มู่อวู่ซวงส่ายหน้า ยังไม่พอ อย่างน้อยต้องถึงขั้นราชายอดยุทธ์ถึงจะได้
ราชายอดยุทธ์ต้องเก่งกาจกว่าท่านอาเล็กมากไปอีกขั้นหนึ่ง มู่เฉียนซีถึงกับอึ้งไป
ที่จริงแล้วซีเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวลใจในเรื่องนี้ เจ้าจะไม่แข็งแกร่งก็ไม่เป็นไร คอยดูแลตระกูลมู่ ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มีความสุข อาเล็กจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย ข้าไม่อยากให้เจ้าเดินบนเส้นทางอันตรายเพื่อก้าวไปสู่ความแข็งแกร่ง
มู่เฉียนซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม อาเล็ก พูดความจริง วันนี้เป็นวันที่พวกเราได้พบเจอ ท่านยังไม่รู้จักข้าดีพอ
นางเงยหน้า เอ่ยขึ้น ข้ามู่เฉียนซีมาถึงที่นี่ ย่อมไม่ใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่าจะไม่ใช้ชีวิตภายใต้การดูแลปกป้องจากใคร
สมแล้วที่เป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ มู่อวู่ซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อซีเอ๋อร์ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว อาเล็กก็จะสนับสนุนเจ้าโดยไร้เงื่อนไขใด ๆ
มู่เฉียนซีจับรถเข็นของเขา ดันรถเข็นไปข้างหน้าเพื่อกลับเรือนเข้าไปพักผ่อน พยายามไปให้ถึงระดับราชายอดยุทธ์นั้นสำคัญมาก แต่ว่าหาวิธีรักษาดวงตาและขาของอาเล็กก็สำคัญเช่นเดียวกัน อาเล็กเชื่อใจข้าไหม ?
ถ้าไม่เชื่อใจซีเอ๋อร์ในตอนนี้ ข้าจะเชื่อใจใครได้ ?
ขาทั้งสองข้างของเขา ท่านพ่อพี่ใหญ่และพี่รองต่างดั้นด้นค้นหาวิธีรักษาไปทั่วทุกที่ แต่ไม่มีใครสามารถรักษาให้หายได้
ดวงตาของเขาคู่นี้ถูกวางยาพิษ ถูกทำลายไปหมดแล้ว
ในใต้หล้านี้ถ้าใครบอกว่าสามารถรักษาเขาให้หายได้ เขาก็ทำได้แต่เพียงยิ้มตอบ ไม่นำมาใส่ใจ
แต่นี่ซีเอ๋อร์เป็นผู้เอ่ยขึ้นเขากลับเชื่อ เชื่อโดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ
นี่คือหลานสาวคนที่เขารักและทะนุถนอมมากที่สุด
ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาเล็กผิดหวัง
หลังจากพามู่อวู่ซวงมาพักผ่อนที่ห้องแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้กลับไปที่เรือนของตน หลิงซือหลินได้นำตำราเกี่ยวกับการปรุงยาของอวิ๋นเซิ่งมาให้แล้ว
ส่วนหนึ่งมีตำราแนะนำสมุนไพรวิญญาณหลายชนิดที่จำเป็นต้องเรียนรู้
สมุนไพรธรรมดาของดินแดนนี้กับสมุนไพรของหัวเซี่ยมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่สมุนไพรที่ให้ผลและมีประสิทธิภาพมากจะถูกเรียกว่าสมุนไพรวิญญาณ
สมุนไพรวิญญาณแบ่งได้ถึงเก้าระดับ ยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหาได้ยากมากเท่านั้น ในแคว้นจื่อเยี่ยสมุนไพรวิญญาณระดับสามถือเป็นสมบัติของแคว้นได้เลย
หากอยากจะรักษาร่างกายของท่านอาเล็กให้หายก็จำเป็นต้องศึกษาวิชาปรุงยาของดินแดนนี้
ใช้เวลาหนึ่งคืน มู่เฉียนซีได้อ่านตำราขั้นพื้นฐานทั้งหมด มองบนโต๊ะที่มีสูตรการปรุงยาระดับหนึ่งอยู่หลายชนิด
สูตรการปรุงยาเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามาก ถึงแม้ตระกูลมู่มั่งคั่งร่ำรวยในระดับต้น ๆ ในแคว้นจื่อเยี่ยก็มีแค่เพียงสูตรปรุงยาระดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีสะบัดมือ ไปสืบมา ในแคว้นจื่อเยี่ยที่ใดมีตัวยาจินอวี่ซูหวงจือขั้นสอง
เจ็ดวันต่อมา อาเล็กของนางต้องเปลี่ยนตัวยา สิ่งนี้ไม่สามารถละเลยได้
ระบบการหาข่าวสารของตระกูลมู่ดีมากในแคว้นจื่อเยี่ย เพียงไม่นานนางก็รับข่าว ตัวยาจินอวี่ซูหวงจือในแคว้นจื่อเยี่ยนี้มีอยู่แห่งหนึ่ง อยู่ที่จวนของเยี่ยอ๋อง
มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้นมาหนึ่งคำ แสดงถึงความร่ำรวย ซื้อ ไม่ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซื้อมาให้ข้าทั้งหมด ถึงใช้เงินเยอะมากเท่าไรก็ไม่สำคัญเท่ากับร่างกายของท่านอาเล็ก
คนผู้นั้นกระตุกมุมปาก นายหญิง นั่นคือจวนของเยี่ยอ๋อง เยี่ยอ๋องไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ไหนแต่ไรไม่มีใครซื้อของจากจวนเยี่ยอ๋องได้สำเร็จ
ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยินยอม ก็ส่งองครักษ์เงาไปแย่งชิงมา
นายหญิงนั่นคือจวนเยี่ยอ๋อง คนนั้นยังคงส่งเสียงเน้นย้ำ
จวนเยี่ยอ๋องแล้วทำไม ? ไม่ใช่แค่จวนของท่านอ๋องเหรอ ?
มีข่าวเล่าลือกันมาว่าจวนเยี่ยอ๋องเป็นดังเช่นนรกอเวจี หากผู้ใดรุกล้ำเข้าไปจะไม่มีโอกาสกลับออกมาแม้แต่กระดูกยังไม่มีเหลือ
แม้แต่ความสามารถขององครักษ์เงาก็ไม่ได้หรือ ? มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
ถึงแม้องครักษ์เงาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มอีกสักสิบเท่า ข้าน้อยก็เกรงว่าจะไม่ได้
นรกอเวจี ทำไมฟังดูคุ้น ๆ
นำแผนที่จวนเยี่ยอ๋องมาให้ข้า
ขอรับ
ยามค่ำคืนที่มืดมิดลมพัดแรง ผู้นำตระกูลมู่ออกมาด้วยตนเอง อยากจะเห็นว่าจวนเยี่ยอ๋องน่ากลัวสมคำเล่าลือหรือไม่
เมื่อนางไปตามแผนที่ของจวนเยี่ยอ๋องแล้ว นางถึงกับผงะไป ดูเหมือนนางทายถูกแล้ว มันคือจวนของเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นจริง ๆ
จะเข้าไปดีหรือเปล่า ?
ร่างกายของอาเล็กไม่สามารถทนรอได้ วันนี้ยังไงต้องนำของมาให้ได้
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว มู่เฉียนซีก็เข้าไปในจวนเยี่ยอ๋อง
ถ้าหากเป็นผู้อื่น การก้าวเข้าไปก็เหมือนกับการเข้าสู่ประตูแห่งความตาย
นายท่าน มีคนลอบเข้ามาในจวน
หมอกสีขาวปกคลุม เผยให้เห็นเงาแผ่นหลังที่งดงามท่ามกลางหมอกขาว
เมื่อได้ยิน จิ่วเยี่ยยังคงไม่เคลื่อนไหว ใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ เพียงแค่ดวงตาที่ปิดอยู่ได้ลืมตาขึ้นมา
มีเพียงคนพิเศษเท่านั้นที่สามารถเข้าออกจวนเยี่ยอ๋องได้แล้วไม่ตาย
ข้าน้อยขอลา
มู่เฉียนซีรีบหยิบตัวยาจินอวี่ซูหวงจือ แต่เมื่อเห็นไฟห้องพักในจวนเยี่ยอ๋องดับไปก็พลันหยุดชะงัก
นางเป็นหมอปีศาจผู้สง่างาม มีหลายคนร้องไห้ขอให้นางรับสิ่งของอันมีค่า แต่สภาพในตอนนี้ต้องมาขโมยของจากผู้อื่น
ชายผู้นั้นไม่เคยแพร่งพรายข่าวว่านางครอบครองศาลานิรันดร์ แต่กลับให้ของล้ำค่ากับนางอีกมากมาย นางมาทำแบบนี้รู้สึกว่ารับไม่ได้จริง ๆ
เขียนหนังสือขอยืมดีกว่า ถึงเวลาเหมาะสมค่อยนำมาคืน
ขณะที่มู่เฉียนซีเตรียมหนังสือขอยืมเสร็จแล้วและเตรียมตัวนำไปวางที่ห้องของซวนหยวนจิ่วเยี่ย
— แอ๊ด! —
ประตูข้างหน้าก็ถูกเปิด เผยให้เห็นเงาคนผู้หนึ่ง
ใบหน้าอันงดงาม แม้แต่แสงของดวงจันทร์ยังหม่นหมองลงเมื่อเทียบกับใบหน้าและดวงตาสีฟ้าที่แฝงด้วยความเยือกเย็นสามารถแช่แข็งผู้คนได้
.