จวินโม่ซียื่นมือ ชี้ไปทางมู่เฉียนซี ตอนนี้นางดูแลเขาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่การกิน แน่นอนเขาต้องเป็นคนของนาง อันตัวเขาคิดเช่นนี้ แต่ผู้อื่นกลับคิดไปในทางผิด ๆ
คำพูดเขามันทำให้คนเข้าใจผิดง่ายนักมิใช่หรือ ?
ใบหน้าที่ดูภาคภูมิของมู่หรูอวิ๋นพลันแข็งทื่อไป สตรีขี้โอ่จอมโอ้อวดไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เป็นเพราะเหตุใดกัน ? เหตุใดราชาโอสถถึงได้ฟังคำพูดของมู่เฉียนซี ? มู่เฉียนซียิ้มกรุ้มกริ่ม กล่าวตอบ มู่หรูอวิ๋น สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนมันจะตรงข้ามกัน ต่อให้มู่หรูเหยียนสามารถปรุงยาระดับสามออกมาได้ มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาข้า แม้ให้นางมาถือรองเท้าของข้าก็ยังไม่คู่ควร จวินโม่ซี หากเจ้ารับหญิงเช่นนี้มาเป็นลูกศิษย์ ข้าคงต้องเลิกคบค้าสมาคมกับเจ้าแน่นอน
จวินโม่ซียักไหล่ เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีทางเลือกแล้ว มู่หรูเหยียน ข้าไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ อ่า… ฮือ ๆ ๆ มู่หรูเหยียนร้องไห้เสียงเบา
จิ่งเหลียงฮุยรีบรุดเข้าไปจับไหล่นาง กล่าวปลอบใจ หรูเหยียน เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย พรสวรรค์เจ้ามีมากขนาดนี้ ต่อให้เป็นเจ้า สำนักก็รับเจ้าเป็นลูกศิษย์ได้ การเป็นลูกศิษย์ของราชาโอสถ ไม่ได้พิเศษอะไรเลย
— ปัง! —
ในตอนนั้นเอง จวินโม่ซีลงมืออย่างกะทันหัน เตะจิ่งเหลียงฮุยตกลงทะเลสาบในทีเดียว ปากก็กล่าวไม่พอใจ ข้าเกลียดที่สุด เจ้าพวกที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจนักหนา ช่างกล้าพูดว่าภายภาคหน้าจะเก่งกว่าข้า ลบหลู่ข้าชัด ๆ!
— ตูม! —
จิ่งเหลียงฮุยตกลงไปในทะเลสาบที่มีน้ำเย็นยะเยือก เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ราชาโอสถทำเกินไปแล้ว! ใครใช้ให้เจ้าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด สมน้ำหน้า เจ้าสมควรโดนแล้ว!
เพียงชั่วครู่ ภาพชายที่ดูใจเย็นราวเทวดาหายไปในพริบตา บรรดาผู้คนรอบข้างเริ่มขมุบขมิบปากซุบซิบกัน กล่าวกันว่านึกจะเตะใครก็เตะ ราชาโอสถคงโดนคนตระกูลมู่พาเสียคนซะแล้ว เหตุใดถึงได้รุนแรงเพียงนี้ ในตอนนี้เอง ใบหน้าแก่ชราของปรมาจารย์เผิงเผยรอยยิ้มอันสดใสขึ้นมา ก้าวเดินเข้าไปหามู่เฉียนซี กล่าวขึ้นเสียงเบาทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำ ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าลองมองดูข้าสิว่าเหมาะหรือไม่เหมาะเป็นลูกศิษย์ของท่านราชาโอสถ มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม ปรมาจารย์เผิง ท่านเฒ่าชราปานนี้แล้วยังนึกคิดจะมาเป็นลูกศิษย์ของเจ้าเด็กนี่ ไม่ละอายแก่ใบหน้าอันเหี่ยวชราบ้างหรือ ? ปรมาจารย์เผิงกล่าวอย่างใจเย็น ในโลกแห่งการปรุงโอสถของพวกเรา ไม่เกี่ยงอายุมากน้อย จะมองก็แต่เพียงความสามารถเป็นหลัก ฉะนั้นแล้วตัวข้าผู้ชรามิได้รู้สึกละอาย แค่เพียงท่านราชาโอสถชี้แนะเพียงเล็กน้อย แม้ข้าตายไปก็คงไม่เสียดายอะไร
มู่เฉียนซี อันที่จริง หากท่านต้องการคำแนะนำจากราชาโอสถก็อาจเป็นไปได้ ขอเพียงท่านละทิ้งการเป็นหัวหน้านักปรุงยาของราชวงศ์แล้วมาทำงานที่ตึกกุ่ยอีของข้า หอหมอปีศาจของนางมีนักปรุงยาน้อยมาก แต่กิจการนับวันเฟื่องฟูยิ่งขึ้น หากหาคนมาทำงานได้ก็คงดีไม่น้อย แม้ตาเฒ่าผู้นี้จะอายุมากไปเสียหน่อย พรสวรรค์ในการปรุงยาก็ไม่สูง แต่ในเรื่องของประสบการณ์นั้นนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว มิเช่นนั้นคงไม่ได้เป็นถึงนักปรุงยามือหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ยเช่นนี้ ซวนหยวนหลี่ซางโกรธขึ้ง มู่เฉียนซีเจ้าโอหังนัก! กล้าที่จะขุดตีนกำแพงเชื้อพระวงศ์อย่างเรา
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวสำทับ ใช่ ๆ ๆ! มู่เฉียนซี เจ้าเป็นคู่หมั้นของน้องเก้าซวนหยวนจิ่วเยี่ย กลับมาสนิทกับคนภายนอกไปทั่ว สนิทสนมกับราชาโอสถมากเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวจะเสื่อมเสียเกียรติราชวงศ์ ทำให้องค์ชายเก้าไม่พอใจบ้างหรือไร ?
น้ำเสียงของมู่เชียนซีเย็นชา เยี่ยอ๋องไม่ว่าอะไร ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหลี่อ๋องเลย ทางที่ดีท่านสงบปากสงบคำเสียดีกว่า
ใบหน้าของซวนหยวนหลี่เทียนเผือดซีด ประเดี๋ยวประด๋าวก็เปลี่ยนกลายเป็นสีม่วง สีบนใบหน้าของเขาชัดเจนกว่าจานที่ลงสีวาดลวดลายเสียอีก เขาส่งเสียง ‘หึ!’ อย่างเย็นชาก่อนจะกล่าว มู่เฉียนซี เจ้าไม่รู้จักกลัวตายเช่นนี้ ระวังไว้จะตายไม่รู้ตัว เวลานี้ปรมาจารย์เผิงรีบกล่าวขึ้น กลัวเหตุการณ์จะบานปลาย ข้ารับปาก ข้ารับปาก! เดี๋ยวข้ากลับวังไปจะยื่นฎีกาขอลาออกแก่ฝ่าบาท ใบหน้าซวนหยวนหลี่ซางซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม โกรธจนควันออกหู ปรมาจารย์เผิง ตึกกุ่ยอีเป็นเพียงแค่หอหมอยาเล็ก ๆ ที่ตระกูลมู่เปิดขึ้นมาก็เท่านั้น ยาทั้งหมดที่ขายล้วนไม่ใช่ยานิยมกัน เหตุใดท่านต้องลดตัวลงไปอยู่ในที่ต่ำเช่นนั้นด้วยเล่า ?
ปรมาจารย์เผิงโบกมือ กล่าวว่า ตึกกุ่ยอีที่มีราชาโอสถอยู่นั้น มิใช่แค่เพียงหอหมอยาเล็ก ๆ กระจอกงอกง่อย องค์รัชทายาท ข้าตัดสินใจแล้วไม่เปลี่ยนใจ
ซวนหยวนหลี่ซางโกรธจัด โกรธจนมิรู้จะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ ไอสังหารแผ่ออกจากกาย เวลานี้เขาต้องการฆ่าคน… มีคนมาขุดเอาผู้ที่เป็นนักปรุงยาของราชวงศ์ซึ่งเป็นของรักของหวงไปต่อหน้าต่อตา เขาต้องการฆ่าคน!
…เมื่อเสด็จพ่อออกจากด่าน เสด็จพ่อจะไม่ปล่อยเขาไปเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าว เช่นนั้นปรมาจารย์เผิงรีบไปรายงานตัวที่ตึกกุ่ยอีเถอะ ข้าจะไปก่อน พวกเจ้าค่อย ๆ สนุกกันไปแล้วกัน มู่เฉียนซีกล่าวจบรีบลากจวินโม่ซีออกไป วงสนทนาจบลงไปแล้ว ขี้คร้านจะอยู่ต่อ นางจะรีบกลับจวนเพราะในใจนาง ยิ่งนานเข้ายิ่งกระวนกระวาย
จวินโม่ซีกล่าวขึ้น ข้าจะกลับไปที่ตึกกุ่ยอี ข้าจะไม่กลับไปที่จวนสกุลมู่กับเจ้า
กลับไปจวนสกุลมู่กับข้าก่อนเถอะ ข้าอยากให้เจ้าไปดูขาของท่านอาเล็กให้ข้า มู่เฉียนซีลากเขาออกไปอย่างไม่เกรงใจ
ในดวงตาของท่านอเล็กที่โดนพิษนั้น นางพอมีวิธีรักษาได้ แต่ว่าขาสองข้างที่โดนพิษมายี่สิบกว่าปี นางกลับหาวิธีรักษาไม่ได้ หวังว่าราชาโอสถผู้นี้จะสามารถมองเห็นหรือหาวิธีใดได้บ้าง
เมื่อกลับถึงจวน พบว่าที่จวนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อมู่เฉียนซีเข้าไปที่เรือนอวู่โยว มองเห็นเก้าอี้แตกหักมีรอยโลหิตเปื้อนเปรอะ ใบหน้าแววตานางเผยความสงสัยอย่างมากขึ้นมาทันที
นางตะโกนขึ้นว่า… มู่อี! — ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
องครักษ์เงาตระกูลมู่ปรากฏขึ้นมาทั้งหมด เมื่อเห็นฉากตรงหน้าก็อึ้งงันไป
นายท่านสาม… เขา…
ขอท่านผู้นำตระกูลโปรดอภัยให้ด้วยเถอะ ข้าน้อยทำการอารักขาบกพร่อง…
มีคนเข้ามาในจวนสกุลมู่ จับท่านอาเล็กไปโดยไม่มีใครรู้ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องเป็นระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ หรือไม่ก็จักพรรดิวิญญาณเป็นแน่ มู่เฉียนซีขมวดคิ้วแน่น แต่ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม ให้ระดมสายข่าวทั้งหมดของตระกูลมู่ ตามหามันให้เจอ!
บัดนี้สตรีผู้นำตระกูลมู่ยืนมองภาพตรงหน้า ในใจคิดเคืองแค้น ชุดผ้าแพรไหมสีม่วงปลิวพลิ้วตามลม ใบหน้าดวงตางามฉายแต่เพียงความเย็นชา เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
เป็นครั้งแรกที่คนนอกตระกูลผู้ซึ่งเอาแต่สนุกสนานอย่างจวินโม่ซี และยังมีมู่อีทำสีหน้าน่ากลัวเช่นนี้ …ใช่! พวกเขาก็โกรธไปด้วยกันกับนาง
จวินโม่ซีกล่าวเสียงเบา มู่เฉียนซี ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อฆ่าสังหารโดยตรง เช่นนั้นหมายความว่าพวกนั้นต้องหวังผลอันใดสักอย่าง เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย
มู่เฉียนซีคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในห้องปรุงยา ขณะเดียวกันกล่าวว่า หากได้ข่าวให้รีบบอกข้า ข้าจะไปเตรียมตัวสักหน่อย ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องอาเล็กของข้า ข้าต้องให้พวกมันชดใช้อย่างสาสม
เดิมทีจวินโม่ซีต้องการดูมู่เฉียนซีปรุงยาในห้อง พอเห็นนางหยิบยาพิษออกมามากมาย ในใจเขาพลันคิดกลับกันว่าไม่ควรไปยุ่มย่ามจะดีกว่า
……
ยามราตรีมาเยือน คุณชายใหญ่แห่งตระกูลโอวหยาง—โอวหยางจื่อ ก็ได้เข้ามาเยือนจวนสกุลมู่อย่างอุกอาจ
ให้มู่เฉียนซีมาพบข้า
นายท่าน ด้านนอกของห้องยา เสียงของมู่อีดังขึ้น
มู่เฉียนซีโบกมือ เก็บยาพิษที่ตัวเองปรุงขึ้นมาใหม่ ดวงตาของนางแฝงความเย็นชาฉายชัดไม่ปกปิด ก่อนจะกล่าวออกมา ตระกูลโอวหยาง
ครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ได้ละเลยโอวหยางจื่อ เมื่อรู้ว่าโอวหยางจื่อมา นางปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันทีจนเขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ทว่าไม่มากพอที่จะให้เขากล้าแสดงมันออกมา
ทันใดนั้นคู่ของนิ้วมือบาง ๆ บีบคอเขาไว้แน่น เสียงเยียบเย็นลอยเข้ามาในหูของเขา ท่านอาของข้าอยู่ที่ไหน ?! …พวกเจ้าตระกูลโอวหยางกล้าแตะต้องท่านอาเล็กของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร ?!
แค่ก ๆ ๆ!
มู่เฉียนซีเริ่มลงแรงบีบหนักขึ้นอย่างโหดเหี้ยม หากเขาหมดลมหายใจนางไม่สน
สีหน้าโอวหยางจื่อเริ่มเขียวคล้ำ เขาไอไม่หยุด พยายามกล่าวอย่างยากลําบาก หากเจ้าไม่อยากให้มู่อวู่ซวงตาย ก็ปล่อยมือซะ!