อาจารย์กล่าว สนามสอบแรกถ้าไม่ผ่าน จะไม่มีสิทธิ์สอบในสนามถัดไป หากในสามปียังไม่ได้เลื่อนขั้น ทางคณะจะไล่ออกจากสำนักศึกษา
หรือว่านาง ผู้มีพรสวรรค์อันล้ำเลิศฉายาหมอปีศาจ ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลมู่จะหนีโชคชะตาโดนไล่ออกไม่พ้น
ทันใดนั้น ประตูเปิดออกเผยให้เห็นร่างหนึ่ง สนามสอบจากที่เคยอบอุ่น อุณหภูมิพลันลดลง ความเยียบเย็นคืบคลานเข้ามาพร้อมร่างบุรุษผู้นี้
อาจารย์ผู้คุมสอบเอ่ยขึ้น นักเรียนผู้นี้ เจ้ามาช้าไปหนึ่งในสี่ของเวลาสอบ เจ้าต้อง…
เฮือก! ท่านอ๋องเยี่ย เมื่ออาจารย์มองบุคคลที่เข้ามาชัด ๆ ใบหน้าก็ซีดเผือดในทันใด
ท่านอ๋องเยี่ย เชิญเข้ามาด้านในได้เลย
ท่าทางของอาจารย์ผู้คุมสอบเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ พลิกกลับสามร้อยหกสิบองศา
‘เหตุใดเขายังมาร่วมสอบด้วย โดนไล่ออกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ’ มู่เฉียนซีพึมพำในใจ
นางเคยฟังมา ท่านอ๋อง ซวนหยวนจิ่วเยี่ยเข้าศึกษาเมื่ออายุสิบหก ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนก็ไม่เคยมาสำนักศึกษาอีกเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกลับมาในช่วงไม่กี่วันนี้
นางไม่เชื่อว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยจะกลัวเรื่องการไม่ได้เลื่อนขั้นภายในสามปีแล้วจะถูกไล่ออก เพราะนาม จิ่วเยี่ย ขึ้นชื่อในแคว้นจื่อเยี่ยว่าเป็นบุคคลปีศาจ ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย
ไล่เขาออก ชีวิตคงหาไม่
ชั่วอึดใจที่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั่งลงที่โต๊ะสอบ มู่เฉียนซีพบว่าเพื่อนนักเรียนโดยรอบที่เขียนอยู่ต่างมือสั่น
เจ้าเยือกเย็นนี่ริอ่านทำให้คนอื่นตกใจก็ไม่ควรโผล่ใบหน้ามา เห็นไหม ? ทำเอาเพื่อนนักเรียนตกใจกลัวกันหมดแล้ว เวรกรรมจริง ๆ
ข้อที่หนึ่ง ต้นกำเนิดพลังวิญญาณ คำตอบคือ… ตอนนี้เอง น้ำเสียงเย็นชาไร้อุณหภูมิดังเข้ามาในหูของมู่เฉียนซี
ข้อที่สอง คำตอบคือ…
ข้อที่สาม…
‘อะไร ?’ มู่เฉียนซีทำตาโต คิดในใจ ‘เจ้าก้อนน้ำแข็งนี่บอกคำตอบของคำถามพวกนี้อยู่รึ ?’
เสียงของปีศาจจิ่วเยี่ยเหมือนกำลังจะ… เหมือนกำลังจะช่วยนางโกง…
เพื่อป้องกันนักเรียนโกงกัน อาจารย์ทั้งหลายในสำนักศึกษาของแคว้นจื่อเยี่ยจะติดเครื่องดักฟังไว้ ถ้ามีใครทำอะไรแม้เพียงเล็กน้อย จะถูกอาจารย์ผู้คุมสอบพบเจอทันที
แต่ท่านอ๋องอสูรคนนี้เก่งมาก เก่งสุดยอด โกงกันสบาย ๆ ไปเลย เขาทำให้เครื่องดักฟังนั้นเป็นเพียงเครื่องประดับ
จิ่วเยี่ยช่วยนางโกงข้อสอบคงเป็นเรื่องที่ทำให้คนในแคว้นจื่อเยี่ยไม่เชื่อ แม้แต่มู่เฉียนซีเองยังตกใจ หน้าผากสตรีแกร่งกล้าอย่างนางผุดเหงื่อเย็น
ณ วันนี้เวลานี้ เขาบอกข้อสอบจนถึงข้อที่สิบแล้ว ยิ่งข้อไกล น้ำเสียงยิ่งเย็นชาขึ้น หากนางไม่เขียน กลัวว่าจะไม่ใช่แค่โดนไล่ออกง่าย ๆ อาจจะสูญเสียชีวิตอันมีค่าในสนามสอบ
มู่เฉียนซีความจำดีมาก เริ่มจากไม่รู้ในข้อที่สาม ก็เขียนตามความเร็วเสียงของซวนหยวนจิ่วเยี่ยได้
อ่านจนถึงข้อหนึ่งร้อยเสร็จ ไม่มีใครทันได้เห็น ไม่มีใครทราบว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยออกไปและออกไปเมื่อใด
มู่เฉียนซีหยุดปากกา ความรู้สึกขนลุกหลงเหลือลางเลือนทว่าไม่หายไป
นางหยิกแขนตัวเอง เมื่อสักครู่นี้นางคงกำลังฝันร้ายจริง ๆ แต่ว่า… ยังคงรู้สึกเจ็บจากแรงหยิก เช่นนั้นคือไม่ได้ฝันไปรึ ?
ในแคว้นจิ่วเยี่ยนี้คงมีแค่ใจของนักฆ่าที่น่ากลัวคนนี้ที่เดาไม่ออก มู่เฉียนซีไม่อยากให้ตัวเองคิดมากจึงรีบส่งข้อสอบ
เมื่อไม่มีความน่ากลัว และมองดูเวลาที่ใกล้เข้ามา นักเรียนคนอื่นก็รีบเร่งตอบคำถามกัน
มู่เฉียนซีกลับมาที่พัก เห็นซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยหนังเสือสีขาวกลางห้องโถง นางเอ่ยขึ้น จิ่วเยี่ย เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก
ขอบคุณอย่างไร ? เขาไม่เงยหน้าขึ้นมา มีแต่น้ำเสียงอันเยือกเย็นที่กล่าวถาม
มู่เฉียนซีรู้สึกปวดหัว ท่านอ๋องผู้นี้ลึกลับนัก ไม่รู้ว่าเขาช่วยนางมากี่ครั้งแล้ว และนางก็ไม่มีสิ่งของที่พอมีค่าเหมาะสมสำหรับให้เป็นการขอบคุณเขา
มู่เฉียนซีคิดไปคิดมา นำยาเหย้าจี้ที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาใหม่ วางไว้บนโต๊ะต่อหน้าเขา
นี่เป็นสิ่งของที่ดีที่สุดเท่าที่ข้ามีติดตัว ดีกว่ายาระดับสาม ข้าให้เพื่อตอบแทนที่จิ่วเยี่ยช่วยเหลือข้าในวันนี้
พูดออกไปแล้ว… แม้มู่เฉียนซีรู้ทั้งรู้ว่าถึงจะเป็นยาระดับเจ็ดระดับแปด เจ้าเยือกเย็นนี่ก็คงไม่สนใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่นำอาวุธเทพอย่างแหวนมังกรเทพวารีมามอบให้กับนาง
ทว่า…
นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสขวดยานั้น เขาพยักหน้ารับ ตอบแข็ง ๆ อืม
มู่เฉียนซีกล่าว อ้อ อืม ดี เช่นนั้น… ข้าไปฝึกฝนวิชาก่อนนะ
พริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็กลับมาถึงชั้นบน อาถิงพูดไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายอะไร ขอเพียงเขาไม่ฆ่านาง นางก็ยังมีเวลาที่จะเติบโต รอให้นางแข็งแกร่งมากกว่าเขา ไม่ว่าเขาจะมีจุดมุ่งหมายอะไร นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
ถึงอย่างไรมู่เฉียนซีก็คิดไม่ถึงว่าจุดมุ่งหมายบางอย่าง ถึงแม้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้านทานไว้ไม่อยู่
ผลของการสอบออกมาแล้ว มู่เฉียนซีได้คะแนนเต็มเป็นอันดับหนึ่งของชั้น ผลคะแนนที่ออกมาทำให้คนอื่นคาดไม่ถึงไปตาม ๆ กัน ใครได้รู้ได้เห็นผลคะแนนมีอันต้องเบิกตาปากอ้าค้าง
สนามสอบโหดหินนั้น โกงกันไม่ได้แน่นอน ทุกคนจึงเดาว่าคนไร้ความสามารถอย่างมู่เฉียนซี คงจะปรับปรุงตัวใหม่แล้ว
อันดับหนึ่งรึ ? ให้ตายเถอะ! เจ้าคนไร้ความสามารถนั่นสามารถสอบได้ที่หนึ่ง องค์หญิงแปดโกรธจนตาลุกเป็นไฟ หน้าตาน่ากลัวขึ้นมาในฉับพลัน แต่สอบผ่านก็ดี จะได้ใช้สนามที่สองประลองยุทธ์นี้กำจัดนาง
เมื่อเข้ามาในสนามประลอง เพื่อนร่วมห้องของมู่เฉียนซีที่เคยได้รับผลประโยชน์จากนางล้วนเข้ามารายล้อม
เพื่อนนักเรียนมู่เฉียนซี วางใจได้เลย ข้าจะไม่ให้เจ้าตกอันดับ
ใช่!
…
ยามที่พวกเขารับเงินหนึ่งพันเหรียญมานั้นถือว่าเยอะมากจริง ๆ พวกเขาจึงปรึกษากันว่าสนามตัดสินนี้จะช่วยมู่เฉียนซี
แต่คนอื่นก็พูดดูแคลนใส่
เหอะ! มีแต่คนขี้ขลาดตาขาวอย่างพวกเจ้านั่นแหละ ถึงถูกคนไร้ความสามารถนี้ใช้เงินซื้อได้
ใช่ เจ้าคนไร้ความสามารถ นอกจากใช้เงินซื้อคนแล้วยังจะทำอะไรได้อีก ? ช่างไร้ประโยชน์
โง่ชะมัด! นางคงไม่ซื่อจนคิดว่าคนที่นางซื้อมา จะช่วยให้นางไม่ตกอันดับได้จริง ๆ หรอกนะ
พวกเราลุย จัดการพวกมันเลย!
ถึงแม้ฝ่ายพวกเขาจะมีกันเพียงสิบกว่าคน ฝ่ายตรงข้ามมีเจ็ดสิบแปดสิบคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีฝีมือไม่เลว แต่ก็ต้านทานได้ไม่นาน
จังหวะที่มีคนแวดล้อมคุ้มกันอยู่ตรงกลาง ไม่มีใครสังเกตเห็นมังกรวารีสีฟ้าร่วงลงมาที่พื้นก่อนแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็ง
อ๊าก!
ต่อมาพวกนั้นก็ลื่น กลิ้งตกสนามประลองเหมือนลูกบอล หมดสิทธิ์แข่งขันต่อ
อ๊าก!
และต่อมา คนอีกกลุ่มกลิ้งตกลงไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนเหลือแค่พวกที่คอยคุ้มกันมู่เฉียนซี
— ตุบ! ตุบ! ตุบ! —
เมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้น ?
ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
พวกที่แพ้ตกลงไป แพ้อย่างไม่รู้สาเหตุเสียด้วยซ้ำ
หรือว่าพวกเขาลอบซ่อนผู้มีวรยุทธ์อันล้ำเลิศ แต่ปกปิดแฝงเนียนไว้จนมองไม่ออก
ในขณะที่พวกเขาคิดไม่ออกนั้น ผลการประลองก็ออกมา
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสนทนาถึงแผนการอันแยบยลของมู่เฉียนซี นางใช้เงินซื้อเพื่อนนักเรียนก่อน ผลที่ออกมานางไม่ต้องลงมือก็สามารถเข้าร่วมสนามสอบถัดไปได้
การตัดสินประลองครั้งนี้ก็สำคัญ จะเป็นการแข่งขันแบบตัวต่อตัว คู่ต่อสู้เป็นแบบสุ่มเลือก ดูซิว่ามู่เฉียนซีจะซื้อใครอย่างไร อีกทั้งคนที่มีอุดมการณ์หน่อย คงจะไม่สนใจเงินสกปรกของมู่เฉียนซีที่ไร้ความสามารถ
อาจารย์ประกาศรายชื่อผู้แข่งขัน เมื่อประกาศชื่อไปได้สักพัก ก็ถึงรอบของมู่เฉียนซี
ต่อไป นักเรียนมู่เฉียนซีกับนักเรียนโอวหยางซิน ก้าวออกมา
.