เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 360 ไปค้าขายทางใต้แล้ว

ตอนที่ 360 ไปค้าขายทางใต้แล้ว

ตอนที่ 360 ไปค้าขายทางใต้แล้ว

ตอนที่ 360 ไปค้าขายทางใต้แล้ว

จ้าวเหวินเทาหันมองพี่สี่จ้าวและพูดกับแม่ว่า “แม่ พี่สะใภ้สี่เองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ คำพูดที่แม่พูดไปพี่เค้าก็ต้องเข้าใจอยู่แล้ว แม่อย่าโกรธเลย เรื่องนี้ก็สรุปตามนี้แหละ เอ่อ แม่จะกลับฟาร์มกระต่ายเลยหรือว่า…”

“กลับฟาร์มกระต่ายสิ จะอยู่ที่นี่ทำซากอะไรล่ะ! แม่กลัวจะโกรธจนอกแตกตายซะก่อน!” คุณแม่จ้าวลุกขึ้นยืนและเดินออกไป

 

“พี่สี่ งั้นพวกเราไปก่อนนะ พี่กับพี่สะใภ้สี่อย่าลงไม้ลงมือใส่กันอีกนะ มีอะไรก็คุยกันดี ๆ” จ้าวเหวินเทาพูดพลางเดินออกไป ตอนที่อยู่ด้านนอกก็ตะโกนไปยังห้องตะวันออกว่า “พี่สะใภ้สี่ พวกเรากลับแล้วนะ!”

พี่สะใภ้สี่เอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้ขานตอบ

จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า เดินออกมาพร้อมกับคุณแม่จ้าวพลางพูดว่า “แม่ คงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

คุณแม่จ้าวถอนหายใจ “ใครจะไปรู้ล่ะ!”

“แล้วจะทำยังไง?” จ้าวเหวินเทาถาม “หรือจะเรียกให้พี่สะใภ้สามมาช่วยดูให้?”

คุณแม่จ้าวเองก็หมดคำพูด คิด ๆ ดูแล้วนางเองก็จนปัญญา จึงได้แต่ตอบไปว่า “ก็ได้ ไปเรียกพี่สะใภ้สามให้มาช่วยดูสักหน่อยก็แล้วกัน”

พวกเขากลับไปแล้ว พี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวต่างก็แยกกันอยู่ คนหนึ่งอยู่ห้องตะวันตกอีกคนอยู่ห้องตะวันออก คนหนึ่งร้องไห้อีกคนเงียบขรึม จนกระทั่งพี่สะใภ้สามจ้าวอุ้มอู่หยาเข้ามา

“คุณแม่พาซานหยากับซื่อหยาไปอยู่ที่ฟาร์มกระต่ายสองสามวัน ส่วนอู่หยาเป็นเพราะต้องกินนมเลยไม่ได้พาไปด้วย สะใภ้สี่ เธอให้นมลูกเถอะ” พี่สะใภ้สามจ้าวยื่นอู่หยาให้พี่สะใภ้สี่จ้าว

พี่สะใภ้สี่จ้าวอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว หล่อนจึงเริ่มให้นมลูก “รบกวนพี่สะใภ้สามแล้ว”

  

“ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว เธอก็อย่าร้องไห้เลย ร้องไห้จนตาบวมคงไม่ดีแน่ อีกอย่างลูกก็ยังต้องกินนม ถ้าเธอไม่คิดเพื่อตัวเองก็คิดเพื่อลูกแล้วกันนะ” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดพลางก็นึกบางอย่างขึ้นได้ รีบพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ต่อให้เธอไม่ได้คิดเพื่ออู่หยา ก็ต้องคิดถึงลูกชายในอนาคตนะ ร้องไห้จนร่างกายเจ็บป่วยขึ้นมา คลอดลูกชายไม่ได้จะทำยังไง?”

พูดตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ สุดท้ายแล้วคำพูดนี้ก็มีประโยชน์ พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินเช่นนี้ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งทันที

“พี่สะใภ้สามพูดถูก ฉันต้องมีลูกชายให้ได้!” พี่สะใภ้สี่พูดด้วยท่าทางมุ่งมั่น

 

คนคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว! พี่สะใภ้สามจ้าวแอบส่ายหน้าเงียบ ๆ ในเมื่อสะใภ้สี่ดีขึ้นมากแล้ว รีบไปดูพี่สี่จ้าวสักหน่อยก็แล้วกัน

 

พี่สี่จ้าวกำลังถือกะละมังเพื่อไปซักเสื้อผ้า

“น้องสี่ ทำไมถึงซักเสื้อผ้าล่ะ?” พี่สะใภ้สามจ้าวรู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยาก

พี่สี่จ้าวตอบ “เสื้อผ้าสกปรก ว่าจะซักสักหน่อย พี่สะใภ้สาม ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ก็กลับไปเถอะ ส่วนเรื่องเต้าหู้ สองวันนี้ผมคงยังไม่ทำก่อน เหนื่อยน่ะ ขอพักสักหน่อย พี่ช่วยไปบอกพี่สามให้ผมด้วยนะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวชะงัก “เหนื่อยแล้วเหรอ? งั้นก็ควรพักผ่อนแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปบอกพี่สามของเธอให้ เธอพักผ่อนเสร็จตอนไหนก็ค่อยทำแล้วกันนะ”

พี่สี่จ้าวตอบ ‘อืม’ หนึ่งเสียง ก่อนจะลงมือซักเสื้อผ้าด้วยท่าทางจริงจัง

พี่สะใภ้สามจ้าวแอบเป็นกังวล “น้องสี่ ชีวิตคู่ไม่มีใครไม่ทะเลาะกันหรอก ทะเลาะกันเสร็จแล้วก็ปล่อยวางนะ อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย”

“เข้าใจแล้ว” พี่สี่จ้าวตอบ “พี่สะใภ้สามกลับไปเถอะ ที่บ้านพี่ก็มีงานเยอะมากเหมือนกัน”

 

พี่สะใภ้สามจ้าวกำชับอีกสองสามประโยคก็กลับไป ช่วงค่ำเป็นเพราะไม่สบายใจจึงแวะมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าพี่สี่จ้าวกำลังทำกับข้าว ส่วนพี่สะใภ้สี่จ้าวกำลังอุ้มอู่หยาและเล่นกับลูกอยู่ แม้ว่าบรรยากาศจะแปลก ๆ ไปสักหน่อย แต่ดู ๆ ไปแล้วก็ถือว่าปกติดี หลังจากเข้ามาพูดคุยไม่กี่คำก็กลับไป

พี่สะใภ้รองจ้าวก็แวะเวียนมาดูเช่นกัน จากนั้นพี่รองจ้าวและพี่สามจ้าวก็แวะมาคุยกับพี่สี่จ้าวอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากกินข้าวเสร็จ พี่สี่จ้าวก็ล้างจานทำความสะอาดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปูฟูกและเข้านอน

 

“เพิ่งกินข้าวเสร็จก็นอนแบบนี้ คุณไม่กลัวเป็นกรดไหลย้อนเหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพยายามชวนคุย

“ไม่เป็นไร” พี่สี่จ้าวเอนตัวนอน

พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่มั่นใจว่าพี่สี่จ้าวหมายความว่าอย่างไร และหล่อนก็ไม่กล้าพูดถึงเรื่องอื่นด้วย จึงเอนตัวนอนตาม

สองวันหลังจากนั้น พี่สี่จ้าวลงมือก็ทำความสะอาดรอบบ้านไปรอบหนึ่ง รวมถึงทำอาหารและซักเสื้อผ้า พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอะไรเขาก็ขานตอบ ราวกับกลับเข้าสู่สภาวะปกติก่อนหน้านี้อีกครั้ง

 

ในที่สุดพี่สะใภ้สี่จ้าวก็เอ่ยถามถึงเงินซื้อขายข้าวสารเพราะทนไม่ไหว

 

“ฝากธนาคารแล้ว” พี่สี่จ้าวตอบ

“แล้วได้มาเท่าไรล่ะ ฉันเองก็ต้องรู้ด้วยสิ” น้ำเสียงของพี่สะใภ้สี่จ้าวเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

 

แม่ของคุณให้คุณเก็บเงินไว้คุณก็เก็บ ทำไมคุณถึงเชื่อฟังคำพูดของแม่คุณขนาดนี้ล่ะ? อย่ามองว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้คัดค้านคำพูดของคุณแม่จ้าว แต่การที่พี่สี่จ้าวทำแบบนี้จริง ๆ ก็ทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี

 

“หักลบเงินทุนก็ได้มาร้อยกว่าหยวน” พี่สี่จ้าวตอบ

  

“ร้อยกว่าหยวน ก็ใช้ได้เลยนะ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวดวงตาเป็นประกาย “แต่คุณก็ไม่ควรเอาไปฝากทั้งหมดไม่ใช่เหรอ? ถึงยังไงก็ต้องให้ฉันสักนิดสิ ในบ้านยังต้องใช้เงินนะ พวกค่าน้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชูอะไรพวกนี้ มีอะไรบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน!”

“คุณเก็บเงินที่ขายกระต่ายไว้ก็แล้วกัน” พี่สี่จ้าวตอบ

 

“ขายกระต่าย? เมื่อไรถึงจะขายได้?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่คุณไม่อยากให้ฉันใช้ชีวิตแล้วจริง ๆ สินะ? คุณอยากหย่ากับฉันจริง ๆ สินะ? เป็นเพราะคุณมีคนอื่นใช่ไหม?”

  

พี่สี่จ้าวพูดแทรก “ผมบอกกับเจ้าหกไปแล้วว่าขายให้เขา ถึงเวลานั้นคุณก็เก็บเงินส่วนนั้นไว้ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”

 

พี่สี่จ้าวพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อและรองเท้าใหม่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินออกไปข้างนอก

“คุณจะไปไหน?” พี่สะใภ้สี่จ้าวถาม

“เข้าไปในตำบล” พี่สี่จ้าวตอบ “อย่าลืมให้อาหารสัตว์ด้วย”

“คุณจะไปทำอะไรที่ตำบล?” พี่สะใภ้สี่จ้าวตะโกนถาม

“ไปดู” พี่สี่จ้าวพูดจบก็เดินออกไป

จนกระทั่งเดินออกไปไกลแล้ว พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงก่นด่าอีกสองสามประโยค คิดว่ารอให้พี่สี่จ้าวหายโกรธก่อนแล้วค่อยคิดบัญชีอีกครั้ง ต่อให้แม่ของหล่อนทำไม่ถูก แต่ก็ถือเป็นผู้อาวุโส มีลูกเขยคนไหนบ้างที่ทำกับแม่ยายแบบนี้!

 

ทว่าจนกระทั่งช่วงค่ำ หัวหน้าหมู่บ้านก็มาที่บ้านพร้อมกับข่าวที่ทำให้หล่อนถึงกับตกตะลึง พี่สี่จ้าวไปค้าขายทางใต้แล้ว และจะไม่ได้กลับมาที่นี่สักระยะหนึ่ง!

พี่สะใภ้สี่จ้าวเกือบเป็นลม หล่อนรีบไปที่บ้านพี่รองจ้าว โอดครวญร้องไห้ฟูมฟายพลางพูดว่า “ทำไมเขาถึงได้ขาดคุณธรรมขนาดนี้ คิดจะไปก็ไป แถมยังทิ้งพวกเราไว้ที่บ้านอีก เขาไปมีชีวิตสุขสบาย แล้วฉันจะอยู่ยังไง!”

พี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวก็ตกตะลึงเช่นกัน พี่สี่จ้าวไปค้าขายทางใต้แล้ว? เขามีความกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “เขาพูดจบก็ขึ้นรถไปเลย ฉันเองก็รั้งเขาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน!”

พี่รองจ้าวรู้ดีว่าเรื่องนี้โทษหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ พี่สี่จ้าวก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว อีกอย่างหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่ใช่พ่อของเขา จะให้รั้งไว้ทำไมกันล่ะ!

  

“หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราไม่โทษคุณหรอก” พี่รองจ้าวรีบพูด “คุณรู้หรือเปล่าว่าเขานั่งรถอะไรไป?”

“รถขนส่งของ! ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าไปที่ไหน ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับอีกฝ่ายไว้แล้ว พอขึ้นรถก็ขับออกไปเลย”

“รถบรรทุกเหรอ?”

“ไม่ใช่รถบรรทุก เล็กกว่ารถบรรทุก”

พี่สะใภ้รองจ้าวปลอบใจพี่สะใภ้สี่จ้าว “เธอก็ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ร้องไปก็เปล่าประโยชน์ บางทีเขาอาจจะพูดไปแบบนั้นเพื่อขู่เธอก็ได้ วันพรุ่งนี้ก็คงกลับมาแล้ว”

พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว “พี่สะใภ้รอง เขาไม่บอกอะไรฉันสักอย่างเลย บอกแค่ว่าจะไปตำบล ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้! นี่เขาคงไม่คิดจะใช้ชีวิตกับฉันแล้วสินะ! ฉันก็ว่าอยู่แล้วเชียว เห็นเขาซักเสื้อผ้าแถมยังเก็บกวาดบ้านด้วย ที่แท้ก็เป็นเพราะจะไปจากที่นี่แล้ว แถมยังบอกให้ฉันให้อาหารสัตว์ด้วย ให้อาหารกับผีสิ! สวรรค์เถอะ ชีวิตของฉัน ทำไมถึงได้ลำบากขนาดนี้!”

พี่สะใภ้รองจ้าวได้ยินจนเบื่อแล้ว แต่ก็แอบบ่นน้องสี่เงียบ ๆ เช่นกัน โตขนาดนี้แล้วทำไมถึงได้ทำตัวไร้ความน่าเชื่อถือขนาดนี้!

 

“แล้วจะทำยังไง จะไปหาน้องสี่เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวถามพี่รองจ้าว

“จะให้ไปหาที่ไหน!” พี่รองจ้าวโกรธมาก “เขาบอกว่าจะไปทางใต้ ทางใต้กว้างขวางขนาดนั้น จะหายังไง!”

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อะไรดลใจพี่สี่ให้ไปถึงทางใต้คะเนี่ย หรือว่าคิดจะทิ้งครอบครัวจริง ๆ แล้ว?

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Status: Ongoing

ผู้แต่ง : 南方荔枝 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) & ซินซิน (新欣) เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี จากภรรยาผู้ดุร้ายกลายเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน​ เย่ฉู่ฉู่จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้มีแต่ความสุขอย่างไรดี? -Highlight : เรื่องนี้นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาในยุค​ 70​ เพียงคนเดียว​ แต่สามีในชาติก่อนที่ตายไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสามีในชาติปัจจุบัน​ด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท