เสียงที่เย็นยะเยือกดังก้องออกมาในทันใด
เจ้าสัตว์ผีต่ำช้า กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายหลานสาวของมู่อวู่ซวงผู้นี้! ดวงตาสีม่วงเงินคู่นั้นของมู่อวู่ซวง นำพามาซึ่งบรรยากาศเย็นยะเยือกราวกับว่าจะเปลี่ยนให้สถานที่แห่งนี้เป็นนรกภูมิ
ท่านอาเล็ก! มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตระหนกตกใจ
นางเป็นคนใช้ยาบังคับให้ท่านอาแกล้งตาย ทว่าท่านอากลับสามารถระงับยานั้นได้และฟื้นขึ้นมาเช่นนี้
พลังนี้… ใช่แล้วพลังนี้… เป็นเจ้า! ฮ่า ๆ ๆ ขอเพียงแค่ข้าได้กินเจ้าเท่านั้น ข้าก็จะทรงพลังยิ่ง! พลังของข้าจะแข็งแกร่ง จะไม่มีใครเทียบข้าได้อีกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
สัตว์ประหลาดหยุดการโจมตีมู่เฉียนซีก่อนจะหันไปสนใจมู่อวู่ซวงแทน มันจ้องมู่อวู่ซวงอย่างละโมบ
จี๋ซ่านเบิกตากว้าง กล่าวว่า อ๊า! นายท่าน พลังที่นายท่านรับรู้ได้นั้นมิใช่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยหรอกหรือ แต่เป็นมู่อวู่ซวงผู้นี้หรอกรึ ? เป็นไปได้อย่างไร ?!
ใช่มันผู้นี้ มันผู้นี้แหละที่ข้ารู้สึกไม่ผิดแน่!
สัตว์ประหลาดตนนี้มองมู่อวู่ซวง น้ำลายไหลย้อยมุมปากลงมา ช่างน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง กล่าวจบมันก็พุ่งตรงเข้าหามู่อวู่ซวงทันที
— ตูม! —
พลังที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากร่างของมู่อวู่ซวง พุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดนั่นทันที มันหลบหนีได้ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างลำพองตน
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ผนึกของเจ้าถูกแก้ได้เพียงครึ่ง พลังของเจ้ายังอ่อนแอนัก ขาทั้งสองของเจ้ายิ่งไร้ประโยชน์ แล้วเยี่ยงนี้มันจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร ข้าว่าเจ้ายอมเป็นอาหารอันโอชะให้ข้ากินเสียดี ๆ จะดีกว่า
ในขณะที่มือทั้งสองของมันกำลังจะจับมู่อวู่ซวง มู่อวู่ซวงกลิ้งตัวหลบไปได้ เนื่องจากขาทั้งสองข้างของเขามิสามารถขยับได้จึงทำให้เขามิอาจใช้พลังได้อย่างเต็มที่
มู่อวู่ซวงตะโกนขึ้น ซีเอ๋อร์ รีบหนีไปเร็ว!
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็รีบลุกขึ้นทันที แต่ในขณะนี้นั้น อาถิงหลับใหลไปแล้ว พลังความแข็งแกร่งของนางเป็นเพียงจอมภูติระดับหนึ่ง ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดตนนี้ได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็จะไม่ยอมให้ท่านอาเล็กของนางต่อสู้เพียงลำพังเด็ดขาด
โต้วอิ่ง รีบพาซีเอ๋อร์หนีไปเร็ว!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์ประหลาดระดับต่ำ ทว่าในแคว้นจื่อเยี่ยนี้ก็ยากที่จะมีคนมาต่อกรกับมันได้ สิ่งที่มู่อวู่ซวงทำได้คือถ่วงเวลาไว้เพื่อให้มู่เฉียนซีหนีไปก็เท่านั้น
ความตายมาเยือนเจ้าเช่นนี้แล้ว ยังจะคิดเป็นห่วงผู้อื่นอีกเรอะ ? สัตว์ประหลาดหน้าขนก้มลง พุ่งเข้าใช้ขาหน้าอัดมู่อวู่ซวงเข้าเต็มเปา
พรวด! มู่อวู่ซวงกระอักเลือดกบปาก
กลิ่นเลือดสดของมู่อวู่ซวงยิ่งทวีความละโมบของสัตว์ประหลาดตนนี้ มันอ้าปากกว้าง พุ่งเข้าหามู่อวู่ซวงอย่างไวว่อง เร็วเข้าเถอะ มาเป็นอาหารอันโอชะให้แก่ข้าผู้นี้… อา…
— ฟิ้ว! —
มู่เฉียนซีไม่นิ่งเฉย นางปล่อยเข็มพิษนับไม่ถ้วนเข้าใส่สัตว์ประหลาด
ระเบิด!
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เข็มพิษนั้นระเบิดที่แขนของมัน พลันเกิดหมอกควันสีขาวเข้าปกคลุมร่างของมันในชั่วขณะ หมอกสีขาวพิษร้ายแรงเช่นนี้ แน่นอนว่าหากเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ทว่านี่คือสัตว์ประหลาด มิใช่มนุษย์ตัวกระจ้อย จึงมีผลกระทบต่อมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มู่เฉียนซีรีบเข้าประชิดร่างมู่อวู่ซวง พยุงท่านอาเล็กไว้ กล่าวว่า ท่านอา รีบไปเถอะ!
เมื่อหมอกควันสีขาวสลายหายไป เงาร่างอันมหึมาเข้าปกคลุมทั้งสองไว้ สัตว์ประหลาดกล่าวขึ้นว่า จะหนีรึ ?! เหอะ! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หนีข้าไม่พ้น …มนุษย์หน้าโง่ ไปตายซะ!
พลังอันมหาศาลพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี นางกำลังตกอยู่ในอันตราย ดวงตาสีม่วงเงินของมู่อวู่ซวงในตอนนี้ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ เขาพร้อมที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องหลานรัก
ในตอนนั้นเองเสียงอันเยือกเย็นไร้ความปรานีดังขึ้นราวกับเสียงนรกโลกันต์ เจ้าตุ่นน้อย… คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำร้ายว่าที่พระชายาของข้า!
บุรุษชุดดำผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ในอากาศราวกับปีศาจยามรัตติกาล ชุดคลุมสีดำนั้นพลิ้วไสวตามสายลมที่พัดโชยไป ยามดึกสงัดเช่นนี้ เขาเปรียบเสมือนราชาแห่งความมืด ไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนเขาได้
จี๋ซ่านแค่นเสียง เยี่ยอ๋อง ในที่สุดก็มาจนได้
มู่เฉียนซีมองบุรุษที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้ายามรัตติกาล นางผงะไปครู่หนึ่ง ในใจพลันคิด
‘เขามาแล้ว!’
เจ้าตุ่นงั้นรึ! ต่อหน้าข้าเช่นนี้ มนุษย์เยี่ยงเจ้าต่างหากที่เป็นเจ้าตุ่น! สัตว์ประหลากกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ สองขาหน้าของมันพุ่งตรงไปที่จิ่วเยี่ย แต่ร่างสีดำอันเยือกเย็นนั้นสามารถหลบได้เสมือนว่าง่าย ๆ ทันใดนั้นพลังสะเทือนสวรรค์เข้าครอบคลุมร่างของสัตว์ประหลาดนี้ไว้
— ตูม! —
ภายในชั่วพริบตาเดียว ร่างของมันกระเด็นออกมานอกวิหารอย่างรุนแรง ร่างกระแทกกับยอดเขาจนเป็นรูใหญ่ หินจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากยอดเขา พลังของมันก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายระคนเย็นชา เขาขยับนิ้วเพียงเล็กน้อย ผนึกวิญญาณของสัตว์ประหลาดก็ออกมาจากร่างทันที มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่ง
อ๊า! ไม่! ม่ายยยย! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย
แสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาซวนหยวนจิ่วเยี่ย ไปตายซะ!
อ๊าก! เจ้าเป็นใครกันแน่ ? เหตุใดที่นี่ถึงได้มีพลังเช่นนี้อยู่ ?!
ไม่นานนักผนึกวิญญาณของสัตว์ประหลาดก็ถูกทำลายไปในทันที เสียงกรีดร้องคำรามดังสนั่นไปทั่วทั้งสำนักจี๋หั่ว
หัวหน้าสำนักจี๋หั่วอย่างจี๋ซ่าน เห็นเช่นนี้แล้วหวาดกลัวร่างสั่นเทิ้ม เดิมทีคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเซี่ยโจวมีเพียงจักรพรรดิแห่งภูติระดับเก้าเท่านั้น ต่อให้ซวนหยวนจิ่วเยี่ยแกร่งกล้าเพียงใด เขาก็เป็นได้เพียงจักรพรรดิแห่งภูต
ขวางมันเอาไว้ ขวางมันไว้! เขาต้องการให้ลูกน้องขวางจิ่วเยี่ยเอาไว้เพื่อที่เขาจะยื้อเวลาหนีเอาตัวรอด
ศิษย์ของสำนักจี๋หั่วหวาดกลัวจิ่วเยี่ยจนตัวสั่น แต่ด้วยคำสั่งเจ้าสำนัก พวกเขาจำต้องเข้าไปขวางอย่างระมัดระวังที่สุด แต่ในตอนนี้นั้น ดวงตาที่เย็นยะเยือกเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีเลือดแดงก่ำ เขาโบกมือเล็กน้อยเท่านั้น ทว่า…
— ตูม! —
เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุดลง ร่างของศิษย์สำนักจี๋หั่วกลายเป็นโครงกระดูกขาวภายในชั่วพริบตาเดียว
ปีศาจ! ปีศาจชัด ๆ! จี๋ซ่านเบิกตากว้างจนดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า เขามองจ้องบุรุษผู้ที่อยู่ตรงหน้า จู่ ๆ หน้ากากบนใบหน้าลดต่ำลงมา อา… น่ากลัว น่ากลัวจริง ๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าใบหน้าใต้หน้ากากนั้นจะมีลวดลายดั่งเถาวัลย์เช่นนี้ น่ากลัวยิ่งนัก!
ดุร้าย เหี้ยมโหด กระหายเลือดดั่งภูตผีปีศาจ ชวนให้ผู้คนตระหนกตกตื่น
มู่เฉียนซีเองก็ผงะไปครู่หนึ่ง จิ่วเยี่ย!
‘เหตุใดใบหน้าเขาถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ?’
นางเคยเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นของเขาแล้ว ใบหน้าของเขางดงามยิ่งนัก ไม่มีความน่าหวาดกลัวเช่นนี้
— ตูม! —
จิ่วเยี่ยดุจดั่งภูตผีปีศาจ สำนักจี๋หั่วทั้งสำนักพังทลายลง สำนักนิกายที่สง่างาม พระราชวัง ตำหนัก และหอคอยทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ภายในชั่วพริบตาเดียว ศิษย์ทั้งหมดของสำนักก็ได้กลายเป็นโครงกระดูก ตอนนี้คงจะไปรายงานตัวกับยมทูตแล้ว
นี่เป็นการฆ่าทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก แม้แต่มู่อีและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงตาค้างกันไปหมด พวกเขารีบรวมตัวกันไปปกป้องมู่เฉียนซีทันที
ความรู้สึกของพวกเขา เยี่ยอ๋องเปลี่ยนไปราวกับเป็นภูตผีปีศาจจากนรกภูมิ
เมื่อเขาจัดการกับคนพวกนั้นหมด เกรงว่าจะมาทำร้ายท่านผู้นำตระกูลมู่เฉียนซี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปกป้องท่านผู้นำตระกูลให้ดีไว้ก่อน
.