ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 80 บุกหุบเขาวายุวิญญาณ

บทที่ 80 บุกหุบเขาวายุวิญญาณ

เยี่ยนจ้าวเกอมองเซียวเซิงครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายอีก

 มาเร็วกว่าที่คิดไว้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาของอาณาจักรตะวันออก… 

ชายหนุ่มหรี่ตาลงครั้งหนึ่ง  เหยียนซวี่… 

เหล่ายอดฝีมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนมาก ซึ่งเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ต้องคอยช่วยเหลือจ้าวซื่อเฉิงประคองค่ายกลเอาไว้ จึงตะโกนเรียกออกมาเสียงดังว่า  ท่านผู้อาวุโสสวีขอรับ! 

 ข้าเข้าใจ  กับเรื่องสำคัญตรงหน้า สวีซวนไม่มีความสนุกขี้เล่นที่เป็นนิสัยส่วนตัวอยู่เลย

เขานิ่งสงบและนำบรรดาบริวารจอมยุทธ์เขากว่างเฉิง เข้าประจันหน้ากับจอมยุทธ์สุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามารุกรานทันที

จอมยุทธ์ถังตะวันออกที่เดินทางมากับเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิง ก็เดินขึ้นหน้าด้วยกัน ออกไปรับศึกศัตรูที่บุกรุกมา

ยอดฝีมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่บุกมา เต็มไปด้วยยอดฝีมือจำนวนไม่น้อย

เนื่องด้วยศิลาลายเมฆสามารถสร้างแก่นสารหยกได้ แม้ว่าเขากว่างเฉิงจะไม่ได้ป่าวประกาศออกไป เพื่อปกปิดเอาไว้ไม่ให้เป็นที่สนใจ หุบเขาวายุวิญญาณถึงภายนอกจะดูหละหลวม แต่ภายในค่อนข้างเข้มงวด คอยเพิ่มพลังการป้องกันขึ้นอย่างลับๆ

หากไม่เป็นเช่นนี้ เกรงว่าบัดนี้คงจะถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตีแตกไปในพริบตาแล้ว

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อยอดฝีมือระดับปรมาจารย์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากลงมือพร้อมๆ กัน ก็ทำให้แรงกดดันของเขาหุบเขาวายุวิญญาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

สวีชวนและยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแห่งถังตะวันออก ออกไปต้านศัตรูร่วมกัน ก็ดักรั้งคู่ต่อสู้ทั้งหมดไว้ด้านนอก

สถานการณ์ในการสู้รบของทั้งสองฝ่าย เข้าสู่สภาวะแน่นิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

มหาปรมาจารย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นที่ถูกสกัดกั้นเอาไว้บริเวณด้านนอกหุบเขา โหมโจมตีประหนึ่งคลื่นน้ำซัด มุ่งโจมตีไปยังหุบเขาวายุวิญญาณและจ้าวซื่อเฉิงไม่หยุด

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิงล้วนเคร่งเครียดขึ้นมา

เนื่องด้วยต้องรับมือกับการโจมตีเบื้องหน้านี้ ทำให้การช่วงชิงของฝ่ายตนกับทางฝั่งเมืองชมตะวันเสียเปรียบอีกครั้ง

สนามรบสองสนามเปิดศึกขึ้นในเวลาเดียวกัน ทำให้ความกดดันของจ้าวซื่อเฉิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย

ค่ายกลย้อนกลับยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ จ้าวซื่อเลี่ย จิ่นอ๋องที่อยู่ที่เมืองชมตะวันก็ปล่อยพลังออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ทำให้อำนาจค่ายกลชมตะวันเริ่มค่อยๆ หลุดไปอยู่ในมือของเขา

ภายใต้สถานการณ์ที่ถาโถมเข้ามา ทางหุบเขาวายุวิญญาณตรงนี้ พลังของค่ายกลที่ถูกจ้าวซื่อเฉิงดึงมารวบรวมไว้ ก็เริ่มแสดงเค้าลางว่าจะมีพลังที่เหลือไม่เพียงพอขึ้นมา

มหาปรมาจารย์ฝ่ายศัตรูที่กำลังประมือกันอยู่ สัมผัสถึงจุดนี้ได้ดีที่สุด

เขาตะโกนเสียงดังว่า  จ้าวซื่อเฉิง เจ้าตัดสินทางเดินของเจ้าเอง เลือกที่จะเป็นศัตรูกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นนี่ก็คือจุดจบของเจ้า! 

 เจ้าช่างเขลานัก แยกไม่ออกว่าใครคือมหาอำนาจของใต้หล้า เขากว่างเฉิงเป็นแค่แสงริบหรี่ยามพลบค่ำไปตั้งนานแล้ว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่เป็นพระอาทิตย์ที่ฉายแสงอยู่เหนือน่านฟ้าในตอนนี้! 

 จ้าวซื่อเฉิง น้องชายของเจ้าช่างปราดเปรื่องกว่าเจ้านัก คิดเผื่อถังตะวันออก ตำแหน่งราชาให้เขาไปเสียยังจะดีกว่า! 

ขณะที่พูด มือทั้งสองของเขาก็ประสานเข้าด้วยกัน แล้วผลักออกไปข้างหน้าพร้อมกัน

หนึ่งในเจ็ดวิชาสุริยัน หัตถ์เทพกลางเวหา!

ตะวันลอยสูง ดั่งดวงอาทิตย์ยามเที่ยงตรง!

เขาฝืนบุกฝืนสู้ อาศัยพลังที่มีมากกว่า แสดงพลังที่แท้จริงทั้งหมดของวรยุทธ์อันโหดร้ายและดุเดือดแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ออกมา!

ใช้อำนาจกดขี่คน และใช้กำลังรังแกคน

จอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ความสามารถยิ่งสูง ก็จะยิ่งสามารถสำแดงพลังของวรยุทธ์สายนี้ออกมาได้

วิชาหัตถ์เทพกลางเวหาที่มหาปรมาจารย์ผู้นี้ใช้อยู่ เมื่อเทียบกับเฉาหยวนหลงที่อยู่เพียงระดับปรมาจารย์แล้ว มันมีความรุนแรงและรวดเร็วกว่ามาก

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนรู้สึกได้เพียงว่าเบื้องหน้าเต็มไปด้วยแสงสีทองเจิดจ้า ร้อนจนแทบคลั่ง

จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์กลุ่มหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าปราณจิตราภายในร่างกายของตน ราวกับถูกฝ่ามือนี้จุดให้เพลิงลุกโชนเผาไหม้ขึ้นมา!

ท่าทางของจ้าวซื่อเฉิงหนักแน่น ทว่าสีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง

ปราณเขียวและปราณแดงได้ปรากฏสลับกันไปมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

ปราณพิษที่อยู่ภายในร่างกายของจ้าวซื่อเฉิงยังไม่ได้ถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น คอยก่อกวนอยู่เรื่อยมา

บัดนี้ต้องประมือกับผู้อื่น ภายใต้ความกดดัน แนวโน้มการก่อความวุ่นวายก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง แล้วโจมตีด้วยหมัดหนึ่งออกไปอีกครั้ง ชุดเกราะเกล็ดมังกรทองบนร่างกายพลันส่องสว่างขึ้น และมีเสียงมังกรคำรามออกมา

มหาปรมาจารย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนนั้นถอนหายใจครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะมีแสงสีม่วงมองส่องสว่างบนแขนซ้าย

นั่นเป็นเกราะข้อมือที่ทำจากทองบริสุทธิ์ทั้งชิ้น ผลึกศิลาแก้วเก้าเม็ดกำลังเปล่งแสง ปล่อยพลังพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า

ชัดเจนว่าเป็นอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่ง!

ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากัน ร่างกายของทั้งจ้าวซื่อเฉิงและศัตรูต่างก็สั่นสะเทือนไปพร้อมๆ กัน

ค่ายกลสั่นไหวอีกครั้ง จ้าวซื่อเลี่ยที่อยู่ทางฝั่งเมืองชมตะวันได้เปรียบมากกว่า

ผลที่สะท้อนกลับมาก็คือ พลังของค่ายกลที่จ้าวซื่อเฉิงสามารถชักนำมาได้ก็เสียเปรียบอีกครั้ง

เมื่อมหาปรมาจารย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้ทีก็ไม่ออมมือ เขาโจมตีออกไปด้วยหัตถ์เทพกลางเวหาอย่างต่อเนื่อง จนช่องว่างในอากาศสั่นสะเทือนไม่หยุด คล้ายกับจะแตกละเอียด

มีดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าส่องแสงสว่างเช่นนี้ อักขระจิตของค่ายกลก็ดูมืดมนลงไปเลยทีเดียว

จ้าวซื่อเฉิงหมดหนทาง จึงจำใจต้องลดการป้องกันของตนเองลง

เมื่อเป็นเช่นนั้น การโจมตีของศัตรูก็เริ่มกระทบกระเทือนถึงการป้องกันของหุบเขาวายุวิญญาณ

ด้วยความช่วยเหลือของมหาปรมาจารย์ผู้นั้น เหล่าจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ ใกล้เข้ามา

สายตาของเซียวเซิงมองลอดผ่านกลุ่มคน จับจ้องอยู่กับเยี่ยนจ้าวเกอตาไม่กะพริบ แววตาเยือกเย็นดุร้ายประหนึ่งอสรพิษ

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาข้างกายเขาคนหนึ่ง มือซ้ายกำกระบี่เอาไว้ มือขวาตบไปที่ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านหลังครั้งหนึ่งอย่างรุนแรง

ประกายกระบี่หนึ่งส่องสว่างขึ้นมา ผ่าฟาดไปบนท้องฟ้าราวกับอาทิตย์อุทัยเบิกฟ้าทางทิศตะวันออก

หนึ่งในเจ็ดวิชาสุริยัน เพลงกระบี่อรุณเบิกฟ้า!

มันนับเป็นอาวุธวิญญาณระดับล่าง กระบี่เพลิงหลั่งไหล!

ประกายกระบี่สะท้านฟ้า ดุจแสงแดดแรกแย้ม จนตะวันทะยานบูรพาทิศ แผดแสงเจิดจ้าอยู่กลางเวหา จวบจนอาทิตย์คล้อยตกลง ณ ทิศประจิม กระบี่เดียวแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนที่ค่อยเป็นค่อยไปของอาทิตย์ขึ้นยันอาทิตย์ตก ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบสิ้น

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น จึงใช้ฝ่ามือผ่าลงไปกลางอากาศ กงจักรเพลิงสุริยะก็ลอยออกมา!

เมื่อเห็นกงจักรเพลิงสุริยะ ท่าทีของจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ชะงักไปทันที ทว่าการโจมตีหลังจากนั้นก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นอีก

เซียวเซิงจับตามองไปยังกงจักรเพลิงสุริยะโดยไม่ละสายตา โกรธจัดจนลูกตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า

เขาส่งเสียงร้องตะโกนแหลมออกมา แล้วยกฝ่ามือขึ้นโดยพลัน

กลางฝ่ามือก็มีแสงอักขระภาพกะพริบสั่นไหว รูปร่างดุจพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์

การเคลื่อนไหวของกงจักรเพลิงสุริยะที่อยู่ในอากาศพลันชะงักลงเล็กน้อย

 ชิ! เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย…  เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว  น่าเสียดายที่จำเป็นต้องใช้กระบี่วิญญาณมังกรมรกตสร้างค่ายกลย้อนกลับ มิเช่นนั้นเปลี่ยนสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว 

เนื่องด้วยกงจักรเพลิงสุริยะค้างอยู่กลางอากาศ จอมยุทธ์ระดับมหาปรามาจารย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น จึงขับเคลื่อนกระบี่เพลิงหลั่งไหลฟาดฟันใส่หุบเหววายุวิญญาณ

ค่ายกลพลังที่ป้องกันหุบเขาวายุวิญญาณถูกมหาปรมาจารย์ของอีกฝ่ายกดเอาไว้ ในตอนนี้เองจึงถูกกระบี่เพลิงหลั่งไหลโจมตีอีกครั้ง จนในที่สุดก็ถูกทำให้เกิดรอยร้าวและฉีกออก!

บรรดาจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พากันบุกเข้ามาข้างในพร้อมกันทันที!

เซียวเซิงหันกลับไปมองปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาผู้นั้น  ท่านผู้อาวุโสเหลียง ข้าช่วยท่านเอง! 

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคนนั้นพยักหน้า แล้วก็ใช้เพลงกระบี่อรุณเบิกฟ้าอีกครั้ง

กระบี่เพลิงหลั่งไหลกลายเป็นลำแสงสีแดง พันกงจักรเพลิงสุริยะที่อยู่ในอากาศเอาไว้

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพฉากนี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ ร่างกายก็เฉียดผ่านไปอยู่เบื้องหน้าของจ้าวซื่อเฉิง

จากนั้นชายหนุ่มก็จับกระบี่วิญญาณมังกรมรกตเอาไว้ในมือ เขาชักนำเคล็ดกระบี่ครั้งหนึ่ง แสงสว่างจากอักขระวิญญาณของค่ายกลย้อนกลับก็สั่นกะพริบ

สถานการณ์ทางด้านของจ้าวซื่อเฉิงก็มั่นคงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

เซียวเซิงลอยตัวไปด้านหน้า แล้วยื่นมือออกไปคว้ากงจักรเพลิงสุริยะอีกครั้ง

กงจักรเพลิงสุริยะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในทันที อักขระภาพวงแหวนดวงอาทิตย์ที่อยู่กลางฝ่ามือของเซียวเซิงก็ส่องสว่างเจิดจ้า

การสั่นสะเทือนของกงจักรเพลิงสุริยะเริ่มสงบลงเรื่อยๆ

เซียวเซิงหลับตาลง ในความมืดมิดราวกับมีแสงอาทิตย์ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น

จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองสร้างการเชื่อมต่อกับกงจักรเพลิงสุริยะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง การที่สูญเสียอาวุธวิญญาณไปและได้กลับคืนมา ทำให้เซียวเซิงรู้สึกเบาสบายไปทั้งกายอย่างอดไม่ได้ ต่อมเหงื่อทั่วร่างกายราวกับเปิดออกพร้อมกัน

เขาเริ่มตัดความเชื่อมต่อระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับกงจักรเพลิงสุริยะให้ขาดออกทีละนิด

เซียวเซิงลืมตาขึ้น ดวงตาฉายประกายความเย็นชา จ้องมองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ  เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้ามีบทบาทมากเกินไป 

 แต่ยิ่งเจ้าโดดเด่นมากเท่าใด ก็จะยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้าในภายหลังมากขึ้นเท่านั้น! 

 ข้าคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความอับอายที่เจ้ามอบให้ข้า ตอนนี้ข้าไม่สามารถขัดล้างให้สะอาดด้วยมือของข้าเองได้ 

 ทว่าถ้าอยากจะบีบเจ้าให้ตาย นั่นเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้! 

กลุ่มจอมยุทธ์สำนักศักดิ์สุริยันตะลุมบอนกับสวีชวนและคนอื่นๆ จนเป็นกลุ่มก้อน

ทว่ายอดฝีมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนมากกว่า และเมื่อไม่มีความช่วยเหลือจากค่ายกลของหุบเขาวายุวิญญาณ สวีชวนและคนอื่นๆ จึงอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แบ่งกำลังคน ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคนหนึ่งเดินเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ!

เยี่ยนจ้าวเกอมองตรงไปที่ผู้มาเยือน

ทุกย่างก้าวที่อีกฝ่ายย่ำออกมา อากาศและสรรพสิ่งรอบกายราวกับกำลังสั่นสะเทือน!

 

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Status: Ongoing

ชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท