วย
น้องสาม เป็นยังไงบ้าง? น้องสะใภ้สามว่ายังไง? พี่สะใภ้ใหญ่เย่เห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ก็พอจะทราบในใจแล้ว หล่อนจึงถามด้วยรอยยิ้ม
หมินหมิ่นบอกว่าจะกลับมาฉลองปีใหม่ บอกให้ผมไปรับหล่อนด้วยครับ! เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้คุณพ่อเย่และคุณแม่เย่ได้เดินออกมาพอดี จึงได้ยินประโยคนี้
คุณพ่อเย่มีสีหน้าดูอ่อนลงมาก คุณแม่เย่เลิกคิ้วขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย นางมองดูลูกชายจอมซื่อบื้อของตัวเอง แล้วหล่อนพูดอะไรอีกไหม?
แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว
ทว่าเย่หมิงเป่ยกลับส่ายหน้า คำพูดเหล่านั้นไม่ต้องพูดออกมาหรอก หมินหมิ่นพูดว่าคิดถึงเขา คิดถึงมาก ๆ คิดถึงมากสุด ๆ เลย
ตอนที่เพ่งอยู่กับการเรียนอย่างเดียวหล่อนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อมีเวลานิด ๆ หน่อย ๆ หล่อนก็คิดถึงเขาอย่างควบคุมไม่อยู่
หึหึ
คุณแม่เย่ทนดูท่าทางซื่อบื่อนั้นของเขาไม่ไหว จึงโบกมือพลางพูด เอาล่ะ ในเมื่อหล่อนจะกลับมา ถึงเวลานั้นก็ไปรับแล้วกัน ต่อให้นางรู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อยังกลับมาได้ หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องหย่าร้างอะไรอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ นางกังวลใจจริง ๆ ว่าเจ้าลูกชายหัวดื้อจะรอภรรยาคนนี้โดยไม่แต่งงานกับใครอีกตลอดชีวิต
………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนฟ้าได้ให้โอกาสแก้ตัวด้วยการย้อนอดีตกลับมาอีกครั้ง คราวนี้คงไม่ทำอะไรพลาดเหมือนชีวิตชาติที่แล้วล่ะนะ
แต่ชีวิตจริงคงมีโอกาสเพียงครั้งเดียว น่าเศร้าตรงนี้แหละค่ะ ดังนั้นอย่าประมาทกับชีวิตนะคะ
ไหหม่า(海馬)