คืออย่างนี้พี่ใหญ่ ภารกิจปลายเทอมของนักเรียนหลายคนในสำนักศึกษาแคว้นชิงคือการมาแคว้นจื่อเยี่ยเพื่อประลองฝีมือกับพวกเรา เป็นผลให้ไม่มีใครในห้องเรียนระดับสูงเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ พวกเราถูกโจมตีพ่ายแพ้ยับเยิน เยวี่ยซู่เล่า
แคว้นจื่อเยี่ยเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ เท่านั้น ความแข็งแกร่งของแคว้นชิงแข็งแกร่งกว่ามาก ดังนั้นความแข็งแกร่งของนักเรียนจากสำนักศึกษาแคว้นชิงจึงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
พี่ใหญ่ต้องช่วยสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเราให้ได้นะ!
รองอาจารย์ใหญ่รีบกล่าวสำทับ ใช่! นักเรียนมู่เฉียนซี สำนักศึกษาแคว้นชิงมาที่สำนักศึกษาของพวกเราทุกปลายเทอมเพื่อทําให้พวกเราอับอายขายหน้า เจ้าต้องช่วยล้างอายให้สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเราให้ได้ หากวันนี้ทำให้พวกมันวิ่งหนีไปได้ ข้า รองอาจารย์ใหญ่จะเพิ่มคะแนนปลายภาคให้เจ้า
ชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีมองใบหน้ามู่เฉียนซี กล่าวว่า ข้า เหวินตี๋เฟยจากสำนักศึกษาแคว้นชิง ได้ยินข่าวมาว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากเจ้า
ในเวลานี้ นางเพิ่งจะฝึกจนถึงจุดสูงสุดของจอมภูตระดับหนึ่ง ในเมื่อมีคู่ฝึกซ้อมมาหาถึงที่ มู่เฉียนซีจะไม่เกรงใจแล้ว
ร่างสีม่วงปรากฏประหนึ่งมาเพียงแวบ ๆ พริบตาเดียวมู่เฉียนซีก็ขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างสง่างาม ดวงตาดําขลับจ้องมองเหวินตี๋เฟย นางกล่าวว่า… ข้า มู่เฉียนซี สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย
เหวินตี๋เฟยเหลือบมองมู่เฉียนซี คุณหนูตระกูลมู่ เมื่อข้าเริ่มการต่อสู้ ข้าจะไม่เห็นเจ้าเป็นสาวงามและจะลงมืออย่างเต็มที่ ดังนั้นเจ้าเอาอาวุธออกมาก่อนเถอะ
มู่เฉียนซีไม่อยากสนใจ นางกล่าววาจาเย็นชา อาวุธของข้า ข้าจะใช้มันเองเมื่อถึงเวลา เจ้าลงมือสิ
เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว ทันทีที่เหวินตี๋เฟยกล่าวจบ พลังอันมหาศาลปกคลุมลงมา
จอมภูตระดับสาม พลังต่างจากอวิ๋นซินหรานและซวนหยวนชิงอวิ๋นไม่เท่าไหร่ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยถึงถูกเขากวาดล้างออกไป ทุกคนรู้ว่าอวิ๋นซินหรานพ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซี ดังนั้นทุกคนจึงมีความมั่นใจในตัวนางมาก
เมื่อเหวินตี๋เฟยเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีหลบหลีกได้ราวกับนางเป็นควัน เขาตกใจเล็กน้อย โอ้! รวดเร็วยิ่งนัก
รับกระบวนท่าของข้าให้ดี! …มังกรสังหาร!
มู่เฉียนซีไม่หลบหลีกแต่อย่างใด มืองดงามของนางขยับ ปากก็ตะโกนเสียงเย็นชาตามแบบฉบับของนาง ผนึกมังกรวารี!
พลังธาตุวารีอันมหาศาลพุ่งเข้าใส่เหวินตี๋เฟย
— ปัง! —
เหวินตี๋เฟยจำต้องถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าของเขาหม่นลงก่อนจะกล่าววาจาประชดประชัน เหอะ! จอมภูตระดับหนึ่ง จอมภูตธาตุวารี ดูเหมือนว่าราชสำนักแห่งแคว้นจื่อเยี่ยจะมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว …แต่ถึงกระนั้น ถ้าอยากเอาชนะข้าก็คงยังไม่พอ!
เหวินตี๋เฟยดึงดาบยาวของเขาออกมา แสงดาบเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง
ทุกคนอุทานอย่างตระหนกตกใจ มู่เฉียนซีระวังตัวด้วย!
พี่ใหญ่…
แสงสีฟ้าวาบขึ้น น้ำจากพลังวารีกระจายไปรอบตัวมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกัดริมฝีปาก กล่าวอย่างหงุดหงิด บุปผาหลั่งสายฝน!
เหวินตี๋เฟยมีปราณดาบที่น่าหวาดกลัว ขณะที่ธนูวารีของมู่เฉียนซีทั้งมากทั้งถี่
ทั้งสองปะทะกัน พลางหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
หลังจากที่การโจมตีนี้ตกลงมา ร่างสองต่างครอบครองอีกฝั่งของเวทีประลองยุทธ์ สภาพของเจ้าหนุ่มแคว้นชิงนั้น เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว มีรูขาดหลายรูบนเสื้อคลุมของเขา ในขณะที่เสื้อคลุมของมู่เฉียนซียังคงเหมือนเดิม
มู่เฉียนซีค่อย ๆ กล่าวออกมาสามคํา เจ้า แพ้ แล้ว
เหวินตี๋เฟยกําด้ามกระบี่แน่น กล่าวว่า ข้าจะแพ้จอมภูตระดับหนึ่งได้อย่างไร ? เจ้าพูดไร้…
— ปัง! —
ขณะนั้นเขารู้สึกว่าดวงตาของเขามืดลง ก่อนที่ร่างจะล้มลงบนเวทีประลองยุทธ์ด้วยสภาพที่ร่างกายชาจนขยับไม่ได้ เขาเบิกตากว้าง คิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?
‘เป็นอย่างไรล่ะจอมภูตระดับสามผู้เย่อหยิ่ง ? เหอะ!’ มู่เฉียนซีสุดเซ็ง เขาผู้นี้ไม่ได้ช่วยให้นางพัฒนาความแกร่งอะไรเลย นางสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่กําลังดูการแข่งขันครั้งนี้อยู่ คาดว่าทางสำนักศึกษาแคว้นชิงน่าจะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้มา ดังนั้นนางจึงจัดการเจ้าหมอนี่อย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็เพียงรอให้ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ด
เดาไว้ไม่มีผิด ต่อมามีเงาร่างสีม่วงไม่ต่างจากมู่เฉียนซีมาปรากฏกายบนเวทีประลองยุทธ์ของสำนักศึกษา เขาผู้นี้เป็นอีกหนึ่งบุรุษแคว้นชิง เขาเหลือบมองเหวินตี๋เฟยก่อนจะกล่าวดูแคลน อาเฟย เจ้าประมาทข้าศึกไปเสียแล้ว สตรีผู้นี้รับมือได้ยากนัก
บุรุษในชุดม่วงดูหล่อเหลาเอาการ เขามองใบหน้ามู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์
สตรีผู้นี้คงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย ผู้นําตระกูลมู่มู่เฉียนซี ฉินเทียนอี้จากสำนักศึกษาแคว้นชิงมาขอคำชี้แนะ
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเรียบ อย่าพูดจามากความ ลงมือเถอะ
เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า เขาก้าวออกมาด้วยอำนาจแรงกดดันอันแข็งแกร่ง
ทุกคนตะลึงตาค้าง จอมภูตระดับสี่ เสียสติไปแล้ว! ดูแล้วอายุเพียงยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองเท่านั้น กลับฝึกได้จนถึงขั้นนี้
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังตกอยู่ในอันตราย แล้ว… แล้วความแตกต่างมีมากถึงสามระดับขั้น โอ้! นางจะเอาชนะเขาได้หรือไม่ ?
เมื่อเห็นว่าเสียงผู้คนดังเกินไป จู่ ๆ เยวี่ยซู่กล่าวเตือนขึ้นมา พวกเจ้าทุกคนเงียบ ๆ ไปได้แล้ว พี่ใหญ่ของข้าไม่เคยแพ้ ระดับสามแล้วอย่างไร ? อีกเดี๋ยวถู ๆ ไถ ๆ ไปก็ได้เลื่อนระดับขั้นทันที
อ่า… เยวี่ยซู่ มู่เฉียนซีเป็นพี่ใหญ่ของพี่ชายเจ้า ดูเหมือนว่านางจะไม่ใช่พี่ใหญ่ของเจ้า ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้น
พี่ใหญ่ของพี่ชายข้าก็เป็นพี่ใหญ่ของข้าด้วยไม่ใช่หรือ ? พวกเจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน ?
— ตูม! —
ทว่าฉินเทียนอี้แข็งแกร่งกว่าบุรุษแซ่เหวินผู้นั้นมาก พลังทั้งสองปะทะกัน แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็ถอยหลังไปหลายก้าว
สถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายอย่างมาก ผู้ชมทุกคนรู้สึกประหม่าขึ้นมา บางคนลุ้นจนมือขยุ้มเสื้อคลุมยับยู่ยี่
ผนึกมังกรวารี!
เมื่อมังกรวารีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เข็มยานับไม่ถ้วนก็ลอยออกไปด้วย ฉินเทียนอี้เห็นดังนั้น เร่งปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมาสู้ เขาสะบัดเข็มยาที่ลอยเข้ามาใกล้ออกก่อนจะกล่าวว่า เมื่อครู่นี้เจ้าฉวยโอกาสอาศัยสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้เอาชนะอาเฟยโดยไม่รู้ตัวได้ เสียใจด้วย มันไม่มีประโยชน์ต่อความแข็งแกร่งของข้า!
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ จริงรึ ?
เข็มยาที่กระเด็นออกมาจากการโจมตีเขา พลันระเบิดเข็มพิษขนาดเล็กนับไม่ถ้วนออกมา เข็มเล็กจิ๋วพลันพุ่งตรงไปที่เขา
— ตูม! —
เสียงหนึ่งดังขึ้น พลังวิญญาณบนร่างของฉินเทียนอี้ก่อตัวกลายเป็นกระแสน้ำวน ในสถานการณ์คับขันนี้ มันไปขวางเข็มเล็ก ๆ เหล่านั้นไว้ได้
มู่เฉียนซี มันจบแล้ว กระบวนท่านี้ของเจ้ามันไร้ประโยชน์สําหรับข้า!
บุปผาหลั่งสายฝน!
มู่เฉียนซีไม่ยอมแพ้ ปล่อยพลังธาตุวารีนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ฉินเทียนอี้
หากเจ้าไม่แพ้ เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าจบ
— ปัง! —
เงาร่างสองร่าง พละกําลังสองฝั่ง ปะปนกันบนเวทีประลองยุทธ์ ขณะที่กําลังต่อสู้กันอยู่ ทุกคนพบว่าลมปราณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งขึ้น
จอมภูตระดับสอง นางทะลวงผ่านแล้ว!
พวกเขาตบบ่าเยวี่ยซู่ ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า เยวี่ยซู่ เจ้าเองก็เก่งเกินไปแล้ว ถึงกับเดาออกว่ามู่เฉียนซีอีกประเดี๋ยวก็จะได้เลื่อนระดับขั้น
ฉินเทียนอี้ เหอะ! แค่เพียงระดับสองเท่านั้น คนแพ้ยังคงเป็นเจ้า!
วารีสะท้านสวรรค์!
มังกรวารีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันพุ่งเข้าใส่ฉินเทียนอี้อย่างรุนแรง
เลือดสด ๆ ไหลออกจากมุมปากฉินเทียนอี้ เขารีบกลืนยารักษาอาการบาดเจ็บก่อนจะกล่าวว่า เจ้านี่ไม่เลวเลย ต่อสู้ข้ามถึงระดับสองและยังสามารถรักษาไว้ให้คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่าการสิ้นเปลืองของจอมภูตระดับสองนั้นจะมากกว่าการสิ้นเปลืองพลังของข้า เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องแพ้อย่างแน่นอน
ฮ่า ๆ ๆ เจ้าโง่นี่เลือกที่จะแข่งการสิ้นเปลืองพลังกับพี่ใหญ่ รอวิ่งชนกำแพงฆ่าตัวตายได้เลยเจ้าโง่จากแคว้นชิง
จะมาแข่งการสิ้นเปลืองพลังกับมู่เฉียนซีที่กินยาฟื้นฟูพลังแทนข้าว จุดจบฉินเทียนอี้ต้องเป็นเรื่องเศร้าแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวกับฉินเทียนอี้ด้วยใบหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ได้! เช่นนั้นมาดูกันเถอะว่าพลังวิญญาณของใครจะหมดก่อนกัน
.