มู่เฉียนซีกล่าวถาม ทางด้านตระกูลโอวหยางมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างแล้วล่ะ ?
องครักษ์เงา ตระกูลโอวหยางส่งคนไปเอาคืนกับคนพวกนั้นแล้วขอรับ!
มู่เฉียนซีผุดลุกขึ้นยืน กล่าวขึ้น ไปกับข้า ไปจัดการคนของตระกูลโอวหยางกับข้า
บุรุษผู้สามารถกลืนยาลูกกลอนได้ทีเดียวหกสิบเม็ดผู้นั้น นางมีความสนใจเป็นอย่างมาก จะให้คนของตระกูลโอวหยางสังหารเขาทิ้งย่อมยอมไม่ได้
มู่เฉียนซีมาถึงที่หมาย กลิ่นโลหิตฉุนจมูกรุนแรงพัดผ่านใบหน้านาง
— ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ! —
บุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงิน สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าราวกับมีเครื่องต่อสู้ประจำกายกำลังอัดไม่ยั้งมือ ทุกผู้คนที่เข้าใกล้เขาล้วนแต่กระอักเลือดระลอกใหญ่
เขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธใด เพียงสะบัดมืออย่างนุ่มนวลก็สามารถปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย เขาใช้วิธีง่าย ๆ ทว่าหยาบช้าปลิดชีพคู่ต่อสู้ไปแล้วนับสิบคน
ท่านผู้นำตระกูล! องครักษ์เงารีบเข้ามายืนตรงหน้ามู่เฉียนซีเพื่อปกป้องนาง
องครักษ์เงาก็เพิ่งจะเห็นวิธีการสังหารอันโหดเหี้ยมเช่นนี้เป็นครั้งแรก การสังหารของชายผู้นั้นดูเหมือนจะง่าย ทว่ามันแฝงไปด้วยความเหี้ยมโหด มือเขาไม่เปื้อนโลหิตแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ พวกเจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่ ?
ร่างบุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงินผู้นี้ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีพลังลมปราณใด ๆ เสมือนว่าเขาใช้เพียงกำลังภายในเท่านั้น มู่อีกล่าว
ใบหน้ามู่เอ๋อร์ทาบทาความตกใจ นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!
ใต้หล้านี้กว้างใหญ่นัก เรื่องแปลกสารพัดล้วนมีอยู่ทั่วทุกสารทิศ แม้วันนี้เรามาแล้วไม่ได้ช่วยอะไร แต่เราก็ได้เห็นบางอย่างที่แปลกประหลาดกับตาตัวเอง มู่เฉียนซีกล่าว
— ตูม! ตูม! ตูม! —
องครักษ์ของตระกูลโอวหยางล้มไปทีละคน ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ ปรมาจารย์ยุทธ์ จอมภูต หรือปรมาจารย์ภูตที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็มิอาจเทียบกับบุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงินนี้ได้
อ๊าก อ๊าก อ๊าก! ข้าสู้ตาย! องครักษ์ตระกูลโอวหยางที่เหลืออยู่ใช้ท่าไม้ตายแข็งแกร่งที่สุดรวมพลังกันเพื่อพยายามสังหารบุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงิน
— ตูม! —
— ปัง! —
เสียงร่างของคนล้มลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าเขาผู้นั้นจะเป็นบุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงิน
องครักษ์ตระกูลโอวหยางหัวเราะพึงพอใจ กล่าวอย่างลำพองตน ฮ่า ๆ ๆ! เป็นอย่างไรล่ะ ในที่สุดเจ้าก็พ่ายแพ้ต่อข้า ข้าจะฉีกเนื้อเจ้าให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
ท่านผู้นำตระกูล… นั่น…
มู่อีรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก เมื่อครู่บุรุษผู้นี้เพิ่งจะกวาดล้างสิ่งรอบข้างด้วยพลังอันแข็งแกร่งเย้ยฟ้าท้าสวรรค์ ทว่าต่อมากลับล้มลงไปง่ายดาย มันกะทันหันเกินไปหรือไม่ ?
ไหน ๆ วันนี้มู่เฉียนซีก็มาแล้ว นางไม่ยอมให้บุรุษผู้นี้เป็นอะไรไปแน่
หยุดเดี๋ยวนี้!
เสียงตะโกนดังขึ้น กลิ่นอายเย็นยะเยือกน่าหวาดกลัวแผ่คืบคลานมา คนของตระกูลโอวหยางชะงักมือทันทีเมื่อเห็นสตรีร่างบางในชุดผ้าแพรพลิ้วสีม่วง
ท่านผู้นำตระกูลมู่! พวกเขาอุทานขึ้นอย่างตกอกตกใจ
บุรุษผู้นี้เป็นคนของตระกูลมู่รึ ? พวกเขาแต่ละคนจ้องใบหน้ามู่เฉียนซี อารมณ์กรุ่นโกรธเข้าครอบงำ
มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากอย่างขี้เล่นก่อนจะกล่าวว่า อ๋อ! ที่แท้คนของตระกูลโอวหยางสงสัยว่าเขาเป็นคนของตระกูลมู่นี่เอง หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลโอวหยางส่งคนไปทำร้ายคนอื่นด้วยใช่หรือไม่ ?! เช่นนั้นก็… ออกมาสู้กับข้าให้หมดเลยสิ!
เหอะ ๆ ๆ ดูเหมือนว่าท่านผู้นำจะกล่าวได้ถูกต้องแล้ว คาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะกล้าลงมือกับคุณชายรองอย่างเหี้ยมโหด เขาต้องเป็นคนของตระกูลมู่ไม่ผิดแน่
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดั่งลั่น โอวหยางสือหลงปรากฏตัว พร้อมด้วยองครักษ์กลุ่มหนึ่ง ข้างกายโอวหยางสือหลงยังมีมือดีผู้หนึ่งนั่นก็คือ น้องชายของผู้นำตระกูลโอวหยางจู ‘โอวหยางฉี’
— ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! —
ทันใดนั้นองครักษ์เงาตระกูลมู่ปรากฏตัวคอยคุ้มกันมู่เฉียนซีอยู่ด้านหลัง ส่วนคนของตระกูลโอวหยางกรูกันเข้ามาจำนวนมาก แต่ละคนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ทางฝั่งตระกูลมู่ พวกเขาดื่มโอสถแทนน้ำและกินยาลูกกลอนแทนข้าว อีกทั้งยังทุ่มเทฝึกสุดชีวิต หากวันนี้มิสามารถสู้รบกับคนตระกูลโอวหยางได้ พวกเขาจะต้องเอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตายเป็นแน่
เหอะ! โอวหยางฉีทำเสียงฮึดฮัดในจมูก แววตาดูถูกเหยียดหยามไม่ปกปิด เขากล่าว ผู้นำตระกูลมู่คิดว่าเรา ตระกูลโอวหยางจะยอมให้รังแกกันได้ง่าย ๆ เช่นนั้นรึ ?!
มู่เฉียนซีแสร้งทำใบหน้าไร้เดียงสา กล่าวตอบโต้
โอวหยางฉี ดวงตาข้างไหนของท่านรึที่เห็นว่าข้ารังแกคนในตระกูลโอวหยาง ? คนของตระกูลมู่มิได้ลงมือทำร้ายโอวหยางเฉียงแม้เพียงนิด การที่เราผ่านมาเจอกันตรงนี้ก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
โอวหยางฉีสีหน้าเคร่งขรึม ในใจต่อว่าเหยียดหยาม ‘เหอะ! คนของเจ้าไม่ได้ลงมือเอง แต่เจ้าก็เป็นคนเรียกให้คนอื่นมาลงมือ’
‘ดึกสงัดเช่นนี้แค่บังเอิญผ่านมาเจอกันเช่นนั้นรึ ? ใครจะโง่เชื่อ!’
โอวหยางสือหลงบันดาลโทสะ ผู้นำตระกูลมู่! ในเมื่อบังเอิญเจอกัน เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าลงนรกภูมิไปกับคนของเจ้าเสียตอนนี้เลย เจ้าเคยทำร้ายบุตรชายของข้า คืนนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าให้หนักยิ่งกว่า เจ้ามันทำไว้เจ็บแสบนัก!
ในตอนที่โอวหยางซินทดสอบเลื่อนชั้น เขาไร้ความสามารถ เป็นเพียงเศษสวะจึงแพ้พ่ายให้กับข้าอย่างง่ายดาย ส่วนท่าน เหอะ! ผู้เป็นท่านพ่ออย่างท่านอย่าได้คิดว่าจะแข็งแกร่งกว่าบุตรชาย อายุปูนนี้ข้าว่ายิ่งไร้ความสามารถ ไร้ประโยชน์ไม่ต่างอะไรกับเศษสวะ ถ้าไม่เชื่อก็ดูเอาเถิด แก่เฒ่าปูนนี้แล้วยังเป็นได้แค่จอมยุทธ์ระดับสอง ท่านยังมีหน้ามากล่าวอีกรึว่าจะแก้แค้นให้บุตรชายผู้ไม่เอาไหน มู่เฉียนซีกล่าวหยอกเย้า แต่วาจานางเสมือนมีดกรีดแสกกลางใบหน้าผู้ฟัง
โอวหยางสือหลงโกรธควันออกหู
มิใช่ทุคนจะเป็นเหมือนเจ้าที่ทุก ๆ วันได้กินยาลูกกลอนแทนข้าว ทว่ากำลังของข้านั้นมั่นคง ทำการใดก็มีหลักขั้นตอนที่ถูกต้องและมั่นใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งอยู่ในวังหลวง ทว่าตำแหน่งของตระกูลโอวหยางนั้นมิได้สูงส่งอะไรนัก หนึ่งปีถึงจะได้รับรางวัลเป็นยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
มู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าตระกูลโอวหยางจะส่งพวกท่านมา แต่อย่าลืม มีองครักษ์เงาของข้าอยู่ ไม่ว่าข้าจะทำการใดพวกท่านก็มิอาจขวางข้าได้ แต่นี่ท่าน หากท่านปรารถนาจะแก้แค้นนัก ข้าก็จะให้โอกาสนั้น… มาสู้กับข้าสักตั้งสิ โอวหยางสือหลง ในเมื่อท่านปรารถนาจะแก้แค้นให้กับเศษสวะอย่างบุตรชาย และเพื่อพิสูจน์ว่าตัวท่านเองมิใช่เศษสวะอย่างที่ข้ากล่าวดูแคลน ก็มาสู้กับข้าสักตั้งประเดี๋ยวนี้เลย
มู่อีได้ยินเช่นนี้พลันผงะไป อ่า! ท่านผู้นำตระกูล
พวกเขารู้ว่าว่าท่านผู้นำตระกูลนั้นแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน ทว่าพลังของโอวหยางสือหลงสูงกว่าท่านผู้นำตระกูล!
แม้แต่โอวหยางฉียังรู้สึกเหนือความคาดหมาย ‘มู่เฉียนซีกล้าไปท้าทายเขา ช่างน่าขัน!’
‘มู่เฉียนซี เจ้าคงไม่คิดว่าเอาชนะเหว่ยเหว่ยได้แล้วจะเอาชนะโอวหยางสือหลงได้อีกหรอกนะ!’
โอวหยางสือหลงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย ไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่าการแก้แค้นมู่เฉียนซีให้กับบุตรชายอีกแล้ว ทว่านี่มิใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเองได้
เขาหันมองโอวหยางฉี…
โอวหยางฉีเหลือบมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาประหนึ่งอาบเคลือบน้ำแข็ง เขามองเห็นถึงเล่ห์เหลี่ยมของนางได้อย่างชัดเจน
มู่เฉียนซี เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีสัตว์พันธสัญญาที่สามารถฆ่าสัตว์วิญญาณระดับสามได้ แม้พลังของโอวหยางสือหลงจะมากกว่าเจ้า แต่หากเจ้าเอาสัตว์พันธสัญญานั้นออกมา โอวหยางสือหลงก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
เจ้าแมวของข้ากำลังหลับใหลอยู่ อีกอย่าง การต่อสู้ครั้งนี้ข้าจะไม่ใช้สัตว์พันธสัญญาเด็ดขาด เช่นนี้แล้วโอวหยางสือหลง หากท่านใจเสาะไม่กล้าสู้กับข้า ท่านก็คงเป็นเศษสวะอย่างที่ข้ากล่าวไว้จริง ๆ
โอวหยางสือหลงกล่าวโต้อย่างกรุ่นโกรธ เจ้าว่าใครเป็นเศษสวะ! มู่เฉียนซีเจ้ามันสมควรตาย! มา! สู้ก็สู้ ข้าไม่กลัวเด็กอย่างเจ้า!
เขาหันไปมองโอวหยางฉี กล่าวขึ้น ไม่ว่าอย่างไรวันนี้… ข้าจะต้องปลิดชีพนางเด็กสตรีปีศาจผู้นี้ให้จงได้!
ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับโอวหยางสือหลง ตระกูลโอวหยางก็ถือว่าสูญเสียไปเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ก็ดีเหมือนกันที่ให้โอวหยางสือหลงสู้รบกับนาง เพราะจะได้ยืดเยื้อเวลาออกไป
เกิดแสงวาบประกายขึ้นในดวงตาโอวหยางฉี ‘หึ! มู่เฉียนซี เจ้าคิดว่าพลังองครักษ์เงาของตระกูลเจ้าถึงขั้นปรมาจารย์ภูตปรมาจารย์ยุทธ์แล้วจะยิ่งใหญ่อย่างนั้นรึ ? วันนี้ข้าต้องปลิดชีพพวกมันทั้งหมดให้จงได้’
โอวหยางสือหลงกล่าว ยกยิ้มมุมปาก ฮ่า ๆ ซินเอ๋อร์ วันนี้พ่อจะล้างแค้นให้เจ้าด้วยมือของพ่อเอง มันจะต้องชดใช้ให้เจ้าร้อยเท่าพันเท่า!
.