เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 331 ไร้เดียงสาไม่เข้าใจความรัก

ตอนที่ 331 ไร้เดียงสาไม่เข้าใจความรัก

ตอนที่ 331 ไร้เดียงสาไม่เข้าใจความรัก
ตอนที่ 331 ไร้เดียงสาไม่เข้าใจความรัก

หล่อนจงใจเน้นคำว่าจริงใจ แต่เย่หมิงเป่ยกลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจกล่าวว่า “คุณเฉิงคนนั้นเป็นคนพูดเยอะ ยืนกรานว่าจะเลี้ยงข้าวผมเพื่อตอบแทนให้ได้ จากนั้นพอได้คุยก็คุยแบบไม่จบไม่สิ้น บอกว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก สรุปแล้วก็มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”

โจวหมิ่นเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นพูดด้วยความฉงนสงสัย “งั้นเหรอ? หล่อนพูดว่าอะไรบ้างล่ะ?”

เย่หมิงเป่ยครุ่นคิด “ผมเองก็ลืมไปแล้วว่าคุยอะไรบ้าง ทั้งหมดก็เป็นเรื่องซุบซิบ การป้องกันอัคคีภัย แล้วก็เรื่องการตกแต่ง ยังมีเรื่องแฟชั่นด้วยนะ จริงสิ หล่อนบอกว่าชื่อหล่อนดังมาก บอกว่าเป็นชื่อคนดังในนิยาย เฉิงหลิงซู่ คุณเคยได้ยินไหม?”

โจวหมิ่นชะงัก หัวเราะร่าออกมา “เฉิงหลิงซู่! หล่อนชื่อนี้หรอกเหรอ? งั้นก็มีชื่อเสียงมากจริง ๆ นั่นแหละ”

“จริงเหรอ นิยายเรื่องอะไรล่ะ?” เย่หมิงเป่ยเกิดความฉงน “หล่อนบอกว่าครั้งหน้าจะเอานิยายเล่มนี้มาให้ผมด้วย บอกให้ผมเอาไปอ่านดู”

“จริงเหรอ?” โจวหมิ่นลากเสียงยาว “คุณเฉิงคนนี้มีเอกลักษณ์จริง ๆ แนะนำชื่อของตัวเองได้สร้างสรรค์ขนาดนี้ แต่ก็น่าเสียดายนะเนี่ย!”

เย่หมิงเป่ยรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของโจวหมิ่นฟังดูพิกล แต่เขากลับไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามไปว่า “น่าเสียดายอะไรเหรอ?”

“คนมีชื่อเสียงคนนั้นที่ใช้ชื่อนี้มีชีวิตไม่ค่อยดีน่ะสิ” โจวหมิ่นส่ายหน้า

เย่หมิงเป่ยยิ่งเกิดความอยากรู้อยากเห็น เร่งเร้าให้โจวหมิ่นเล่าให้ฟัง โจวหมิ่นไม่ได้ปฏิเสธ เล่าให้เขาฟังอย่างอดทน หล่อนเล่าเนื้อหาคร่า ๆ ของทั้งเล่ม เย่หมิงเป่ยฟังอย่างเพลิดเพลิน หลังจากฟังเขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวละครที่ชื่อเฉิงหลิงซู่คนนี้

“คุณไม่คิดว่าเฉิงหลิงซู่น่าสงสารเหรอ?” โจวหมิ่นเห็นเย่หมิงเป่ยไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจึงเอ่ยถาม

เย่หมิงเป่ยกลับไม่รู้ว่าทำไม “มีอะไรให้น่าสงสารล่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”

โจวหมิ่นคิดไม่ถึงเลยว่าเย่หมิงเป่ยจะพูดแบบนี้ หล่อนกะพริบตาปริบ ๆ ถามต่อไปว่า “แล้วถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ?”

“แต่หล่อนไม่ได้เป็นคนจริง ๆ นี่นา” เย่หมิงเป่ยพูดด้วยความไม่เข้าใจ

 

“สมมุติว่าหล่อนเป็นคนจริง ๆ” โจวหมิ่นหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “ยกตัวอย่างเช่น ชีวิตของคุณเฉิงคนนี้เหมือนกับเฉิงซู่หลิงที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ถ้าคุณเป็นหูเฝ่ย คุณจะทำยังไง?”

 

เย่หมิงเป่ยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “มีเรื่องสมมุติแบบนี้ที่ไหนกัน!”

“คุณก็สมมุติว่ามีสิ คุณลองพูดมา คุณจะทำยังไง?” โจวหมิ่นพูดยืนกราน

เย่หมิงเป่ยถึงกับจนปัญญา ภรรยาของเขาพูดแบบนี้ เขาจึงได้แต่ครุ่นคิด แต่ถึงจะครุ่นคิดอย่างหนักก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าจะทำอย่างไร ทรมานเกินไปแล้ว!

 

“หมินหมิ่นปล่อยผมไปเถอะ ผมคิดไม่ออกจริง ๆ”

“งั้นฉันเปลี่ยนคำถามก็ได้” โจวหมิ่นครุ่นคิด “คุณคิดว่าเฉิงหลิงซู่คนนี้เป็นยังไง ในหนังสือน่ะ?”

“ไม่รู้สึกอะไรเลย หล่อนไม่ได้เป็นคนจริง ๆ สักหน่อย” เย่หมิงเป่ยส่ายหน้า

“ไม่ใช่สิ เฉิงหลิงซู่ตายเพราะหูเฝ่ย คุณไม่รู้สึกเศร้าเลยเหรอ?” โจวหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงติดไม่ค่อยพอใจ

“มีอะไรให้เศร้าล่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย” เย่หมิงเป่ยช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน “ยึดตามคำพูดของแม่ก็คือ ดูสามก๊กน้ำตาไหลเป็นกังวลใจแทนคนสมัยก่อนน่ะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่สุดแล้ว คนที่อยู่ในหนังสือ จะเกิดหรือจะตายก็เป็นเรื่องสมมุติทั้งนั้น”

  

โจวหมิ่นคิดไม่ถึงเลยว่าเย่หมิงเป่ยจะตอบคำถามแบบนี้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในทศวรรษ 1980 เป็นช่วงเวลาที่เยาวชนนิยมวรรณกรรมแล้ว ผู้ที่ไม่เข้าใจวรรณกรรมและศิลปะต่างก็แสร้งทำเป็นเศร้ากันทั้งนั้น ความเศร้าโศกนี้แน่นอนว่าอยู่ในหนังสือทั้งหมด ถึงอย่างไรในชีวิตจริงก็ไม่ได้เศร้าโศกมากมายขนาดนั้น!

 

เย่หมิงเป่ยก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือ แม้หนังสือที่อ่านจะเป็นหนังสือประเภทการจัดการเสื้อผ้าทั้งหมด แต่บางครั้งก็เหลือบมองบทกวีและร้อยแก้วอยู่เหมือนกัน เป็นเพราะสั้น ใช้เวลาไม่นาน หล่อนเองก็หวังว่าเย่หมิงเป่ยจะเพาะเซลล์ด้านวรรณกรรมศิลปกรรมบ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

  

“หมิงเป่ย หรือว่าคุณไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับตัวละครในหนังสือ เศร้าใจ กังวลใจหรือซึ้งใจเพราะเขา อะไรพวกนั้นเลยเหรอ?” โจวหมิ่นถาม

เย่หมิงเป่ยส่ายหน้า “ไม่มี”

“แล้วที่คุณฟังการเล่าเรื่องคุณฟังอะไร?” โจวหมิ่นถามต่อ

“ก็ฟังไง” เย่หมิงเป่ยตอบ

“ฟังอะไรล่ะ นิทานเหรอ? เรื่องรื่นเริง?” โจวหมิ่นยังคงถามต่อ

 

“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยคิดมาก่อน อยากฟังอะไรก็ฟังอันนั้น ไม่ได้ตั้งคำถามมากมายขนาดนั้นสักหน่อย” เย่หมิงเป่ยกล่าว “หมินหมิ่น หรือว่าคุณไม่ได้เป็นแบบนี้? คุณเห็นเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริงเหรอ? คุณอย่าคิดแบบนั้นสิ นั่นเป็นเรื่องสมมุติทั้งนั้น มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมานะ”

โจวหมิ่นกะพริบตาปริบ ๆ รีบพูดว่า “หมิงเป่ย คำถามสุดท้าย คุณต้องตั้งใจตอบนะ ฉันไม่อยากได้ยินคุณตอบว่าไม่รู้”

เย่หมิงเป่ยถึงกับตกใจ มันคำถามอะไรกันถึงได้จริงจังขนาดนี้เนี่ย?

“อะไรล่ะ?” เขานั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว

“สมมุติว่า เฉิงหลิงซู่คนนี้ อืม หมายถึงคุณเฉิงคนที่เลี้ยงข้าวคุณน่ะ ยอมตายเพื่อคุณ คุณจะซึ้งใจไหม?”

 

เย่หมิงเป่ยเบิกตาโต เขายื่นมือออกไปแตะหน้าผากโจวหมิ่น “ก็ไม่ร้อนนี่นา”

“จริงจังหน่อยสิคะ!” โจวหมิ่นปัดมือของเขาออก

 

“ไม่ใช่ คุณถามอะไรของคุณเนี่ย นี่มันอะไรกัน ทำไมหล่อนต้องมาตายเพราะผมด้วย นี่ ๆ หมินหมิ่น คุณเป็นอะไรเนี่ย?”

“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าสมมุติ!” โจวหมิ่นโกรธแทบแย่แล้ว

 

“ไม่มีเรื่องสมมุติแบบนี้สักหน่อย ผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเฉิงด้วย! อีกอย่างผมสบายดี ไม่ต้องมีใครมาตายเพื่อผมหรอก” เย่หมิงเป่ยยังไม่เข้าใจถึงสาระสำคัญ

 

“คุณตอบมาก็พอค่ะ!” โจวหมิ่นโมโหแล้ว

เย่หมิงเป่ยพูดอย่างจนปัญญา “เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้!”

 

“ไม่มีทางอะไร คุณไม่มีทางซึ้งใจ หรือหล่อนไม่มีทางตายเพื่อคุณ? ไม่สิ พวกเราไม่พูดว่าตายเพื่อคุณแล้ว ถ้าหล่อนดีกับคุณ คุณจะซึ้งใจไหม?” โจวหมิ่นเปลี่ยนวิธีการพูด เรื่องความเป็นความตายอยู่ในหนังสือก็ยังดี แต่มาอยู่ในชีวิตจริงก็แอบทะแม่ง ๆ อยู่เหมือนกัน

“ทำไมหล่อนต้องมาดีกับผมล่ะ?”

“ชอบคุณไง เหมือนกับที่เฉิงหลิงซู่ชอบหูเฝ่ย” โจวหมิ่นไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ จึงพูดอย่างจริงใจ

เย่หมิงเป่ยจึงเพิ่งเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะภรรยาหึงนี่เอง!

“หมินหมิ่น! หึๆ!” เย่หมิงเป่ยยื่นมือโอบกอดโจวหมิ่นพร้อมกับหัวเราะออกมา

“คุณหัวเราะอะไร ยังไม่ตอบคำถามเลยนะ!” โจวหมิ่นทราบดีว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงความคิดของหล่อนแล้ว จึงกลอกตาใส่เขาด้วยความเขินอายนิดหน่อย

“ก็ได้ ผมจะตอบว่า…ไม่มีทาง” เย่หมิงเป่ยตอบด้วยความจริงจัง

“ทำไมล่ะ? หล่อนยังสาวนะ สวยด้วย แถมยังพูดเก่งอีกต่างหาก” โจวหมิ่นกล่าว

 

เย่หมิงเป่ยกะพริบตาปริบ ๆ “คุณเคยเจอเหรอ ทำไมคุณถึงรู้ว่าคุณเฉิงยังสาวแล้วก็สวยล่ะ?”

“ก็ควรจะเป็นคุณผู้หญิงสิถึงจะถูก หรือไม่ก็อาจจะเป็นสาวใหญ่ ส่วนเรื่องความสวย หญิงสาวอายุน้อย ๆ เวลาแต่งตัวก็สวยแล้ว ยังต้องพูดอีกเหรอ?” โจวหมิ่นทำท่าทางราวกับว่า ‘ดูสิว่าคุณยังมีอะไรอยากจะพูดอีก’

เย่หมิงเป่ยถอนหายใจ “หมินหมิ่น คุณเองก็ยังไม่แก่สักหน่อย แถมยังพูดเก่งด้วย พูดเก่งกว่าคุณเฉิงอีก…โอ๊ย!”

“ความหมายของคุณคือฉันก็พูดมากสินะ?” โจวหมิ่นหยิกเขาไปหนึ่งที

เย่หมิงเป่ยรีบพูด “เปล่า ๆ! หมินหมิ่น เจ็บนะ!”

“งั้นคุณก็พูดให้มันดี ๆ หล่อนสวยไหม?” โจวหมิ่นปล่อยมือ โอบรอบคอเย่หมิงเป่ยพลางเอ่ยถาม

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวหมิ่นคะยั้นคะยอไม่ยอมปล่อย ทว่าเย่หมิงเป่ยกลับรู้สึกมีความสุขมาก เขามองสายตาที่รอคอยของโจวหมิ่น พูดด้วยความลำบากใจนิดหน่อย “ผม…ผมเองก็ไม่รู้”

 

โจวหมิ่นไม่พอใจ “งั้นฉันกับหล่อนใครสวยกว่า?”

“ก็ต้องเป็นคุณอยู่แล้ว!” เย่หมิงเป่ยตอบอย่างไม่ลังเล

“เพราะอะไร?”

 

“เพราะคุณคือภรรยาของผมไง!”

 

“ความสวยยังแบ่งว่าเป็นภรรยาไม่เป็นภรรยาอีกเหรอ?” โจวหมิ่นยังไม่พอใจ

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หมิงเป่ยซื่อจริงๆ ค่ะ ไม่ทันความคิดผู้หญิงเลย แต่ซื่อ ๆ แบบนี้ก็น่ารักดีนะคะ

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Status: Ongoing

ผู้แต่ง : 南方荔枝 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) & ซินซิน (新欣) เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี จากภรรยาผู้ดุร้ายกลายเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน​ เย่ฉู่ฉู่จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้มีแต่ความสุขอย่างไรดี? -Highlight : เรื่องนี้นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาในยุค​ 70​ เพียงคนเดียว​ แต่สามีในชาติก่อนที่ตายไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสามีในชาติปัจจุบัน​ด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท