ตอนที่ 358 ฉันไม่หย่า
ตอนที่ 358 ฉันไม่หย่า
จ้าวเหวินเทาและคุณแม่จ้าวเพิ่งได้ยินเรื่องที่พี่สี่จ้าวจะจุดไฟเผาบ้านตัวเองตอนที่เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน เดิมทีคุณแม่จ้าวคิดว่าจ้าวเหวินเทาอาจตื่นตูมไปเอง ถึงอย่างไรตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ พี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าว รวมถึงครอบครัวของสะใภ้สี่ก็มีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นที่เห็นจนชินไปตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งยังจุดไฟเผาด้วย เรื่องนี้ทำให้นางโกรธเจียนตายจริง ๆ
“เจ้าสี่จ้าว แม่นายมาแล้ว!” คนหนึ่งเห็นคุณแม่จ้าวเดินเข้ามา จึงรีบบอกกับพี่สี่จ้าว
พี่สี่จ้าวรู้อยู่แล้วว่าแม่ของเขาต้องมาที่นี่ จึงออกมารับ “แม่!”
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่ใช่แม่ของแก!” คุณแม่จ้าวด่าเขา “แกยังมีหน้ามาจุดไฟเผาบ้านอีก แกนี่มีความสามารถจริง ๆ เลยนะ!”
จ้าวเหวินเทาก็ถึงกับหมดคำพูดเช่นเดียวกัน พี่สี่คนนี้ ปกติทำตัวเหี่ยวเฉาจะตายไป ทำไมถึงจุดไฟเผาบ้านเสียได้?
พี่รองจ้าว พี่สะใภ้รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวก็มาที่นี่เช่นกัน
“เจ้าสี่ นายคิดจะทำอะไรของนาย!”
“มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จาก็ได้นี่!”
“ทำไมถึงจุดไฟเผาล่ะ ไฟนั่นคิดจะจุดก็จุดตามใจชอบได้เหรอ?”
พวกพี่น้องก็โกรธเคืองเช่นกัน ถูกต้อง ถ้าพี่สี่จ้าวจุดไฟเผาตัวเอง ก็คงทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านลำบากไปด้วย เช่นนั้นพี่น้องอย่างพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดน่ะสิ!
พี่สามจ้าวใช้ฝ่ามือทุบพี่สี่จ้าวอยู่หลายครั้งด้วยความโกรธ “นายนี่มันความสามารถจริง ๆ เลยนะ!”
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวรู้สึกไม่ดีที่จะพูดอะไร จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“พอแล้ว พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย” คุณแม่จ้าวพูดแทรกพวกลูกชาย ก่อนจะหันไปขอบคุณเพื่อนบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอกป้า พวกเราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน นี่ถ้าจุดไฟเผาขึ้นมาคงได้ทุกข์ทรมานกันถ้วนหน้า!”
“นั่นสิ พวกเราก็ทำเพื่อตัวเองด้วยเหมือนกัน”
“ป้าใหญ่ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีแก้ที่ดีเลยนะ”
“ก็นั่นน่ะสิ เมื่อคืนก็ทะเลาะกันเกือบทั้งคืนแล้ว เช้ามาก็ยังเป็นแบบนี้อีก ป้าต้องคุยกับพวกเขาสองคนให้เข้าใจนะ”
“พวกผู้ใหญ่ยังดีหน่อย แต่เด็ก ๆ พวกนี้คงตกใจแย่แล้ว!”
เพื่อนบ้านพูดคุยไม่กี่ประโยคก็แยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงคนของตระกูลจ้าว คุณแม่จ้าวเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวยังคงร้องไห้ ลูก ๆ ก็กำลังร้องไห้ จึงเรียกให้พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวอุ้มพวกเด็กๆ กลับไป ก่อนจะเข้ามาคุยกับพี่สะใภ้สี่จ้าว
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เหวินเทาบอกฉันหมดแล้ว แม่ของเธอเป็นคนแบบไหนเธอเองก็น่าจะรู้ดีที่สุด วันนี้เจ้าสี่สร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ทั้งหมดก็เป็นเพราะเธอที่บีบบังคับให้เขาทำแบบนี้ ถ้าเธอยังอยากอยู่กับเจ้าสี่ต่อไป เธอก็อย่าขนทุกอย่างไปให้บ้านแม่ของเธอเหมือนเมื่อก่อนอีก”
คุณแม่จ้าวขี้เกียจจะด่าแล้ว ลูกสะใภ้คนนี้เป็นคนโง่เขลา นางด่ามาตั้งหลายปีแต่ก็ยังอยู่สภาพเดิม เช่นนั้นนางจะเปลืองน้ำลายไปเพื่ออะไรกัน
พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดทั้งน้ำตา “แม่ แม่ไม่เห็นเจ้าสี่เมื่อคืนนี้ เขาเกือบจะสับแม่ของฉันอยู่แล้ว”
ดูพูดเข้าสิ ถึงตอนนี้ก็ยังเข้าข้างแม่ของตัวเองอีก!
“พูดแบบนี้ เธอคงไม่อยากอยู่กับเจ้าสี่แล้วสินะ?” คุณแม่จ้าวพูดเสียงเรียบ
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ไม่อยากอยู่กับเจ้าสี่!” พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบพูดว่า “แต่นั่นเป็นแม่ของฉัน ฉันจะทำอะไรได้ล่ะคะ!”
“ไม่เห็นจะยากเลย แม่เธอมา เธอก็เอาเหล้าเอาอาหารดี ๆ ออกมาต้อนรับแม่เธอสิ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้เอากลับไป เงินก็ยืมไม่ได้ด้วย แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่สะใภ้สี่จ้าวสะอึกสะอื้น “แล้วแม่ของฉันจะทำยังไงคะ?”
“ไม่ต้องให้ ถ้าหล่อนยังอยากได้ เธอก็ส่งแม่เธอกลับไป แต่ถ้ายังสร้างความวุ่นวาย ตระกูลจ้าวของพวกเราก็จะสร้างความวุ่นวายเป็นเพื่อนแม่เธอเอง ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็แจ้งตำรวจ บอกให้ตำรวจมาแก้ปัญหาให้ แค่นี้ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” คุณแม่จ้าวพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ “อีกเดี๋ยวฉันจะไปบอกเพื่อนบ้านข้าง ๆ ถ้าแม่เธอมาสร้างปัญหา ก็ให้พวกเขาโทรแจ้งความให้ไปแก้ปัญหาที่สถานีตำรวจได้เลย”
พี่สะใภ้สี่จ้าวเนื้อตัวสั่นเทาพร้อมกับขดตัวเล็กน้อย
“เธอพูดมา ถ้ายังอยากอยู่ด้วยกันก็ทำตามนี้ แต่ถ้าไม่อยากอยู่ก็หย่าซะ ต่อให้แม่สามีอย่างฉันมาบอกให้ลูกชายหย่าจะไม่ใช่เรื่องเหมาะสม แต่เธอเองก็เห็นแล้ว เจ้าสี่ถึงขั้นจุดไฟเผาบ้านแล้ว ถ้าครั้งหน้ายังจุดไฟเผาอีก ถ้าไฟไหม้ขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง? นั่นเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ! พวกเธอคงได้ถูกจับกันหมด ถ้าเผาไปถึงข้าวของของบ้านคนอื่น ต่อให้จับพวกเธอไปขายก็ไม่พอที่จะชดใช้ให้พวกเขาหรอก เมื่อเทียบกับการที่ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันว่าหย่ากันยังจะดีเสียกว่า ตระกูลจ้าวของพวกเรายากจน คงทนกับความทุกข์ทรมานที่แม่ของเธอทำไว้ไม่ไหวหรอก เธอไปหาคนรวย ๆ ไว้เลี้ยงครอบครัวแม่ของเธอ เลี้ยงน้องชายของเธอ แบบนั้นก็คงจะดี!”
“ฉันไม่หย่า!” พี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้ “ฉันทิ้งลูกไม่ได้!”
“ทิ้งลูกไม่ได้!” คุณแม่จ้าวยิ้มเยาะ “ในสายตาของเธอยังมีลูก ๆ อีกเหรอ? จิตใจของเธอมีแต่ความอยากได้ลูกชาย คนที่ไม่รู้คงคิดว่าตระกูลจ้าวของเราบังคับให้เธอมีลูกชาย! เธอดูซานหยาซื่อหยาสิ เธอดูว่าเธอเลี้ยงดูลูกตัวเองยังไง? เธอจงเกลียดจงชังลูกสาวขนาดนี้ ทำไมเธอไม่บีบคอตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะล่ะ! คนแบบเธอยังจะอยากได้ลูกชายอะไรอีก เธออยากช่วยต่อชีวิตให้น้องชายนักก็อย่ามาทำร้ายคนอื่น!”
คุณแม่จ้าวยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห
“เธอจงเกลียดจงชังลูกสาวนัก งั้นเธอก็บีบคอซานหยาซื่อหยาอู่หยาให้ตาย ๆ ไปซะตั้งแต่ตอนนี้เลย หลังจากนี้ถ้าเธอคลอดลูกสาวอีกก็บีบคอฆ่าทิ้งไปซะ!” คุณแม่จ้าวกล่าว “เธอทำแบบนี้ ก็ลองคิดทบทวนถึงมโนธรรมดูว่าเธอขาดคุณธรรมหรือเปล่า! ทำร้ายตัวเองไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าดึงคนของตระกูลจ้าวไปด้วย!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้อีกครั้งแล้ว
“ร้องมันเข้าไป ร้องไห้อยู่นั่นแหละ นอกจากร้องไห้เธอทำอะไรเป็นบ้าง!” คุณแม่จ้าวถาม “เธอตอบมา ว่ายังอยากจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า!”
“อยู่ค่ะ ชีวิตดี ๆ ทำไมฉันจะไม่อยากอยู่!” พี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้ “แม่ ฉันไม่หย่านะ หลังจากนี้ฉันจะไม่เรียกแม่ของฉันมาอีกแล้ว เมื่อคืนฉันเองก็ถือมีดขู่ไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้เรียกให้แม่เข้ามาในบ้านด้วย!”
คุณแม่จ้าวกลับไม่แยแส เรื่องแบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นล่ะ สะใภ้สี่ก็คงนำของที่ควรให้บ้านตัวเองไปให้อีกตามเคย ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิด
และเป็นเพราะเหตุผลนี้ ครั้งนี้พี่สี่จ้าวถึงได้ระเบิดอารมณ์รุนแรงขนาดนี้ เพราะเขาเองก็มองออกว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ และไม่มีหวังแล้ว!
เป็นเพราะก่อนหน้านี้คุณแม่จ้าวก็เคยเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไร สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ การโต้ตอบของพี่สี่จ้าวครั้งนี้ถึงขั้นจุดไฟเผาบ้านตัวเอง
“พวกเธอสองคนทะเลาะกันแบบนี้มาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ? คำพูดของเธอก็ไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวแล้วมั้ง? ใครยังจะเชื่ออีก?” คุณแม่จ้าวกล่าว “ฉันว่าเอาแบบนี้ดีกว่า เงินในบ้านก็ให้เจ้าสี่เก็บไว้ทั้งหมด ส่วนของในบ้าน ถ้าแม่ของเธอจะเอาไปอีก ฉันจะให้เจ้าสี่ไปแจ้งตำรวจ!”
พี่สามจ้าวได้ยินแม่เอาแต่พูดว่าจะแจ้งตำรวจ เขาจึงเดินมาถามจ้าวเหวินเทาที่อยู่ในห้องตะวันตกว่า “เจ้าหก ถ้าแจ้งตำรวจจริง ๆ ตำรวจจะจัดการกับเรื่องนี้เหรอ?”
“จัดการสิ” จ้าวเหวินเทาพูดไร้สาระแบบไม่ลืมหูลืมตา
พี่สามจ้าวถอนหายใจลากยาว “แบบนั้นก็ดี ถ้าจัดการให้ก็ดี ไม่งั้นถ้าทะเลาะกันแบบนี้ทุกสองสามวัน จะจัดการยังไง!”
“พี่สาม พวกพี่กลับไปทำงานเถอะ ต้องไปทำเต้าหู้ไม่ใช่เหรอ รีบไปทำเถอะ ผมอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ก็ได้ งั้นพวกเราไปนะ ส่วนพวกเด็ก ๆ ก็พาไปอยู่กับพวกเราก่อน” พี่สามจ้าวหันไปบอกพี่รองจ้าว และเรียกพี่สี่จ้าวด้วย
หลังจากพวกเขากลับไปแล้ว พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวก็พาเด็ก ๆ กลับไป
“ตำรวจจะจัดการให้จริง ๆ เหรอ?” พี่สี่จ้าวรอพวกเขากลับไปแล้ว จึงหันมาถามจ้าวเหวินเทา
จ้าวเหวินเทาหันมองพี่สี่จ้าวที่ไม่ได้มีท่าทางเป็นบ้าอยากจะจุดไฟเผาบ้านแล้ว จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พี่คิดว่าตำรวจจะจัดการให้ทุกเรื่องเหรอ!”
“ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคงไม่มาสนใจหรอก” พี่สี่จ้าวกล่าว
ข้อพิพาทภายในครอบครัวเช่นนี้ หากให้ตำรวจมาก็คงเน้นการเกลี้ยกล่อมเป็นหลัก ไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่เป็นเพราะคนในชนบทอยากจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเองมากกว่า จึงไม่รู้เรื่องนี้
“พี่สี่ พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมจู่ ๆ ถึงถึงได้โมโหหนักขนาดนี้?” จ้าวเหวินเทารู้สึกสงสัยอย่างมาก
อย่ามองว่าเขาพูดว่าพี่สี่จ้าวทำไปเพราะถูกบีบบังคับ เพราะใจจริงเขาอยากฟังจากปากของพี่สี่จ้าวมากกว่า
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะเอายังไงก็เลือกนะสะใภ้สี่ ไม่หย่าก็อย่าเอาของไปให้แม่อีก ถ้าเอาของไปให้แม่อีกก็หย่ากับพี่สี่เถอะ เขาทรมานอยู่กับเธอมาหลายปีแล้ว อย่าเห็นว่าเขาไม่มีปากเสียงแล้วเขาจะไม่คิดอะไรนะ อาจไม่คิดแต่เน้นทำเลยก็ได้เหมือนอย่างครั้งนี้
ไหหม่า(海馬)