ตอนที่ 87 ราศีของผู้ชาย
เย่หมิงเป่ยหัวเราะเหอะ ๆ ขณะกอดภรรยาไว้ในอ้อมกอด ภรรยาจ๋า ผมเองก็คิดถึงคุณนะ วันนี้ไม่ได้เจอทั้งวัน ในใจผมคันยิบเหมือนกับมีมดไต่เลย เพิ่งจะออกจากบ้านก็แทบอยากจะวิ่งกลับมาแล้ว
คุณนี่ช่างรู้จักง้อฉันจริงนะ ถ้าคุณอาลัยอาวรณ์ฉัน ทำไมคุณถึงไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันล่ะ อากาศแบบนี้ยังจะออกไปขายผักอีก พวกเราขาดแคลนเงินมากเลยเหรอ? โจวหมิ่นกล่าว
ภรรยาจ๋า มาให้ผมจูบหน่อยสิ ผมคิดถึงคุณแทบแย่แล้ว เย่หมิงเป่ยไม่กล่าวสิ่งอื่น เท้าทั้งสองข้างแช่อยู่ในน้ำร้อน ส่วนมือทั้งสองข้างประคองแก้มของภรรยาไว้พลางยื่นหน้าเข้าไปจูบหล่อน
โจวหมิ่นเองก็ตอบรับเช่นกัน เพียงไม่นานทั้งสองคนก็หายใจหอบถี่ สีหน้าของโจวหมิ่นแสดงซึ่งความรู้สึกของวสันตฤดู ทำให้เย่หมิงเป่ยที่เห็นไม่รู้สึกลังเลแม้แต่น้อย
เพียงครู่หนึ่งสองสามีภรรยาก็ล้มลงบนเตียง ที่ขาดไม่ได้คือการแลกเปลี่ยนแบบเชิงลึกไปหนึ่งรอบ
หลังจากสองสามีภรรยาเสร็จกิจก็นอนกอดก่ายและพูดคุยกัน
เย่หมิงเป่ยพูดถึงการค้าขายแบบเป็นตัวแทนขายผักใบเขียวนี้ แม้ว่าวันนี้จะขายหมด แต่เขากับน้องเขยก็พอจะมองออกว่ามาสักครั้งเป็นครั้งคราวยังดีหน่อย แต่ถ้าให้มาขายผักใบเขียวทุกวันคงขายได้ไม่ดี
โจวหมิ่นได้ฟังจึงกล่าวว่า ตอนนี้ใกล้จะปีใหม่แล้ว คุณกับเหวินเทาก็นำของที่ต้องใช้สำหรับปีใหม่เข้าไปขายตามหมู่บ้านสิคะ?
โจวหมิ่นทราบว่ากำลังซื้อที่มณฑลและชนบทมีอย่างจำกัด แต่โชคดีที่เทศกาลฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงแล้ว ต่อให้ทุกคนไม่อยากใช้เงิน แต่ก็ต้องซื้อของบางอย่าง อย่าได้ดูถูกตลาดแห่งนี้ แม้ว่าจะสู้การซื้อของเตรียมรับปีใหม่เหมือนคนรุ่นหลังไม่ได้ และกำไรจากสิ่งของเหล่านั้นจะไม่ได้สูง แต่ก็อย่ามองว่ากำไรน้อยเลย หากรวมสิ่งเล็กน้อยสิ่งน้อยเข้าด้วยกันก็กลายเป็นมากได้ กำไรก็เยอะเชียวล่ะ
อันที่จริงโจวหมิ่นก็ไม่อยากเสนอความคิดเห็นอะไรหรอก แต่เป็นเพราะวันนี้หล่อนเห็นเขาออกไปทำงานหาเงิน หลังจากกลับมาความมีชีวิตชีวาของเขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ดังนั้นหล่อนจึงทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งและลืมตาข้างหนึ่ง
เย่หมิงเป่ยมีดวงตาเป็นประกาย เขารู้สึกว่าความคิดนี้น่าสนใจจริง ๆ เขากล่าว ภรรยาจ๋า ทำไมคุณถึงได้ฉลาดแบบนี้เนี่ย? แค่นึกก็คิดออกแล้ว
โจวหมิ่นตำหนิเขาผ่านสายตาปราดหนึ่ง
ภรรยาจ๋า จัดอีกสักรอบนะ เย่หมิงเป่ยพลิกตัวขึ้นคร่อมหล่อน
โจวหมิ่นกล่าวตำหนิ ไม่เอาแล้ว…อ๊า~
เสียง ‘อ๊า’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง หล่อนจึงทำได้เพียงแค่ยึดตัวเขาไว้แน่น ปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่หมิงเป่ยที่มีชีวิตชีวาก็มาบอกเรื่องนี้กับน้องเขยของเขา
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็ถึงกับถอนหายใจ พี่สะใภ้สามคนนี้สมกับที่เป็นนักศึกษาจริง ๆ คิดแต่ละอย่างได้เข้าท่าเหลือเกิน
เขาปรึกษากับพี่ภรรยาสามอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทั้งสองคนก็ทำรายการสิ่งที่ทุกคนจะซื้อในปีก่อน ๆ จากนั้นก็เดินทางเข้าไปซื้อของในมณฑล
คุณแม่จ้าวเดินเข้ามาถามเย่ฉูฉู่ว่า วัน ๆ เอาแต่ขายผักใบเขียวซ้ำ ๆ มีคนซื้อมากขนาดนั้นเลยเหรอ? เวลาแบบนี้ผักใบเขียวราคาแพงขนาดนั้น ระวังจะขายไม่ออกล่ะ
หากมีเงินก้อนนั้นอยู่ ผู้คนย่อมยินดีที่จะรับประทานเนื้อมากกว่า คนที่ซื้อผักใบเขียวจริง ๆ มีอย่างจำกัดมาก
เย่ฉูฉู่กล่าว คุณแม่อย่าได้กังวลใจเลยค่ะ วันนี้พี่สามของฉันกับเหวินเทาไม่ได้ไปนำเข้าผักใบเขียวแล้ว พวกเขาไปที่มณฑลเพื่อนำเข้าของอย่างอื่นค่ะ
ของอย่างอื่น? คุณแม่จ้าวเกิดความสงสัย
เป็นของที่ต้องซื้อสำหรับวันปีใหม่ค่ะ คิดว่าคงเป็นพวกป้ายคำอวยพร ภาพอวยพร ประทัดอะไรพวกนั้นน่ะค่ะ เย่ฉูฉู่เองก็เพิ่งจะได้ยินเมื่อครู่ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่จ้าวได้ยินถึงกับยิ้มออกมา แบบนี้ถือว่าไม่เลวเลยจริง ๆ
เย่ฉูฉู่ก็คิดว่าไม่เลวเลย แต่เธอคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่แปลกใจเลยที่พี่สะใภ้สามจะไม่ยินดีให้พี่สามทำ เธอเองก็รู้สึกทำใจไม่ได้ที่ให้จ้าวเหวินเทาทำเช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามบ้างถึงจะดี
ด้วยเหตุนี้ จ้าวเหวินเทาจึงเริ่มวิ่งไปตามแต่ละหมู่บ้านพร้อมกับเย่หมิงเป่ย
ในเวลานี้ผู้คนฉลองปีใหม่แตกต่างจากรุ่นหลังอย่างมาก คนรุ่นหลังให้ความสำคัญกับรูปแบบมากขึ้น แต่ตอนนี้ให้ความสำคัญกับการใช้งานได้จริงมากกว่า
สิ่งที่ซื้อเป็นของที่ใช้ได้จริงทั้งหมด อย่างเช่นเกลือ อุปกรณ์เย็บผ้า ประทัด ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ประทัดเป็นของที่ต้องซื้อ ต่อให้เป็นบ้านที่จนมากกว่านี้ก็ยังยินดีที่จะแขวนหญ้าแห้งหนึ่งเส้นแล้วแขวนประทัดเล็ก ๆ ไว้เพื่อให้ได้ยินเสียงดังสักหน่อย ถือว่าเป็นการขับไล่ความโชคร้าย
ถ้าดีขึ้นอีกหน่อยก็จะซื้อแบบคู่ ในทีมบางทีมก็จะซื้อดอกไม้ไฟด้วย
นอกจากของเหล่านี้ ก็ยังมีโซดาซักผ้า และยังมียางมัดผมประดับดอกไม้ของลูกสาวหญิงสาวในบ้าน ลูกอมผลไม้ของเด็ก และภาพวาดปีใหม่
ภาพวาดฉลองปีใหม่เป็นภาพเด็กอ้วนกำลังกอดปลาตัวใหญ่ ไฉ่ซิงเอี๊ย(เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)มาเยือน 108 ผู้กล้าเหลียงซาน ซุนหงอคงอาละวาดแดนสวรรค์ ตำนานนิทานพื้นบ้านต่าง ๆ และอื่น ๆ
ทั้งสองคนลองนำของแบบนี้นำเข้ามาส่วนหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้ขายดีเป็นอย่างมาก!
นี่ก็เป็นเพราะในเวลานี้การเดินทางไม่สะดวก มีคนจำนวนน้อยมากที่มาขายของในชนบท หากทุกคนจะซื้อของถ้าไม่ใช่ที่ตลาดก็เข้าไปในมณฑล
ต้องเข้าไปในมณฑลเท่านั้นจึงจะได้เห็นของดีเหล่านี้ ส่วนในตลาดไม่ได้มีของจำพวกนี้
ทว่าระยะทางไปถึงมณฑลนั้นไกลมาก การมีหิมะตกยิ่งทำให้เดินทางไม่สะดวก แต่ตอนนี้ดีแค่ไหนกัน? สินค้ามาถึงหน้าประตูบ้าน ให้คุณได้เลือกซื้อ สิ่งนี้ทำให้หญิงชรา ลูกสะใภ้และพวกเด็ก ๆ ดีใจกันใหญ่
แน่นอนว่า คนที่ดีใจมากที่สุดคือจ้าวเหวินเทาและเย่หมิงเป่ย พวกเขาไม่กลัวว่าจะได้กำไรน้อย ขอแค่มีสินค้าจำนวนมาก กำไรย่อมเป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว
แต่การหาเงินก็คือการหาเงิน ทั้งสองคนก็เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวเหมือนกัน
ยังมีพวกป้าใหญ่ ลูกสะใภ้ใหญ่ ลูกสะใภ้เล็กและสาวใหญ่เหล่านี้อีก ทะเลาะกันเก่งจริง ๆ
จ้าวเหวินเทายังดีหน่อย ถึงอย่างไรเขาก็วิ่งซื้อขายมาหลายเดือนแล้ว จึงปรับตัวได้แล้ว อีกอย่างฝีปากของเขาก็เราะรายมาแต่ไหนแต่ไร หนังหน้าก็หนา การรับมือจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เย่หมิงเป่ยกลับทำแบบนั้นไม่ได้
มากสุดเขาก็ทำแค่แบกตะกร้าไข่ไก่ไปขายในมณฑล สามถึงห้าวันก็จะมาครั้งหนึ่ง ไม่เหมือนกับตอนนี้ ต้องตื่นเช้ากลับดึกทุกวัน วิ่งทีหนึ่งก็ทั้งวัน ทั้งยังต้องมาเจอกับการทะเลาะวิวาทกับคนแบบนั้นอีก เขาทนไม่ได้เลยจริง ๆ เพียงไม่กี่วันก็แสดงสีหน้าอิดโรยออกมาให้เห็น
แต่เมื่อมาดูจ้าวเหวินเทา ที่ยังคงดูเหมือนกระเบื้องเคลือบแบบนั้น สิ่งนี้ทำให้เย่หมิงเป่ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของแม่ตัวเอง
แม่เคยพูดว่าจ้าวเหวินเทาเป็นคนที่ทำการใหญ่ได้ ส่วนพวกเขาสามพี่น้องไม่มีใครสู้เขาได้สักคน ก่อนหน้านี้เย่หมิงเป่ยก็ไม่ได้คิดอะไร แต่วันนี้เขาต้องยอมรับจริง ๆ
อีกอย่างเย่หมิงเป่ยที่น้ำหนักลดลงและมีท่าทางอิดโรยย่อมอยู่ในสายตาของโจวหมิ่นอยู่แล้ว สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกปวดใจเช่นกัน
หล่อนไม่สนใจเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลยจริง ๆ เมื่อแลกกับการต้องขับรถออกไปข้างนอกทุกวัน หล่อนสามารถหาเงินจำนวนนี้มาได้ด้วยการขายเสื้อเพียงไม่กี่ตัว
แต่หลังจากที่เย่หมิงเป่ยทราบถึงความสำเร็จหลังจากที่หล่อนไปอยู่เมืองหลวง เขาก็แอบรู้สึกด้อยกว่า แม้แต่โจวหมิ่นก็รู้สึกได้ หล่อนไม่อยากให้เขารู้สึกกดดันหรือรู้สึกถึงความแตกต่างที่ห่างกันมาก ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะต้องปล่อยให้สามีของหล่อนทำงานยุ่งเขาถึงจะมีความมั่นใจขึ้นมา
การทำเงินเพียงเล็กน้อยนี้ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับหล่อน แต่สำหรับเย่หมิงเป่ยกลับเป็นเรื่องสำคัญ เส้นทางในอนาคตของพวกเขายังอีกยาวไกล หล่อนหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะพึ่งพาซึ่งกันและกันได้ ไม่ใช่เธออ่อนแอฉันแข็งแกร่ง ตอนนี้สามีเหนื่อยสักหน่อยลำบากสักหน่อย ในภายภาคหน้าก็จะเต็มเปี่ยมด้วยผลตอบแทน
แต่อย่ามองว่าเขาเหนื่อยเลย ราศีใบหน้าและแววตาของเขาตอนนี้เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีมาก่อน
โจวหมิ่นไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่เปิดเตาเล็ก ๆ ให้เย่หมิงเป่ย
หล่อนใช้ความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวเหวินเทาเป็นพิเศษ นำเนื้อกลับมาจำนวนไม่น้อย เพื่อเก็บไว้ให้เย่หมิงเป่ยรับประทาน
ตอนเช้าหล่อนตั้งใจลุกขึ้นมาทำเกี๊ยวน้ำ บะหมี่หมูเส้น แป้งทอดไส้เนื้อ และอื่น ๆ ตอนค่ำหล่อนก็จะทำอาหารให้เย่หมิงเป่ยอีกมื้อ เป็นเกี๊ยว โจ๊กหมู บะหมี่ไข่ไก่อะไรพวกนั้น เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
แน่นอนว่าของเหล่านี้หล่อนเป็นคนออกเงินเองทั้งหมด และเป็นเพราะหล่อนนี่เอง คุณภาพอาหารภายในบ้านจึงดีขึ้น
หล่อนเองก็แบ่งให้พ่อแม่สามีไปไม่น้อยเพื่อแสดงความกตัญญู ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองก็ได้รับประทานด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในมือของโจวหมิ่น ยกตัวอย่างเช่นคืนนี้ หล่อนตุ๋นไก่ให้เย่หมิงเป่ยหนึ่งตัว ซึ่งเป็นไก่ที่ซื้อมาจากคนในหมู่บ้าน และหล่อนก็ตั้งใจตุ๋นให้เย่หมิงเป่ยโดยเฉพาะ
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีภรรยาดีชีวิตก็ดีแบบนี้แหละค่ะ ถึงเหนื่อยยากก็มีคนดูแล
ไหหม่า(海馬)