ตอนที่ 352 วันที่ดี
ตอนที่ 352 วันที่ดี
“ยังจะไปอีกเหรอ!” คุณแม่จ้าวรีบถาม
“ปีนี้ไม่ไปแล้ว ไปปีหน้านู้นแหละ ตอนนี้ไม่มีเวลา ผมต้องรีบทำเวลาตุนสินค้าปีใหม่ จะได้เอามาขายตอนข้ามปี!” จ้าวเหวินเทากล่าว
คุณแม่จ้าวจึงเบาใจ ทว่าเมื่อฉุกคิดว่าปีหน้าจ้าวเหวินเทาจะกลับไป นางจึงเกิดความกังวลขึ้นอีกครั้ง “ข้าวสารสองกระสอบนี้กินให้ประหยัดสักหน่อย ก็กินได้ถึงปีหน้านั่นแหละ ไกลขนาดนี้อย่าไปเลย”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ทว่าเขาก็ทราบดีว่าเรื่องนี้คงปิดบังไม่ได้ จึงกล่าวว่า “แม่ ปีหน้าก็ค่อยกันปีหน้าสิ ยังอีกนานเลย! แม่รีบกินข้าวเถอะ!”
“อืม ก็ได้ แกเองก็กินซะ ฉูฉู่รีบกิน ข้าวสวยนี่หอมเชียว!” คุณแม่จ้าวกล่าว
หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณแม่จ้าวก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย นางบอกให้ลูกชายไปพักผ่อน ส่วนตนเองก็กลับไปที่ฟาร์มกระต่าย
จ้าวเหวินเทาอ้าปากหาว “ยี่สิบกว่าวันมานี้ได้นอนวันละแค่สองสามชั่วโมงเอง ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
“งั้นคุณก็รีบนอนเถอะ” เย่ฉูฉู่พูดถึงตรงนี้ เสี่ยวไป๋หยางก็อ้าปากหาวเช่นกัน เธอจึงกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “สมกับเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ รีบไปนอนกับพ่อสิลูก!”
จ้าวเหวินเทารับลูกชายไปอุ้ม “มาลูกพ่อ พวกเรามานอนเอ่เอ๊กันนะ!”
เสี่ยวไป๋หยางเรียกพ่อด้วยท่าทางงัวเงีย ก่อนจะผล็อยหลับอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวเหวินเทาอย่างว่าง่าย
เย่ฉูฉู่เห็นก็รู้สึกขบขันอย่างห้ามไม่อยู่ แม่สามีพูดถูก สุดท้ายแล้วก็คือผู้ให้กำเนิด เธอเก็บถ้วยและตะเกียบไปล้างทำความสะอาด จากนั้นก็เริ่มถอดกางเกงผ้าฝ้าย ในเวลานี้เฮ่อซงจือก็แวะเวียนมาที่นี่พอดี
“ได้ยินว่าเหวินเทากลับมาแล้ว!” เฮ่อซงจือเดินเข้ามาถาม
“กลับมาแล้ว เพิ่งกินข้าวเสร็จ กำลังนอนอยู่น่ะ” เย่ฉูฉู่นำเฮ่อซงจือมาที่ห้องตะวันตก เจ้าลูกลิงจึงวิ่งหนีไปที่ห้องตะวันออกแทน
“เจ้าลิงบ้านี่ หนีอีกแล้ว!” เฮ่อซงจือด่าทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะถามว่า “เสี่ยวไป๋หยางล่ะ?”
“นอนหลับไปพร้อมกับพ่อของเขาแล้ว”
“เอ๋ จำเขาได้ด้วยเหรอเนี่ย!”
“จำได้สิ แต่พ่อเขาเรียกก็ตามไปแล้ว แถมยังรู้จักเรียก ‘พ่อ’ ด้วยนะ!”
“เด็กคนนี้ดีจังเลย!”
“ผู้ให้กำเนิดไง!”
ทั้งสองคนจึงหัวเราะออกมา
“เธอมาถามเรื่องเงินสินะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ อย่าพูดแบบนี้สิ!” เฮ่อซงจือรีบพูด “ฉันได้ยินมาว่าเหวินเทาของเธอกลับมาแล้วก็เลยแวะมาดู เธออย่าพูดเหมือนฉันเป็นพวกหน้าเงินสิ”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “แบบนี้เรียกว่าหน้าเงินที่ไหนกัน แล้วฉันพูดอะไรผิดตรงไหน”
“งั้นฉันถามเลยแล้วกันนะ ได้มาเท่าไรล่ะ?” เฮ่อซงจือถามเคล้ารอยยิ้ม
“เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลย เขามาถึงก็อาบน้ำ ส่วนฉันก็ทำกับข้าว กินข้าวเสร็จก็นอน ยังไม่มีเวลาได้ถามเลย ถ้าเธออยากรู้ก็ไปถามพวกชุยต้าเมิ่งต้าก่อนเถอะ” เย่ฉูฉู่ตอบ
เฮ่อซงจือนั่งบนเตียงเตา “ฉันไม่รีบ ช้าสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?”
“กางเกงบุฝ้ายกับแจ็คเก็ตบุนวมที่เขาใส่ ฉันถอดออกมาซักแล้ว ฝ้ายพวกนี้ถ้าเอาไปซักก็ไม่อุ่นแล้ว” เย่ฉูฉู่เลาะด้ายด้วยกรรไกรอย่างรวดเร็ว
“นี่คือเสื้อที่จ้าวเหวินเทาใส่ออกไปข้างนอกสินะ เพิ่งตัดหมาด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ นี่ดันมาถอดออกซะแล้ว ไม่ต้องสะอาดขนาดนั้นก็ได้มั้ง” เฮ่อซงจือทำท่าทางราวกับยอมซูฮกอีกฝ่าย
“เธอไม่รู้อะไร พวกเขาออกไปข้างนอกมายี่สิบกว่าวัน เวลานอนก็นอนไปทั้งชุด เปียกชื้นไปหมดแล้ว แถมยังมีกลิ่นด้วย” เย่ฉูฉู่ตอบ
“เธอนี่ขยันจริง ๆ ชุดบุฝ้ายแบบนี้ยุ่งยากมากเลยนะ” เฮ่อซงจือส่ายหน้า
ชุดบุฝ้ายโดยปกติแล้วจะถอดออกมาซักหลังจากหมดฤดูหนาว เพราะผ้าฝ้ายไม่สามารถสัมผัสน้ำได้ หากสัมผัสโดนน้ำก็จะไม่อบอุ่นแล้ว การถอดออกมาซักทุก ๆ สองสามวัน ต่อให้เป็นคนขยันมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ ถอดมีซักปีละครั้งก็ถือว่าดีมากแล้ว มีบางคนขี้เกียจถึงขั้นใส่ชุดบุฝ้ายจนเสื้อเน่าใส่ไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่เคยซักสักครั้ง
ในอดีตกับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ด้านในมีเสื้อกล้าม เสื้อฤดูใบไม้ร่วง ด้านนอกยังมีเสื้อผ้าสวมทับอีกหนึ่งตัว แต่ในอดีตจะสวมแค่แจ็คเก็ตบุนวม ส่วนด้านนอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีเสื้อผ้าสวมทับอีกหนึ่งตัวก็ถือว่าดีมากแล้ว
“…ฉันจำเสื้อผ้าตอนที่ฉันยังเด็ก ๆ ได้ ฤดูหนาวเอาฝ้ายมาทำเป็นชุดผ้าฝ้าย ฤดูใบไม้ผลิก็เลาะเอาฝ้ายทิ้ง เอามาทำเป็นแจ็คแก็ต ฤดูร้อนก็เลาะเอาออกอีกชั้นหนึ่งมาใส่เป็นเสื้อผ้าธรรมดา ไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ ชุดบุฝ้ายก็คือชุดบุฝ้าย เสื้อผ้าธรรมดาก็คือเสื้อผ้าธรรมดา” เฮ่อซงจือกล่าว “ตอนนั้นจนจริง ๆ แหละ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง”
“ตอนเด็ก ๆ ฉันก็เป็นแบบนั้น” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันได้ของเหลือจากพวกพี่ ๆ ทั้งนั้นแหละ แม่ของฉันเอาเสื้อมากลับด้านแล้วก็เอามาตัดซ้ำอีกครั้ง ทำเป็นเสื้อตัวใหม่ แต่ก็สวยมากเลยนะ”
“ใช่ ๆๆ แม่ฉันก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ตอนข้ามปีก็เอาเสื้อผ้าของพวกเรามากลับด้านแล้วเย็บซ้ำอีกรอบ จุดที่ขาดก็เอาผ้ามาปะ แถมยังเย็บกระเป๋าให้ด้วยนะ ฉันเองก็คิดว่าสวยมากเหมือนกัน! ฮ่า ๆ!” เฮ่อซงจือหัวเราะ
“ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องเป็นแบบนั้นแล้ว หลังจากนี้ก็จะดีกว่านี้อีก นี่แค่ไม่กี่ปีเองนะ” เย่ฉูฉู่เลาะเสื้อผ้าฝ้ายไปพลางพูดคุยไปพลาง
เฮ่อซงจือกล่าว “ก็นั่นน่ะสิ ปีนี้ได้กินแป้งขาวแล้ว แถมยังมีข้าวสวยให้กินอีก! ต้องขอบคุณเหวินเทาของพวกเธอนั่นแหละ! จริงสิ ฉูฉู่ พวกเธอหุงข้าวสวยแล้ว อร่อยไหม?”
“อร่อยสิ!”
เฮ่อซงจือทำสีหน้าตั้งตารอคอย “คืนนี้ฉันจะกลับไปทำ เหวินจื้อบอกว่าเก็บข้าวสารไว้ห้าสิบชั่งแล้ว เธอว่าจะพอให้พวกเรากินได้กี่มื้อ”
เย่ฉูฉู่แอบเหงื่อตก “คงกินได้สักระยะหนึ่งแหละ”
เธอจะพูดอะไรได้ เฮ่อซงจือยังไม่แยกบ้าน ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกัน สมาชิกเยอะ ข้าวแค่ห้าสิบชั่ง ถ้ากินแบบไม่ประหยัดก็คงกินได้แค่ไม่กี่มื้อ แต่เธอจะพูดแบบนี้ออกไปได้เหรอ
เฮ่อซงจือกล่าว “ก็จริง จะกินข้าวสารอย่างเดียวก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องใส่ข้าวฟ่างลงไปสักหน่อย”
ข้าวสารผสมกับข้าวฟ่างก็เทียบได้กับแป้งขาวผสมแป้งบักวีทนั่นแหละ
ระหว่างที่พูดคุยกันเย่ฉูฉู่ก็เลาะแจ็คเก็ตบุนวมเสร็จพอดี เธอนำไปแช่น้ำไว้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็ขยี้คราบสกปรกออก ส่วนฝ้ายนำออกไปแขวนตากแดดไว้บนเชือก
ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ตอนที่เฮ่อซงจือกำลังจะกลับบ้าน จ้าวเหวินเทาก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมา
“นายนอนทีหนึ่งนี่แทบจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้วนะ” เฮ่อซงจือกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาขยี้ตา “ง่วงจะตายอยู่แล้ว นี่สิบกว่าวันมานี้ไม่ค่อยได้นอนเลย”
เสี่ยวไป๋หยางก็ตื่นแล้วเช่นกัน ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมองมาที่เฮ่อซงจือ เย่ฉูฉู่เดินเข้ามาอุ้มเขาและรีบพาไปปัสสาวะ
ก่อนและหลังตื่นนอนเธอจะให้เสี่ยวไป๋หยางไปฉี่หนึ่งครั้ง
“เสี่ยวไป๋หยางนี่ฉลาดจริง ๆ ตัวแค่นี้ไม่ฉี่รดกางเกงแล้ว ของบ้านฉันนี่ยังกินยังฉี่บนเตียงอยู่เลย!” เฮ่อซงจือนั่งบนขอบเตียงพลางพูดคุยกับจ้าวเหวินเทา
“ของบ้านฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ!” จ้าวเหวินเทาพูดถ่อมตนก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เหวินจื้อล่ะ บอกให้เขามาคิดบัญชีสิ”
“พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้นายเองก็เหนื่อยแล้ว ที่ฉันมาเพราะได้ยินมานายกลับมาแล้ว ก็เลยแวะมาถามดู” เฮ่อซงจือตอบ
“เอางั้นก็ได้ ฉันพักสองวัน สองวันนี้เหวินจื้อว่างเมื่อไรก็มาได้เลย”
“เป็นยังไงบ้าง ระว่างทางราบรื่นดีใช่ไหม?” เฮ่อซงจือถาม
“ก็ถือว่าราบรื่นแหละ เกิดเรื่องนิดหน่อย” จ้าวเหวินเทาจึงเล่าเรื่องที่เจอคนดักปล้นระหว่างทางให้ฟัง
เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยางกลับมาจากถ่ายเบาเสร็จพอดี ตอนที่ได้ยินว่าสามีเจอคนดักปล้นก็ตกใจแทบแย่ “พวกคุณถูกปล้นเหรอ!”
จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม “ใช่ เจอพวกโง่แค่ไม่กี่คน!” ก่อนจะเล่าเรื่องแบบคร่าว ๆ ให้ฟังอีกรอบ
สีหน้าของเย่ฉูฉู่ดูสับสน “ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่เล่าล่ะ?”
“ผมกลัวว่าแม่รู้แล้วจะเป็นห่วงน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก คุณดูสิผมก็สบายดีไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเหวินเทายิ้ม “มีคนตั้งเยอะแยะ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”
“ด้านนอกมีอุปสรรคขนาดนี้เลยเหรอ?” เฮ่อซงจือกล่าว “ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครกล้าออกเดินทางไกล”
………………………………………………………………………………… สารจากผู้แปล
ถ้าแม่รู้ว่าโดนดักปล้นจะว่าไงเนี่ย เม้งแตกแน่ๆ เลย
ไหหม่า(海馬)