ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 103 ว่าที่พระชายา

ตอนที่ 103 ว่าที่พระชายา

ซวนหยวนหลี่เทียนไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับมู่เฉียนซี แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่นางจะต้องไปแต่งกับคนอื่น เขาก็โกรธแทบคลั่ง!

สำหรับซวนหยวนจือ มิใช่เขาไม่รักหลี่อ๋องโอรสชาย แต่ว่าเรื่องตอนนี้ใกล้จะจบแล้ว นี่เป็นแผนการสมบูรณ์แบบที่สุดที่จะทำให้ตระกูลมู่ถึงกาลพินาศ แล้วเขาจะยอมให้โอรสชายของตนเองมาทำมันพังได้อย่างไร ? ซวนหยวนจือกล่าววาจาเย็นชา  หุบปากเสีย ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด! 

 ฝ่าบาท ข้า…  ในตอนนี้เอง เยวี่ยเจ๋อก้าวออกมา เขาไม่ต้องการให้พี่ใหญ่ของเขาติดกับดักฮ่องเต้ ใจเขารู้ดีว่าอันที่จริงมีเรื่องส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวอยู่บ้าง เขานั้นไม่อยากให้พี่ใหญ่ไปแต่งงานกับจิ่วเยี่ยเลย

ทว่า… เขายังไม่ทันพูดออกมา มู่เฉียนซีกล่าวตัดหน้า  เจ้าถอยไปเถอะ 

 พี่ใหญ่! 

 ถอยไป ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  มู่เฉียนซีกล่าวเสียงดุดัน

เยวี่ยเจ๋อรู้สึกว่าพี่ใหญ่กําลังโกรธ จึงทำได้เพียงแค่ถอยออกไป

มู่เฉียนซีเงยหน้ามองซวนหยวนจือ  ฝ่าบาท หากข้าไม่ทำตามพระราชโองการ หากข้าไม่แต่งงานล่ะจะเป็นเช่นไร ?  ซวนหยวนจือกล่าว  ก่อนหน้านี้เจ้าบอกเองถึงความต้องการสองประการ จิ่วเยี่ยตรงตามที่เจ้าต้องการทุกประการ ซีเอ๋อร์ หากเจ้ายังพูดจาเหลวไหลอีกครั้ง ข้าก็มิอาจไว้หน้า อำนาจราชวงศ์ซวนหยวนมิใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถท้าทายได้ 

ในตอนนั้นมู่เฉียนซีไม่ได้คิดให้ละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นสามี ในบรรดาบุตรชายของซวนหยวนจือ นางลืมไปเสียสนิทว่ามีผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติถึงมาตรฐานสองข้อนั้น น่าเจ็บใจนัก! ก่อนหน้านี้นางมองข้ามมาโดยตลอด จิ่วเยี่ยเป็นบุตรชายของฮ่องเต้หนังหน้าหนาแห่งแคว้นจื่อเยี่ย หากนางขัดพระราชโองการ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ซวนหยวนจือลงมือกับตระกูลมู่ได้อย่างชอบธรรม แม้ตอนนี้ความแข็งแกร่งของท่านอาเล็กจะอยู่ในระดับสามของจักรพรรดิลี้ลับแล้ว แต่นางก็ไม่ต้องการให้ตระกูลมู่ที่กว่าจะทำให้มั่นคงได้ต้องมาเผชิญความยากลำบาก นางจะไม่ยอมให้ตระกูลตนต้องมาเละเทะเพราะหมากเกมนี้ของราชวงศ์เด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม มันก็แค่การหมั้นหมาย นางเพียงต้องรับพระราชโองการไว้ก็พอแล้ว รอให้ซวนหยวนจือติดกับก่อน แล้วค่อยให้จิ่วเยี่ยมาจัดการแก้ปัญหาให้ก็จบ

มู่เฉียนซีรู้สึกสดใสขึ้นมาในทันที ‘เหอะ! ฮ่องเต้ซวนหยวนจือเอ๋ย ข้าจะปล่อยให้ท่านได้ใจไปสักพักก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวก็จะถึงคราวที่ท่านต้องร้องขอความเมตตาแล้ว!’

มู่เฉียนซีมองซวนหยวนจือ กล่าวว่า  ฝ่าบาททรงมีพระมหากรุณาธิคุณยากจะที่จะทดแทน มู่เฉียนซีขอรับพระราชโองการ 

ซวนหยวนจือยิ้ม  อย่างนี้สิ ถูกต้องแล้ว 

เกากงกงส่งพระราชโองการให้แก่มู่เฉียนซี แม้ว่าซวนหยวนหลี่ซางจะถูกมู่เฉียนซีปฏิเสธเสียจนสีหน้าซีดขาว ร่างกายเบาหวิวดูล่องลอยไร้วิญญาณ แต่เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้มู่เฉียนซีจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์อีกต่อไป เขาก็รู้สึกตื่นเต้นกว่าใคร ๆ เขากอดมู่หรูเหยียนไว้ ปากก็กล่าวขึ้นเบา ๆ  หรูเหยียน ข้ารักเจ้ามาตลอด และต่อไปข้าก็จะรักเพียงเจ้าคนเดียว 

 อา… เหตุใดพระองค์ถึงได้ดีกับหรูเหยียนนัก  มู่หรูเหยียนนั้นซาบซึ้งใจเป็นที่สุด

แต่ซวนหยวนหลี่เทียนตกอยู่ในภาวะอารมณ์หม่นหมองไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจ อยากจะพุ่งเข้าไปฉีกพระราชโองการนั่นออกเป็นชิ้น ๆ เสียจริง

สีหน้าของซวนหยวนชิงอวิ๋นยังคงสงบนิ่งราวรูปปั้นเหมือนดั่งก่อนหน้า เหมือนกับว่าการปะทะบาดหมางใจกันก่อนหน้านี้ ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

เยวี่ยเจ๋อมองมู่เฉียนซีพี่ใหญ่ตน ในใจพลันเจ็บแปลบ ๆ ขึ้นมา ดูเหมือนว่าตนกับมู่เฉียนซีจะห่างกันไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ

ซวนหยวนจือกล่าวขึ้น  ซีเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าหมั้นกับจิ่วเยี่ยแล้ว เช่นนั้นสินสอดทองหมั้นที่เจ้าเอาคืนไปก็ควรส่งกลับมาเพื่อเตรียมการสำหรับงานมงคลของพวกเจ้าทั้งสอง 

ผู้คนในที่นั้นล้วนแต่ขมวดคิ้วมุ่น ในที่สุดฝ่าบาทก็ขายบุตรชายไปจนได้ ตอนนี้ได้เวลาที่จะเก็บเงินแล้ว อันที่จริงการกระทำนี้จัดได้ว่าน่าไม่อายเหลือหลาย หนังใบหน้าไม่หนาจริงคงทำไม่ได้

มู่เฉียนซี  ขอฝ่าบาทโปรดวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะเตรียมไว้ให้พร้อม รับรองว่าเพียงพอสำหรับประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตานระดับเจ็ดแน่นอน ส่วนส่วนที่เหลืออยู่นั้น ตระกูลมู่ยังมีความจำเป็นต้องใช้มันอยู่ 

 นั่นก็ดีแล้ว เพียงพอสำหรับซื้อยาหวงหลัวตานก็เพียงพอแล้ว  ซวนหยวนจือยิ้ม กล่าวอย่างพอใจ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างก้าวร้าว  ฝ่าบาททรงสนใจแต่สินสอดทองหมั้น โอรสของท่านคิดจะอภิเษกสมรสกับข้ามู่เฉียนซี กลับไม่มีสินสอดทองหมั้นเพียงพอให้ข้าบ้าง นี่มิใช่เป็นการดูถูกตระกูลมู่ของของข้าไปหน่อยรึ ? 

เมื่อก่อนนั้นหัวใจของมู่เฉียนซีทุ่มเทไปให้ซวนหยวนหลี่เทียนอย่างสุดตัว นางต้องการตบแต่งตนเข้าราชวงค์ซวนหยวนเพราะรักหลี่อ๋อง ไม่พูดเปล่า ยังขนเอาสินสอดทองหมั้นมากมายไปให้ทางราชวงศ์เป็นราคาสูงเสียดฟ้า และนางยังไม่เคยกล่าวถึงสินสอดที่ราชวงค์ควรมอบให้แก่ฝั่งนางเลย

เมื่อโอรสแห่งราชวงศ์จะแต่งงานทั้งที จะไม่มีสินสอดทองหมั้นให้ฝ่ายหญิงบ้างเลยได้อย่างไรกัน ?

ทุกคนในที่นั้นล้วนแต่กลั้นลมหายใจจนใบหน้าบ้างเขียวคล้ำบ้างดำแดง เดิมทีคิดว่าการที่ฝ่าบาททรงปะทะกับตระกูลมู่ในครั้งนี้ คงได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่แท้ กลับคาดไม่ถึงว่าในตอนสุดท้าย ผู้นำตระกูลมู่เองก็จะสวนกลับเอาคืนในแบบเดียวกัน

สินสอดทองหมั้นจากตระกูลมู่ไม่เล็กน้อยอย่างแน่นอน… ถ้าหากสินสอดทองหมั้นจากทางราชวงศ์มาแบบตระหนี่ถี่เหนียวละก็ มันคงจะดูไม่เข้าท่า

ซวนหยวนจือเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น  เหมืองวิญญาณแห่งเดียวในแคว้นจื่อเยี่ยของข้า ให้เป็นสินสอดแก่เจ้า เป็นเช่นไรล่ะ ? 

 ฝ่าบาท! 

โอวหยางจื่อโพล่งออกมา กรุ่นโกรธแทบลมจับ เขาอยากได้สิทธิ์ในการขุดหยกที่เหมืองวิญญาณแห่งนี้มาแต่ไหนแต่ไร ก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์นั้น มาวันนี้ซวนหยวนจือจะยกเหมืองวิญญาณแห่งนั้นให้เป็นสินสอดแก่มู่เฉียนซี

มู่เฉียนซี  เช่นนั้นตกลง! พรุ่งนี้ตอนที่ข้านำสินสอดเข้ามาส่งมอบที่วังหลวง ขอให้ฝ่าบาทมอบโฉนดที่ดินของเหมืองวิญญาณให้แก่ลูกน้องของข้า วันนี้ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อย เช่นนั้นขอตัวก่อน! มู่เฉียนซีถือพระราชโองการไว้ นางกลับออกไปโดยไม่สนใจสีหน้ายับยู่ยี่ของซวนหยวนจือ

 พี่ใหญ่!  เยวี่ยเจ๋อร้องเรียกก่อนจะตามนางออกไป

หลังจากออกจากวังหลวงมา มู่เฉียนซีก่นด่าอยู่บนรถม้า ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เอ๊ย! บังคับขายลูกชายหน้าด้าน ๆ แล้วยังมีการเปลี่ยนผู้ที่จะถูกขายอีก เล็งเป้าที่ข้านักนะ อยากตายรึอย่างไร ?! 

เยวี่ยเจ๋อจ้องมองมู่เฉียนซี  ไม่เป็นไรนะพี่ใหญ่ 

มู่เฉียนซี  อืม ข้าไม่เป็นไร วันดี ๆ ของเขานั้นเหลืออีกไม่มากหรอก หากเขาอยากเล่นกับข้านัก ข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนเขาเอง ข้าแค่ไม่ชอบการที่เขาขายบุตรชายอย่างไร้ยางอายเท่านั้น 

เมื่อมู่เฉียนซีกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ก็พบว่าจิ่วเยี่ยยืนอยู่ในห้องของนาง ภายใต้แสงจันทร์ส่องเป็นประกาย ร่างสูงยาวกอปรกับเงาที่ทอดจากร่างจิ่วเยี่ยลงมานั้นดูมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ดวงตาสีฟ้ายังคงเยือกเย็นอย่างเคย เขามองมาที่นาง กล่าวขึ้น  เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า เป็นว่าที่ชายา 

มู่เฉียนซีพึมพํา  ซวนหยวนจือประกาศพระราชโองการเร็วเสียเหลือเกิน เหอะ! 

 จิ่วเยี่ย เจ้าอย่าได้คิดจริงจังกับพระราชโองการนั้นเลย ซวนหยวนจือขายบุตรชายตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าเองเพิ่งเคยเจอฮ่องเต้ประเภทนี้เป็นครั้งแรก  มู่เฉียนซีกล่าวพลางเตรียมเผาราชโองการนั้น แต่… แขนของนางกลับถูกจิ่วเยี่ยคว้าเอาไว้

 อย่าเผา… ต่อไปนี้ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้า  เสียงนุ่มนวลผิดไปจากเคยกล่าวออกมา ดวงตาสีฟ้าราวน้ำแข็งจับจ้องมู่เฉียนซีอย่างตั้งใจ

มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  ช้าก่อนจิ่วเยี่ย เจ้าคงจะไม่ได้เชื่อซวนหยวนจือแล้วจะแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่ ? 

แม้ว่าจิ่วเยี่ยนั้นจะเคยช่วยเหลือนางมาหลายครั้ง ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายนาง แต่สำหรับเรื่องแต่งงานกับเขา มันเป็นเรื่องที่นางไม่เคยคิดฝันมาก่อน สําหรับนาง การสัมผัสกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงมีความเกี่ยวข้องต่อการแต่งงานโดยตรง ฝันร้ายเมื่อก่อนหน้านั้นที่นางได้ลืมไปแล้วกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาดำของมู่เฉียนซีดูลึกล้ำ เปรียบได้เหมือนกับตาของงูและแมงป่องที่เยือกเย็น ทำให้จิ่วเยี่ยเองก็เกิดอาการตกใจขึ้นมาเล็กน้อย

 เป็นคู่หมั้นของข้า เช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรเจ้าอีกแล้ว ไม่ดีหรือ ?  เขาตอบกลับ …แท้จริงแล้วเขาคิดเปลี่ยนวิธีการปกป้องนางให้ครอบคลุมขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

มู่เฉียนซียิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวขึ้น  หึ ๆ ก็ดี แม้ตอนนี้จะไม่มีทางเลิกล้มการหมั้น แต่ต่อไปนี้มีองค์ชายจิ่วเยี่ยที่เป็นคู่หมั้นคอยคุ้มหัวอยู่ก็ไม่เลวเลย! เช่นนั้นต่อไปก็ต้องขอให้เจ้าช่วยดูแลข้าแล้ว กรุณาด้วย 

แม้น้ำเสียงของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะดูไม่ระวังปากระวังคำ เหมือนนางกำลังพูดล้อเล่น แต่อันที่จริงนางยอมรับว่าเขามีคุณสมบัติเป็นคู่หมั้นของนางได้อย่างแท้จริง

จิ่วเยี่ยรู้สึกดีอยู่เช่นกัน พยักหน้าเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ  ว่าที่ภรรยาของข้า แน่นอนว่าข้าต้องดูแลเป็นอย่างดี 

มู่เฉียนซีถามขึ้น  อื้ม จิ่วเยี่ย ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ ? 

 ไม่มี ข้าได้ยินข่าว เพียงแค่แวะมาเท่านั้น  จิ่วเยี่ยกล่าว ไม่รู้เพราะเหตุใดเช่นกันแต่กลิ่นอายความเยือกเย็นแผ่ออกมาจากกายเขาอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ใช่อยากจะแผ่ความเยือกเย็นใส่สตรีตรงหน้า ทว่าบางทีมันเป็นไปเอง

 วันนี้ข้าถูกซวนหยวนจือวางแผนกลั่นแกล้ง ต่อไปนี้ข้าจะเอาคืนเขาให้หนัก ถ้าข้าทำเช่นนั้น ไม่ได้กระทบอะไรกับเจ้าใช่หรือไม่ ?  มู่เฉียนซีขมวดคิ้วถามขึ้น

หากว่าวันนี้ ซวนหยวนจือมิได้พระราชทานงานสมรสให้แก่นาง นางคงลืมไปแล้วว่าจิ่วเยี่ยเองก็เป็นโอรสของเขา

.

 

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Status: Ongoing

นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัส จนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท