บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 7 วิชาอสูร

ตอนที่ 7 วิชาอสูร

ตอนที่ 7

วิชาอสูร

ไม่ทราบวันเวลาผ่านไปนานเท่าใด ไป๋จูเหวินที่ฝืนกลืนแก่นอสูรของอสูรแมงมุมเข้าไปนอนสลบไสลอยู่ภายใต้ผืนน้ำของบ่อน้ำชีพจรวารีภายในป่าวัฒนะราวกับร่างไร้วิญญาณ มันไม่หายใจ ไม่หิว ไม่กระหายราวกับตาย หากแต่ชีพจรยังเต้นทำให้เหล่าราชาทั้ง 5 พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือจูเอ๋อของพวกมัน แต่สุดท้ายก็ใช้เวลาไปกว่า 2 ปีในการคงพลังอสูรในร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้โดยไม่ให้ร่างกายแตกสลายได้

จ๋อม… เพียงเสียงกระเพื่อมเบาๆจากบ่อน้ำ ดวงตาของมังกรธรณีก็พลันเปิดออกด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นเป็นเพียงใบไม้ใบหนึ่งตกลงมาในบ่อชีพจรวารี มันก็ได้แต่ถอนหายใจพลางหลับตาลงต่อ

 ท่านน้า… แต่ขณะมันกำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง หูของมันพลันได้ยินเสียงของจูเอ๋อดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้มันรีบลืมตาอีกครั้ง

 จูเอ๋อ… มังกรธรณีเบิกตากว้างพลางมองร่างของจูเอ๋อที่พึ่งขึ้นมาจากน้ำ ทำไมมันสัมผัสตัวตนของจูเอ๋อไม่ได้กัน หรือนี่จะเป็นแค่ภาพหลอน

 ท่านน้า..ข้าขอโทษ ไป๋จูเหวินก้มหน้านิ่งพลางใช้มือสัมผัสใบหน้าของมังกรธรณี มันยังจำใบหน้าห่วงใยของมังกรธรณีและเหล่าน้าๆของมันได้จับใจ วินาทีที่มันกลืนแก่นอสูรของมารดาเข้าไป มันทำไปเพราะความสิ้นคิดและหวังว่ามารดาจะอยู่กับมันไปตลอดเท่านั้น มันรู้อยู่เต็มอกว่าหากทำเช่นนั้นมันจะตาย แต่วินาทีนั้นมันกลับคิดว่าหากมันตายตามมารดาไปได้ก็คงดี….

คำขอโทษที่มันเอื้อนเอ่ยออกมาคือคำขอโทษที่มันคิดทิ้งชีวิตที่ท่านน้าทั้ง 5 ต่างหวงแหน ภาพความพยายามที่ท่านน้าทั้ง 5 ต่างพยายามช่วยเหลือตนเอาไว้ยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ แม้มันจะผ่านมาเนิ่นนานถึง 2 ปีแล้วก็ตาม

 จูเอ๋อ เจ้าฟื้นแล้ว…. มังกรธรณีพูดพลางกลายร่างเป็นมนุษย์ มันกอดจูเอ๋อของมันเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจูเอ๋อจะสลายหายไป

 ท่านน้า ข้าขอ… 

 ไม่ เจ้าไม่ต้องขอโทษ แค่เจ้ากลับมาพวกข้าก็พอใจแล้ว มังกรธรณีตัดบท พลางสำรวจร่างกายของจูเอ๋อ มันกลืนแก่นอสูรของมารดาเข้าไป หากเป็นอย่างที่มันคาดวิชาบางส่วนของอสูรแมงมุมจะถูกส่งมอบผ่านแก่นอสูรให้เด็กชาย นอกจากนี้มันจะสร้างแก่นอสูรให้กับร่างมนุษย์ส่งผลให้มนุษย์สามารถฝึกฝนวิชาอสูรได้

 นางอยู่กับเจ้าแล้วจริงๆ มังกรธรณีพูดพลางสัมผัสไปถึงภายในร่างของหลานชาย แม้จะแผ่วเบาแต่ภายในก็ปรากฏแก่นอสูรที่มีพลังแบบเดียวกับอสูรแมงมุมไม่มีผิด

 จูเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงหลับตาละ พอสำรวจร่างกายแล้วมังกรธรณีก็พึ่งสังเกตว่าจูเอ๋อกำลังหลับตาอยู่

 ข้าก็ลืมตาอยู่แล้วนี่ท่านน้า ไป๋จูเหวินพูดพลางเงยหน้าขึ้น ตอนนี้มันมองเห็นทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด แล้วมันจะกำลังหลับตาอยู่ได้อย่างไร

 ….. มังกรธรณีมองไป๋จูเหวินอย่างกังขา เขาค่อยๆใช้นิ้วเปิดเปลือกตาของหลานชายออกเพื่อสำรวจดวงตาของไป๋จูเหวิน แต่ทันทีที่มันเปิดออกดวงตาของมันก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ภายใต้เปลือกตาของไป๋จูเหวินปรากฏนัยน์ตาสีแดงฉานแทนที่จะเป็นดวงตาสีดำแต่เดิม หรือเพราะมันกลืนแก่นอสูรเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายของมันเปลี่ยนไปกันแน่ แม้ไม่เปิดเปลือกตามันก็ยังมองเห็นอย่างชัดเจนงั้นเหรอ หรือดวงตาทั้ง 8 ข้างของอสูรแมงมุมจะมารวมในดวงตาเพียง 2 ข้างของไป๋จูเหวินจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

 นี่มัน… แม้จะรู้ว่ามนุษย์สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่ตัวมังกรธรณีไม่เคยเจอกับตาตัวเองมาก่อน มันเลยไม่มั่นใจว่าหลังจากไป๋จูเหวินกลืนแก่นอสูรเข้าไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ในอดีตมนุษย์ที่มาถึงป่าของพวกมันทั้ง 5 ล้วนมีน้อยนิดจนนับนิ้วได้ ในหมู่พวกมันมีแค่บางคนเท่านั้นที่มันสัมผัสได้ถึงแก่นอสูรในตัว และแต่ละคนก็มีเพียงแก่นอสูรธรรมดาๆเท่านั้น ต้องโทษที่พวกมันอ่อนแอเกินไป แค่เจอมังกรธรณีเหยียบทีเดียวก็สิ้นใจกันหมด มันเลยไม่ทราบว่าผู้มีแก่นอสูรในร่างจะแตกต่างจากผู้อื่นอย่างไร

 จูเอ๋อ เจ้าฟื้นแล้ว ขณะมังกรธรณีกำลังพิจารณาร่างกายของไป๋จูเหวิน ร่างของเหล่าน้าทั้ง 4 ของมันก็ปรากฏขึ้นภายในป่าวัฒนะ เรียกได้ว่าพวกมันแทบจะมาเยี่ยมเยียนอาการหลานรักทุกวันเลยทีเดียว

 จริงๆด้วย ข้าสัมผัสพลังอสูรในร่างของจูเอ๋อได้ ราชสีห์เพลิงพูดพลางมองจูเอ่อให้ใกล้ขึ้น

 แบบนี้ไม่ใช่ว่าจูเอ๋อสามารถฝึกวิชาของอสูรได้แล้วงั้นสิ พยัคฆ์อัสนีถามพลางหันไปมองสหายของตน

 ใช่ ข้าว่าเป็นไปได้ ไก่ฟ้าหงอนทองพูดพลางพยักหน้าช้าๆ

 เอาเถอะ นี่คงเป็นของขวัญจากนายหญิงกระมัง จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางลูบหลังจูเอ๋อช้าๆ พอพูดถึงอสูรแมงมุมใบหน้าของไป๋จูเหวินก็ซีดหมองลงเล็กน้อย มันยังทำใจไม่ได้ที่มารดาของมันจากไปไวเช่นนี้

 มีเกิดก็ต้องมีจาก เจ้าต้องทำใจให้ได้จูเอ๋อ มังกรธรณีพูดพลางถอนหายใจออกมา

 ข้าเข้าใจ ท่านน้า ไป๋จูเหวินพูดพลางมองไปที่ท่านน้าทั้ง 5 ของตน วันนั้นที่ได้เห็นใบหน้ากังวลของเหล่าน้าๆมันก็คิดเอาไว้แล้วว่ามันจะไม่ยอมตายง่ายๆอีกแล้ว

 ดี งั้นเรามาลองให้เจ้าใช้พลังอสูรดูกันเถอะ มังกรธรณีพูดพลางเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้จูเอ๋อของมันเศร้ากับเรื่องของอสูรแมงมุมอีก

 ขอรับ ไปจูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา มันไม่อยากให้น้าทั้ง 5 กังวลเช่นกัน

 งั้นต้องเริ่มจากพื้นฐาน….. ราชสีห์เพลิงพูดจบก็นิ่งเงียบไป….

 พื้นฐาน…. ราชาทั้ง 5 พอได้ยินคำนี้ก็นิ่งอึ้งไปพร้อมๆกัน พวกมันล้วนมีชีวิตนับพันนับหมื่น จะให้มานึกถึงวันแรกที่เริ่มใช้พลังอสูรหรือก็เนิ่นนานเกินไป ทำให้ตอนนี้ทั้ง 5 ต่างกำลังคิดกันจนตัวงองุ้มว่าการเริ่มใช้พลังอสูรควรทำเช่นไรกันแน่

 จริงสิ ต้องเริ่มสร้างสายฟ้าก่อน พยัคฆ์อัสนีพูดจบก็โดนสายตา 4 คู่ค้อนขวับทันที นั้นมันพื้นฐานตรงไหนกัน กว่าจะแยกธาตุได้ก็ต้องฝึกไประยะหนึ่งก่อนไม่ใช่หรือไง

.

.

 ก่อนอื่น ก็ต้องสัมผัสแก่นอสูรในร่างให้ได้ก่อนขอรับ ในที่สุดราชาทั้ง 5 ก็จนปัญญา ทำให้มังกรธรณีต้องเรียกอสูรระดับต่ำที่สุดในป่ามาช่วยสอนให้ไป๋จูเหวินแทน

 แก่นอสูร… ไป๋จูเหวินถามพลางมองหมีสีน้ำตาลที่มีคิ้วสีขาวบนหัว มันใช้อุ้งเท้าของมันลูบท้องของตนราวกับมันพึ่งกินอิ่ม

 ใช่ขอรับนายน้อย แก่นอสูรจะอยู่แถวๆนี้ เจ้าหมีคิ้วขาวพูดพลางลูบท้องตัวเองเป็นวงกลม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ มนุษย์ หรืออสูรชนิดใด แก่นอสูรหรือจุดก่อเกิดพลังวิญญาณล้วนอยู่ที่จุดตันเถียนทั้งสิ้น จะมีแต่อสูรบางประเภทเท่านั้นที่ไม่ใช่

 อืม…ข้าสัมผัสได้แล้ว ไป๋จูเหวินพูดหลังจากสัมผัสแก่นอสูรทรงกลมรูปไข่มุกสีขาวในร่างกายได้ มันเหมือนแก่นอสูรของมารดามันไม่มีผิด แต่เป็นแก่นอสูรที่เล็กกว่ามาก จากไข่มุกขนาดเท่าฝ่ามือตอนนี้ในร่างของจูเหวินกลับมีเพียงไข่มุกเท่าๆลูกปัดลูกเล็กเท่านั้น

 โอ้…ยอดเยี่ยมมากขอรับนายน้อย หมีคิ้วขาวชมพลางลุกขึ้นยืน นายน้อยสัมผัสแก่นอสูรได้ไวมากเมื่อเทียบกับลูกๆของมัน

 หากท่านสัมผัสแก่นอสูรได้แล้ว ท่านน่าจะสัมผัสได้ว่ารอบๆแก่นอสูรมีพลังงานบางอย่างอยู่ ได้ยินหมีคิ้วขาวพูดไป๋จูเหวินก็พยักหน้าช้าๆ มันสัมผัสได้จริงๆ

 ปกติแล้ววิชาต่างๆจะนำพลังพวกนี้มาใช้ขอรับ เมื่อท่านต้องการจะโจมตีให้ท่านส่งพลังมายังแขนเช่นนี้ หมีคิ้วขาวพูดพลางชูมือขึ้น พริบตานั้นแขนของมันปรากฏเส้นเลือดปูดโปนออกมา

ตูม! กรงเล็บของมันกรีดพื้นจนเป็นร่องลึกยาวออกไปหลายเมตร เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตะลึงให้ไป๋จูเหวินอย่างมาก มันอยู่กับพวกท่านน้ามานานแต่ไม่เคยเห็นการต่อสู้ของสัตว์อสูรเลย เนื้ออสูรที่มันกินก็ได้มาจากที่ท่านน้าไก่ฟ้าไปเอามาให้ พืชผักผลไม้หรือก็ได้จากท่านน้ามังกร มันไม่เคยต้องไปเสี่ยงอันตรายเลย หรือต่อให้มันไปก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดในป่าที่กล้าโจมตีมันเลยแม่แต่ตัวเดียว ทั้งเพราะเหล่าราชาสั่งเอาไว้และเพราะความสามารถในการดึงดูดใจของอสูรในตัวมันเอง

 ข้าจะลองดู ไป๋จูเหวินพูดพลางลองทำตามที่หมีคิ้วขาวสอน ตัวมันเรียนรู้เรื่องราวต่างๆมามากมายแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันได้เรียนเรื่องการต่อสู้ มันไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่ก็เหมือนกับทุกที มันต้องลองไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่

ตุบ! หมัดของไป๋จูเหวินต่อยใส่อากาศ แม้จะไม่ได้รุนแรงอย่างที่หมีคิ้วขาวทำแต่ความรุนแรงที่แผ่ออกมาย่อมไม่ใช่หมัดของเด็กอย่างไป๋จูเหวินแม้แต่น้อย

 ….. หมีคิ้วขาวมองหมัดของไป๋จูเหวินพลางขมวดคิ้วมุ่น นายน้อยของท่านราชาช่างร้ายกาจจริงๆ เพียงอธิบายไม่กี่คำและใช้งานให้ดูก็สามารถส่งพลังอสูรออกมาที่หมัดได้แล้ว แม้จะเบาไปหน่อยแต่ทั้งนี้แก่นอสูรของนายน้อยน่าจะพึ่งเกิดไม่นาน ทำให้พลังของนายน้อยยังอ่อนมากในฐานะอสูร

 นายน้อย ลองต่อยมาที่ข้าได้หรือไม่ หมีคิ้วขาวถามพลางลุกขึ้นยืน มันไม่ทราบความแรงของหมัดที่ปล่อยออกมาเพราะได้ยินแต่เสียงเท่านั้น มันเลยอาสาจะรับหมัดของนายน้อยเอง อย่างน้อยถ้าหมัดของนายน้อยไม่สามารถล้มต้นไม้ที่ห่างออกไป 5 เมตรได้ละก็คงไม่ทำให้มันเจ็บได้เลย

 อะ อืม… ไป๋จูเหวินตอบรับพลางเดินเข้ามาใกล้ๆหมีคิ้วขาว

 เชิญขอรับ หมีคิ้วขาวยกมือขึ้นเตรียมรับหมัดของไป๋จูเหวิน

ตุบ! หมัดของไป๋จูเหวินต่อยใส่หมีคิ้วขาวตามที่บอก แต่มือของหมีคิ้วขาวไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ได้ยินเพียงเสียงกระทบเบาๆเท่านั้น

 อืม…นายน้อยน่าจะอยู่ในขั้น ทองแดงระดับ 3 เป็นแน่ หมีคิ้วขาวพูดพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สาเหตุที่หมัดของนายน้อยเหมือนต่อยออกมาอย่างแผ่วเบานั้นเป็นเพราะหนังของมันทั้งหนาทั้งอ่อนหยุ่น ปกติเวลามันโดนโจมตีมักจะไม่เป็นอะไรมากอยู่แล้ว แต่หมัดของนายน้อยเมื่อครู่ยังสามารถสร้างความเจ็บปวดให้มันได้นิดหน่อย นับว่านายน้อยมีพลังอสูรไม่เลวแล้ว

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 7 วิชาอสูร

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท