ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 123 เงาสีดำมืด

ตอนที่ 123 เงาสีดำมืด

ในตอนที่อันตรายอย่างที่สุดนี้ เสียงของอาถิงพลันดังลั่น

 หญิงโง่! ข้าพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถสังหารพวกมันได้กี่คนก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หลังจากที่ข้าลงมือ ข้าจะเข้าสู่ภาวะหลับใหลไปสักพัก เจ้าจงอย่าปล่อยให้ตนเองโดนคุมตัวได้ในตอนที่ข้าหลับอยู่ก็แล้วกัน 

มู่เฉียนซี  หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว รีบลงมือเร็ว ๆ เลย พวกมู่อีเอาไม่อยู่แล้วเจ้าไม่เห็นหรืออย่างไร ?! 

สายลมอันสะอาดสดชื่นพัดมา เพียงเวลาไม่นาน ทุกสิ่งอย่างรอบ ๆ ที่แห่งนั้นเสมือนเงียบสงบลง เงาสีม่วงของมู่เฉียนซีขยับตัว เข็มยาทั้งหมดก็พุ่งมุ่งตรงไปยังศัตรูที่แข็งแกร่งรอบด้าน

นางเหมือนกับยมทูตยามค่ำคืนไม่มีผิด ร่างสีม่วงเริ่มคร่าชีวิตของคนเหล่านั้น

— ปัง! —

ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดถูกโจมตีจนถึงแก่ชีวิตในคราวเดียว แต่ประมุขแห่งสํานักนิกายเพลิงไฟกลับใช้พลังวิญญาณปกป้องร่างไว้ได้ทันท่วงที ตัวของเขานั้นไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใด ๆ เข็มยาของนางไม่สามารถเข้าไปใกล้ตัวของเขาได้เลย

เมื่อมู่เฉียนซีโจมตีอีกครั้ง กาลเวลาก็กลับมาเดินเป็นปกติเช่นเดิมแล้ว จี๋ซ่านมองเห็นนางเป็นแค่ผู้บำเพ็ญภูตกระจอก ๆ คนหนึ่ง แล้วยังกล้ามาออกไม้ลงมือกับเขาอีก

ไม่รอช้า เขาบันดาลโทสะตบพลังเข้าใส่นางฝ่ามือหนึ่ง

 รนหาที่ตายนัก! 

พลังจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิพัดผ่านมา มู่เฉียนซีรู้สึกว่าร่างกายและอวัยวะภายในของตนกำลังจะแตกสลาย

 พรวด!  นางกระอักเลือดออกมาคำโต

เงาสีเขียวครามเงาหนึ่งรุดมาป้องร่างมู่เฉียนซีที่ด้านหน้าของนาง ว่องไวปานสายฟ้าแลบ

— ปัง! —

เขาใช้ร่างกายของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีของจี๋ซ่านในครั้งนี้

เงาสีเขียวนั่นเหาะออกไปพร้อมกับมู่เฉียนซี จี๋ซ่านเองก็ถอยหลังไปสองสามก้าว เขากล่าวออกมาด้วยใบหน้าตกตะลึง  เป็นไปได้อย่างไร ?! ร่างกายของเจ้านั่น เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ ? 

แม้จะพูดไปเช่นนั้น เขาก็ไม่รู้เลยว่ายังจะมีสิ่งที่ทำให้เขาตะลึงได้มากกว่านั้นรออยู่อีกในตอนหลัง

เหล่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของเขาล้มลงกับพื้นไปทีละคน ๆ

— ฟุ่บ! ตุบ! ตุบ! —

ริมฝีปากของทุกคนเป็นสีม่วงราวกับว่าพวกเขาถูกวางยาพิษ

 สรุปแล้วเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเพียงชั่วพริบตา พวกเขาเหล่านั้นโดนพิษเข้าเสียทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถที่จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างนั้นรึ ? 

คู่ต่อสู้ตรงหน้าอยู่ดี ๆ ก็ล้มลงเสียดื้อ ๆ อู๋ตี้กับเสี่ยวหงรีบมากำบังที่หน้าร่างกายของผู้เป็นนายที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ขณะที่ร่างของจวินโม่ซีขยับอย่างฉับพลันไปล้อมอยู่ด้านหลังของจี๋ซ่าน

เขายิ้ม กล่าวขึ้น  พวกผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิของสำนัก พวกเจ้าโดนวางยางไปหมดแล้ว แค่ข้าจัดการเจ้าสำเร็จ ภารกิจของข้าก็เสร็จสิ้น กินดีอยู่ดีแล้ว 

 นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?  จี๋ซ่านรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน มู่เฉียนซีลุกขึ้นช้า ๆ พลางเช็ดเลือดที่มุมปากของนางก่อนจะกล่าวว่า…  ถ้าเจ้าอยากรู้ เจ้าไปลงนรกก่อน แล้วค่อยไปถามพญายมเอาเถอะ!  กล่าวไปเช่นนั้นแล้ว มู่เฉียนซีคว้ายาออกมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน ขณะเดียวกันนางก็แบ่งให้ชิงอิ่งไม่น้อยเลย

นางกล่าวกับชิงอิ่ง  ชิงอิ่ง เจ้ายังสู่ไหวหรือไม่ ? ถ้าไหวก็กัดฟันอีกสักหนึ่งฮึด จัดการไอ้เฒ่านั่นซะ! 

ชิงอิ่งกระดกยาวิเศษดั่งดื่มน้ำเพื่อฟื้นฟูพลัง เมื่อจี๋ซ่านได้เห็นทั้งสองกระดกดื่มกินของวิเศษมากมายเช่นนั้น พลันยิ้มแหย ๆ …คนพวกนี้นี่มันอะไรกัน ?!

 จัดการ!  มู่เฉียนซีตะโกนก้อง เวลาเพียงชั่วพริบตา จี๋ซ่านถูกโจมตีจากทั้งสี่ทิศทาง

จวินโม่ซี ชิงอิ่ง และเสี่ยวหงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา กอปรกับการโจมตีอย่างรวดเร็วของอู๋ตี้ จี๋ซ่านจึงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากในทันใด

เสี่ยวหงกล่าวขึ้นก่อน  ดูวิชาลับของข้าหน่อยสิ เพลิงคลั่งเผาสวรรค์! 

เปลวเพลิงสีแดงเข้มลามไปทางเจ้าสำนักนิกายเพลิงไฟ เสี่ยวหงเข้าโจมตีอย่างเต็มแรง ร่างของชิงอิ่งกลายเป็นภาพเงาลวงตานับไม่ถ้วน

— ปัง! ปัง! ปัง! —

และโจมตีจี๋ซ่านอย่างต่อเนื่อง — ฟึ่บ! —

กรงเล็บแมวของอู๋ตี้คว้าคอจี๋ซ่านอย่างแรง แน่นอนจี๋ซ่านรีบหลบ หากแต่ใบหน้ากลับมีรอยกรงเล็บแมวเลือดซิบซึมอยู่สามรอย

 อ๊า!  เสียงร้องโหยหวนดังออกมา ใบหน้าของจี๋ซ่านเต็มไปด้วยเลือดสด ๆ

ในตอนนั้นเอง แสงจันทร์ส่องประกายบนกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กระบี่ยาวเล่มนั้นพุ่งไปที่หน้าอกของจี๋ซ่าน

มู่เฉียนซีกล่าว  ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเพียงนักชิมอาหารกินยาเข้าไป ก็สามารถใช้กระบี่ได้ไม่เลว 

 อ๊าก!  กระบี่อันน่าตื่นตะลึงเล่มนี้ ทำให้จี๋ซ่านไม่สามารถหลบหลีกไปไหนได้ เขาตะโกนลั่น  ใต้เท้า… ช่วยข้าด้วย…   ช้วยข้าด้วยเถิด ข้ายังไม่อยากตาย… 

— ตูม! —

หลังจากที่จี๋ซ่านล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นมีเสียงกึกก้องกัมปนาทลอยมาจากทางสำนักนิกายเพลิงไฟ เงาดำขนาดมหึมาหลบใต้แสงจันทร์ ความมืดก็ม้วนตัวเข้ามา พร้อมด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ปกคลุม

 ใครกันที่ทําให้เจ้าตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ หรือว่าอาหารของข้าจะมาถึงที่นี่แล้ว ? อา… ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดถึงไม่ปลุกให้ข้าตื่นขึ้นมาแต่แรก 

เสียงอึกทึกครึกโครมที่น่าหนวกหูนั้นลอยมา ทำให้ผืนแผ่นพสุธาสั่นสะเทือน

จี๋ซ่าน  คนผู้นั้นยังไม่มา   เจ้าขยะ คนผู้นั้นยังไม่ทันได้มาก็ทําให้เจ้าน่าสมเพชเช่นนี้แล้ว 

ศิษย์ของเขาถูกกลืนกินทีละคน รวมถึงผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเจ็ดคน เขารู้สึกเจ็บปวดใจแทบทนไม่ไหว

 พวกมันก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น กินพวกมันเข้าไปแล้วจะทำไม ?! เจ้ามีวันนี้ได้เพราะความช่วยเหลือของข้า ทำให้สำนักของเจ้าเป็นที่หนึ่งในทวีปเซี่ยโจว เป็นสำนักอันดับหนึ่งในแดนใต้ แล้วยังจะไปเสียดายพวกไร้ค่าพวกนี้อีกเรอะ ?!  เสียงนั้นบ้าคลั่งขึ้นอย่างผิดปกติ

จี๋ซ่านกล่าวตอบ  นายท่านพูดถูก 

พลังที่มืดมิดนั้น เหมือนทำให้จี๋ซ่านที่กำลังใกล้ตายฟื้นคืนโอกาสรอดชีวิต เขารอดมาได้ก็ดีแล้ว คนอื่น ๆ จะมีชีวิตอยู่หรือตายมันเกี่ยวอะไรกับเขา ?

เสี่ยวหงกล่าวเสียงต่ำ  นายท่าน หนีไป! สิ่งที่น่าขยะแขยงนี่มันทําให้ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ดี 

แม้แต่จวินโม่ซีก็ยังขมวดคิ้ว  นี่มันเรื่องผิดแปลกอันใดกัน ? 

 ผู้นำตระกูล!  พวกองครักษ์เงาในเวลานี้ ระมัดระวังเป็นอย่างมาก

สำนักนิกายเพลิงไฟมีผู้อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถึงกล้าที่จะแข็งข้อกับแคว้นจื่อเยี่ย และกับจิ่วเยี่ยด้วย! สำหรับผู้อยู่เบื้องหลังนั้น เป็นตัวประหลาดมีร่างกายสีดำสนิท พลังอันแข็งแกร่งที่มันมี มิใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้ในขณะนี้

มู่เฉียนซีตะโกนลั่น  ถอยไป! 

จี๋ซ่านกล่าว เขาเร่งรีบอย่างที่สุด  นายท่าน อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ขอรับ! 

พื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งความมืด และกลายเป็นพื้นที่ที่เหนียวเหนอะหนะ สิ่งประหลาดนั้นยิ้มอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกล่าวว่า…  พวกเจ้าไม่มีทางหนีพ้น… มา… กลายเป็นอาหารให้ข้าฟื้นตัวเสียดี ๆ เถอะ 

สัตว์ประหลาดตัวนั้นเดินออกมาจากกลุ่มหมอกมืด มู่เฉียนซีและพวกได้เห็นรูปร่างของมันอย่างชัดเจน มันมีใบหน้าเหมือนลิงอุรังอุตัง แต่มีเขาและมีสี่ขาเหมือนวัว ทว่ามีสี่มือ ร่างกายช่วงลำตัวเหมือนสิงโตมีขนยาว มันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่น่าขนลุกขนพอง

จี๋ซ่านชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซี  นางผู้นี้เป็นหญิงของชายผู้นั้น ฆ่านาง! แล้วเขาจะมาติดกับเอง 

 แค่ก ๆ ๆ! จริงรึ ?  สัตว์ประหลาดสี่ขาหัวเราะอย่างดุร้าย มือทั้งสี่ของมันยาวขึ้นกะทันหันพลันจับร่างมู่เฉียนซีไว้

 โฮก!  เสี่ยวหงคํารามโกรธเกรี้ยว มันพ่นเปลวไฟสีแดงออกมาอย่างไม่ลังเล  เจ้าพวกน่าขยะแขยง อย่าได้คิดแตะต้องนายท่านของข้าเชียว! 

เปลวเพลิงนั่นไม่เหมือนกับความเสียหายจากสัตว์ประหลาดสี่ขา มันเหมือนกับเปลวเพลิงเล็ก ๆ

สัตว์ประหลาดกล่าวดูถูกดูแคลน  เจ้าหมูโง่ ยังกล้าขวางทางข้าอีก! 

— ปัง! —

ร่างของเสี่ยวหงถูกตบออกไปไกล

 ขัดตานัก ไสหัวไปให้หมด! 

เมื่อมองไปยังพวกอู๋ตี้และจวินโม่ซี มือทั้งสี่ของเขาพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างแรง

— ปัง! ปัง! ปัง! —

มันเร็วมากจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่จวินโม่ซีกับชิงอิ่งจะสามารถหลบได้ ความแข็งแกร่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สัตว์ประหลาดสี่ขาเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีแล้ว มู่เฉียนซีเองก็ไม่สามารถหลบหนีได้เช่นเดียวกัน

 สาวน้อย… เจ้าว่ามาจะให้ข้าฉีกแขนของเจ้า หรือจะฉีกมือของเจ้าก่อนดี ?  สัตว์ประหลาดสี่ขาจ้องมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวถาม

ในตอนนั้นเอง ผมสีดําของมู่อวู่ซวงที่อยู่ข้าง ๆ พลันเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงเงิน เปลือกตาของเขาค่อย ๆ เปิดขึ้น

ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสีม่วงเงินเช่นเดียวกัน

.

 

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Status: Ongoing

นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัส จนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท