เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 364 ไปที่เมืองหลวงจริง ๆ ด้วย

ตอนที่ 364 ไปที่เมืองหลวงจริง ๆ ด้วย

ตอนที่ 364 ไปที่เมืองหลวงจริง ๆ ด้วย

ตอนที่ 364 ไปที่เมืองหลวงจริง ๆ ด้วย

“งั้นก็หมายความว่าพี่สี่ไปที่เมืองหลวงแล้วน่ะสิคะ?” เย่ฉูฉู่ยื่นผ้าขนหนูให้สามีพลางกล่าว

 

“ถ้าเขาคิดจะไปทางใต้ก็ต้องไปที่เมืองหลวง เขาคงไม่ไปที่อื่นหรอก พี่เฉินบอกว่าพี่สี่อาจไปหางานทำในเมืองก็ได้ใครจะไปรู้ เขารับปากกับผมแล้วว่าถ้าไปถึงสถานที่ส่งของเขาจะดูให้ว่าเจอพี่สี่หรือเปล่า งานที่พี่สี่หาก็คงเป็นงานพวกนี้แหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“วันนี้พี่สะใภ้สี่มาที่บ้านแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันบอกกับพี่สะใภ้สี่ว่าพี่สี่คงติดต่อมาหาพวกเรา เลยบอกให้พี่สะใภ้สี่รอไปก่อน”

“ตอนนี้คงทำได้แค่รอ”

จ้าวเหวินเทาออกไปข้างนอกมาทั้งวันจึงรู้สึกเพลียมาก ที่สำคัญคือเหนื่อยใจ สิ่งที่ควรหาก็ไปหามาแล้ว คนที่ควรถามก็ไปถามมาแล้ว สถานที่ที่ควรไปก็ไปมาแล้ว ไม่เจอพี่สี่ก็คงทำได้แค่รอแล้ว

“พี่สะใภ้สี่บอกว่าตอนนี้พี่สะใภ้รองไปอยู่เป็นเพื่อน แต่ถ้าพี่สี่ยังไม่กลับมา หลังจากนี้จะทำยังไงคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาตอบ “งั้นก็ให้ต้าหยาไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้สี่สิ จะทำอะไรได้ล่ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าพี่สี่จะกลับมาตอนไหน”

“แล้วคุณแม่ล่ะ?” เย่ฉูฉู่เป็นห่วงแม่สามี

“พี่สามน่าจะไปบอกแล้ว พรุ่งนี้ผมค่อยแวะไปหา กินข้าวเถอะ” จ้าวเหวินเทาเหนื่อยมากจริง ๆ เขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว

“ก็ได้ กินข้าวเสร็จคุณก็รีบนอนเถอะ” เย่ฉูฉู่จึงไปเตรียมอาหาร

  

คุณแม่จ้าวและคุณพ่อจ้าวรู้เรื่องที่พี่สี่หนีไปแล้ว โดยที่พี่สามจ้าวเป็นคนไปบอก สองสามีภรรยาถึงกับตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สี่จ้าวจะหนีออกจากบ้าน!

ซานหยาและซื่อหยาหลับไปแล้ว แต่พวกเขากลับยังไม่นอน

“เจ้าสี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” คุณแม่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“จะเป็นหรือไม่เป็นอะไรแล้วจะทำอะไรได้?” คุณพ่อจ้าวกล่าว “ตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็นคนที่น่าเป็นห่วงน้อยที่สุด มันดันหนีออกจากบ้านไปแล้ว โตขนาดนั้นแล้ว ยิ่งอยู่ยิ่งทำตัวเหลวไหลจริง ๆ!”

“จะโทษเจ้าสี่ได้เหรอ? เป็นเพราะเมียของมันต่างหากล่ะที่เป็นคนทำ!” คุณแม่จ้าวเข้าข้างลูกชาย “ถ้ายัยนั่นทำตัวดี ๆ เจ้าสี่ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก คุณยังไม่เห็น วันนั้นที่ทะเลาะกันถึงขั้นจุดไฟเผาบ้านเลยนะ เฮ้อ ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันไม่น่ารับผู้หญิงคนนี้เข้ามาเป็นลูกสะใภ้เลย!”

“คุณจะพูดเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้ไปทำไม ยังจะพูดว่าไม่น่ารับผู้หญิงคนนี้เข้ามาเป็นลูกสะใภ้อีก ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!” คุณพ่อจ้าวพูด “คุณก็อย่าเอาแต่คิดเองเออเอง มันก็โตขนาดนั้นแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก”

คุณแม่จ้าวก็พูดกับตัวเองเช่นนี้ พูดถึงแล้วจะให้วางใจจริง ๆ ได้อย่างไร นางจึงเอาแต่ถอนหายใจพร้อมกับคร่ำครวญ

เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงจ้าวก็ได้ยินเรื่องนี้จากคุณพ่อจ้าว จึงพูดว่า “จะเป็นห่วงไปทำไม นั่นไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย! เป็นผู้ชายแถมยังโตแล้วด้วย ออกไปเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกดีกว่าอยู่แต่ในบ้านอีก ต่อให้ไม่ได้ชื่อเสียงอะไรกลับมา แต่ได้เปิดหูเปิดตาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็ยังดี!”

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวได้ยินเช่นนี้ก็แอบยิ้มด้วยความขมขื่น ออกไปเดินเตร็ดเตร่อะไรกันล่ะ เจ้าสี่อยู่ในสภาพแบบนั้นจะออกไปเตร็ดเตร่อะไรได้ ถ้าเป็นจ้าวเหวินเทาก็ว่าไปอย่าง

หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงแวะมาที่นี่ สองสามีภรรยาต่างรีบถามข่าวคราวเกี่ยวกับพี่สี่จ้าว เมื่อวานพี่สามจ้าวมาบอกพวกเขาว่าจ้าวเหวินเทาจะเข้าไปถามในเมือง

จ้าวเหวินเทาเล่าถึงสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง “พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เป็นห่วงไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้คงทำได้แค่รอให้พี่สี่ติดต่อกลับมานั่นแหละ”

“มันจะติดต่อมาเหรอ?” คุณแม่จ้าวถาม

“ติดต่อมาอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทาตอบ “ตอนเขาไปที่ไม่ได้บอกว่าไปไหนก็เพราะกลัวว่าเราจะรั้งไว้ ตอนนี้ออกไปแล้วพวกเราก็ขวางอะไรเขาไมได้ เขาก็ต้องโทรมารายงานความปลอดภัยกับคนในบ้านอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กลับมาสักหน่อย”

“ก็จริง” คุณแม่จ้าวตอบ “แต่แกบอกว่าเขาไปเมืองหลวง ตอนนี้ก็น่าจะถึงแล้วมั้ง? ทำไมถึงยังไม่โทรมาอีกล่ะ?”

ที่ฟาร์มกระต่ายก็มีโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง อยู่ในห้องนอนของคุณพ่อและคุณแม่จ้าว พี่สี่จ้าวก็รู้เบอร์โทรศัพท์ของที่นี่ด้วย

ต่อให้ไม่โทรมาที่นี่ก็ต้องโทรหาหมายเลขบ้านของจ้าวเหวินเทา หากเย่ฉูฉู่ได้รับสายเธอก็คงโทรมาที่นี่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ

 

จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมไม่ได้ดูเวลา ถ้านั่งรถช่วงบ่าย ตอนนี้ก็น่าจะถึงแล้ว รออีกสักหน่อยเถอะ”

คุณแม่จ้าวตอบ “งั้นก็รอสักหน่อยแล้วกัน แม่จะไปเตรียมอาหารเที่ยงก่อน”

หากไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ปล่อยให้นั่งรอว่าง ๆ แบบนี้คุณแม่จ้าวก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

“เดี๋ยวฉันไปดูฟาร์มกระต่ายสักหน่อย” คุณพ่อจ้าวก็เช่นกัน ให้รอเฉย ๆ ก็คงร้อนใจมาก จึงลุกขึ้นยืนและเดินออกไป

จ้าวเหวินเทาไม่ได้นั่งเฝ้าโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปดูโรงเต้าหู้ที่พี่สามจ้าวสร้างขึ้นมา

 

เย่ฉูฉู่ออกแบบเสร็จแล้ว โรงเต้าหู้ของพี่สามจ้าวกำลังวางรากฐาน หลังจากยืนดูอยู่ครู่หนึ่งพี่สามจ้าวก็มาพอดี

“เจ้าหก เป็นไงบ้าง ไปถามมารึยัง? เมื่อคืนฉันกะว่าจะไปหานาย แต่กว่าจะทำงานเสร็จก็มืดมากแล้วเลยไม่ได้ไป” พี่สามจ้าวพูดพลางหอบหายใจ

 

จ้าวเหวินทาเล่าเรื่องที่ตนเองไปสอบถามมา “ถ้าเขาจะไปทางใต้ก็ต้องนั่งไปเปลี่ยนรถที่เมืองหลวง ผมคุยกับพี่ภรรยาสามกับภรรยาของเขาแล้ว ถ้าพี่สี่โทรศัพท์ไปหาพวกเขา พวกเขาจะช่วยห้ามไว้ให้”

 

พี่สามจ้าวถอนหายใจ “เขารู้เบอร์โทรเหรอ?”

“น่าจะรู้แหละ” ไม่รู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จ้าวเหวินเทาคิดอยู่ในใจ

เย่ฉูฉู่เป็นคนแรกที่ได้ทราบข่าวของพี่สี่จ้าว

ช่วงเกือบเที่ยง ตอนที่เย่ฉูฉู่กำลังเตรียมอาหาร โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสี่ยวไป๋หยางตื่นเต้นมาก ส่งเสียงเรียกให้แม่ของเขามารับสาย เย่ฉูฉู่ก็ตื่นเต้นเช่นกัน เธออุ้มเสี่ยวไป๋หยางมารับสาย เสียงของเย่หมิงเป่ยดังขึ้นจากปลายสาย

“ฉูฉู่ พี่สี่ของเธอโทรมาหาพวกเราแล้ว!”

เย่ฉูฉู่ใจชื้นขึ้นมาในทันที “เขาไปที่เมืองหลวงจริง ๆ ด้วย! ตอนนี้พี่สี่อยู่กับพี่แล้วเหรอคะ?”

 

“เปล่า พวกเราก็เพิ่งได้รับสายจากเขานี่แหละ ฉันกำลังจะรีบไปรับเขา ตอนนี้เขาอยู่ที่สถานีตำรวจของสถานีรถไฟ” เย่หมิงเป่ยพูดไปพลางเก็บของไปพลาง

“สถานีตำรวจ…พี่สี่เป็นอะไรไปคะ?” เย่ฉูฉู่ตื่นตระหนกขึ้นมา

“เขาบอกว่าเงินหาย แต่รายละเอียดเป็นยังไงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาถึงแล้วฉันจะโทรหาอีกที เธอไปบอกคนในบ้านก่อนว่าไม่ต้องเป็นกังวล” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“ได้ ๆ พี่รีบไปเถอะ พี่สาม พี่ต้องหยุดเขาไว้ให้ได้นะ อย่าให้เขาไปที่อื่นนะคะ” เย่ฉูฉู่รีบกำชับ

“ฉันรู้ เธอไม่ต้องห่วงหรอก” เย่หมิงเป่ยพูดจบก็วางสายไป

เย่ฉูฉู่ถอนหายใจยาว ถือว่ามีข่าวคราวกลับมาแล้ว เธอจึงวางสาย เสี่ยวไป๋หยางทำท่าจะเข้าไปหยิบด้วยความไม่พอใจ

“เสี่ยวไป๋หยางเด็กดี ไม่จับนะลูก”

เย่ฉูฉู่วางเขาไว้บนตัก มือข้างหนึ่งอุ้มลูกไว้ ในเวลาเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งยกหูโทรศัพท์และกดโทรไปที่ฟาร์มกระต่าย

ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว คุณพ่อจ้าว จ้าวเหวินเทาและพี่สามจ้าวต่างก็เข้ามานั่งรอกินข้าวภายในบ้าน ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น จ้าวเหวินเทาจึงรีบไปรับสาย “ฮัลโหล! จ้าวเหวินเทาพูดสาย นั่นพี่สี่เหรอ?”

โทรศัพท์ในยุคนี้ยังไม่มีฟังก์ชันแสดงเบอร์โทรศัพท์ ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร

“ฉันเองค่ะ” เย่ฉูฉู่ตอบ “เมื่อกี้พี่สามโทรมาแล้ว บอกว่าพี่สี่ไปที่เมืองหลวงและติดต่อหาพี่สามแล้ว”

“จริงเหรอ แบบนั้นก็ดีมากเลย!” จ้าวเหวินเทาก็สบายใจขึ้น “ทำไมพี่สี่ถึงไม่โทรมาที่ฟาร์มกระต่ายเนี่ย?”

เย่ฉูฉู่ตอบ “พี่สามบอกว่าพี่สี่ทำเงินหาย ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจ พี่สามกำลังไปรับ รอรับตัวกลับมาเมื่อไรจะโทรมาหาอีกครั้ง”

จ้าวเหวินเทาชะงัก “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้าเขาโทรศัพท์ไปที่บ้าน คุณบอกให้เขาโทรมาที่ฟาร์มกระต่ายด้วยนะ พ่อกับแม่เป็นห่วงเขามาก”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

จ้าวเหวินเทาวางสายและพูดว่า “พี่สี่ไปถึงเมืองหลวงและติดต่อกับพี่สามของฉูฉู่แล้ว ตอนนี้พี่ชายฉูฉู่กำลังไปรับ อีกเดี๋ยวกลับถึงบ้านจะโทรมาหาพวกเรา”

คุณพ่อและคุณแม่จ้าวพากันถอนหายใจยาว มีข่าวคราวกลับมาก็ดีแล้ว!

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โชคดีที่เมืองหลวงมีคนของฉูฉู่อยู่นะเนี่ย ไม่งั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาคงติดต่อใครไม่ได้เลย

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Status: Ongoing

ผู้แต่ง : 南方荔枝 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) & ซินซิน (新欣) เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี จากภรรยาผู้ดุร้ายกลายเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน​ เย่ฉู่ฉู่จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้มีแต่ความสุขอย่างไรดี? -Highlight : เรื่องนี้นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาในยุค​ 70​ เพียงคนเดียว​ แต่สามีในชาติก่อนที่ตายไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสามีในชาติปัจจุบัน​ด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท