บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 30 เคล็ดลับ

ตอนที่ 30 เคล็ดลับ

ตอนที่ 30

เคล็ดลับ

ปึก! หมัดของไป๋จูเหวินกระแทกใส่ร่างของชายตรงหน้าอย่างรุนแรงด้วยกำลังทั้งหมดที่ไป๋จูเหวินมี แต่มันกลับรู้สึกเหมือนตอนต่อยใส่กระดองของอสูรเต่าในเขตอสูรไม่มีผิด

 อัก…. ชายตรงหน้าเผลอส่งเสียงร้องออกมาเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีหมัดที่หนักหน่วงปานนี้ ตัวมันและพรรคพวกสมควรจะมีพลังมากมายกว่าคนในเขตแดนนี้หลายเท่า เด็กน้อยที่อยู่ในเขตแดนบ้านนอกเช่นนี้ไม่สมควรสร้างความเจ็บปวดให้มันได้เสียด้วยซ้ำ แต่หมัดเมื่อครู่กลับหนักหน่วงกว่าที่มันคาด ถึงกับรู้สึกปวดแน่นที่หน้าอกขึ้นมาเลย

 หนอย ชายที่โดนต่อยกัดฟันแน่นก่อนจะสวนฝ่ามือใส่ไป๋จูเหวิน แต่ดวงตาสีแดงของไป๋จูเหวินก็ยังสามารถทำงานของมันได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ตอนนี้สภาพของไป๋จูเหวินราวกับถูกล้อมด้วยกำแพงก็ไม่ผิดนัก เพราะทุกคนที่อยู่รอบๆต่างมีพลังวิญญาณไม่อ่อนด้อยไปกว่าชายที่ไป๋จูเหวินต่อยออกไปนัก แม้จะจับตัวไป๋จูเหวินไม่ได้แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถทำร้ายพวกมันจนสลบได้เช่นกัน

 เจ้าเล่นมากเกินไปแล้ว ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าต่อว่าลูกน้องที่โดนไป๋จูเหวินต่อย มันกระโดดลงมาจากหลังคาพลางเข้ามาจับไป๋จูเหวินอีกแรง คราวนี้เขาไม่รอช้าบอกให้ลูกน้องรอบๆเข้าจับพร้อมกันทันที

 … ไป๋จูเหวินถึงกับกลืนน้ำลายคงคอ อยู่ๆคนรอบข้างที่เมื่อครู่เพียงยืนกันท่าเท่านั้นกลับเริ่มโถมเข้ามาจับตัวมัน แน่นอนว่าดวงตาสีแดงของมันสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ เพียงแต่ถึงจะอ่านได้ก็ไม่มีทางหลบคนนับสิบที่โถมเข้ามาจับตัวเองพร้อมกันจากทุกทิศทุกทางอย่างแน่นอน

เพียงแต่วินาทีที่สมองของไป๋จูเหวินมองหาคำตอบ อยู่ๆเคล็ดวิชาบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวราวกับน้ำหลาก ในสมองขาวโพลนเป็นสีขาวไปชั่บพริบตา ทำให้มันทำเพียงขยับตัวออกไปตามเคล็ดวิชาเท่านั้น

ผั๊วๆๆๆๆ ฝ่ามือของไป๋จูเหวินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ นี่คือวิชาของน้าพยัคฆ์ ฝ่ามือประกายอัสนี ฝ่ามือที่เน้นโจมตีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนดูราวกับมือของไป๋จูเหวินกลายเป็นมือจำนวนมากไปอึดใจหนึ่ง

 เจ้าเด็กนี่…. ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากัดฟัน แม้จะไม่รุนแรงอะไรมากมาย แต่วิชาฝ่ามือเมื่อครู่ก็ทำให้พวกมันชะงักจนจับตัวไป๋จูเหวินไม่ได้ เพียงแค่เด็กคนเดียวยังใช้เวลาจับถึงขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงจริงๆ

 ท่านลุงโจว ยั้งมือก่อน ขณะกำลังจะจับตัวไป๋จูเหวินอีกรอบ ร่างของหญิงสาวท่าทางอ้อนแอ้นคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังพวกเขา

 หยวนหยวน? มีอะไรงั้นหรือ ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าถามพลางหันมามองทางอสูรแมวในร่างของหญิงสาว หยวนหยวน และ หมิงฮุ่ย เป็นอสูรเลี้ยงของคุณหนู ปกติพวกมันทั้งสองตนจะไม่ออกห่างคุณหนูแน่ๆ แต่เหตุใดพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่

 เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอก หมิงฮุ่ยพูดพลางเดินออกมาจากเงามืด

 ไม่น่าสงสัยได้อย่างไร กลุ่มนักล่าอสูรส่งหน่วยของเรามาเพียงหน่วยเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีนักล่าอสูรคนอื่นโผล่ออกมาได้อีกแน่ๆ ท่านลุงโจวว่าพลางชี้ไปที่ไป๋จูเหวิน แม้ตอนแรกมันจะไม่คิดมากเพราะพลังของไป๋จูเหวินมีเพียงระดับ ก่อกำเนิด ขั้นที่ 2 เท่านั้น แต่หลังจากมันแสดงพลังอสูรออกมา มันไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้จบไปเฉยๆหรอก

 นั่นเพราะเขาไม่ได้เป็นนักล่าอสูรอย่างไรล่ะ หยวนหยวนว่าพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูเหวินอย่างอารมดี แม้นางจะเป็นอสูรระดับสูง แต่ทุกคนที่นี่สามารถรับมือนางได้ไม่มากก็น้อย แต่ที่ทุกคนยอมให้นางเข้ามาหาไป๋จูเหวินเพราะนางคือสัตว์เลี้ยงของคุณหนูเท่านั้น และการที่นางจงใจช่วยไป๋จุเหวินเช่นนี้เพราะความรู้สึกจากพลังของไป๋จูเหวินล้วนๆ

 ดูเขาสิ น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้จะเป็นนักล่าอสูรได้อย่างไร หยวนหยวนว่าพลางคืนร่างกลับเป็นแมวเพื่อจะได้ออดอ้อนไป๋จูเหวินอย่างเต็มที่ พลังของไป๋จูเหวินมันช่างรุนแรงยิ่งนักโดยเฉพาะกับอสูรตัวเมียเช่นนาง แม้หมิงฮุ่ยจะถอนหายใจกับการกระทำของนาง แต่หากเจ้าหนุ่มคนนี้ยินดีจะลูบขนของมันก็คงจะน่ายินดีไม่น้อย

 พี่หยวนพี่ฮุ่ย เหตุใดวันนี้พวกท่านถึงทิ้งข้าบ่อยเหลือเกิน ขณะกำลังมองหยวนหยวนออดอ้อนไป๋จูเหวิน ที่ด้านหลังของพวกมันก็ปรากฏร่างของหญิงงามที่สร้างความรู้สึกราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสวขึ้นมากลางคัน

 คุณหนู ข้าบังเอิญพบชายหนุ่มน่าสงสัยขอรับ ลุงโจวว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน

 น่าสงสัย? คุณหนูเอียงคอพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน

 ท่าน….คนที่เจอก่อนหน้านี้ หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม พลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน มันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำหน้าตาของมันได้ทั้งๆที่นางเพียงตรวจสอบครู่เดียวแล้วก็จากไปเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ไป๋จูเหวินก็เป็นคนที่พลังอสูรสูงจนน่าจับตาเลยทีเดียว

 ใช่ เป็นข้าเอง ไป๋จูเหวินตอบพลางมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง นางดูไม่สูงมาก อายุเองก็คงพอๆกับไป๋จูเหวิน ทำให้ไป๋จูเหวินยิ่งสงสัยว่าทำไมนางถึงมีพลังอสูรและพลังวิญญาณมากมายเช่นนี้

 เขาน่าสงสัยเหรอคะ ท่านลุงโจว หญิงสาวหันไปหาลุงโจวพลางถามด้วยสีหน้างุนงง

 เรื่องนั้น เขามีพลังอสูรและพลังวิญญาณในร่าง ลุงโจวอธิบาย

 ท่านกับข้าเองก็มีเหมือนกันไม่ใช่หรือ หญิงสาวยิ่งงงไปกับคำอธิบาย ตัวนางและคนอื่นๆในกลุ่มนักล่าอสูรต่างมีพลังอสูรและพลังวิญญาณไม่ใช่หรืออย่างไร

 นั่นเพราะพวกเราเป็นนักล่าอสูรขอรับ แต่เขาไม่ใช่นักล่าอสูรจึงเป็นเรื่องน่าสงสัย ลุงโจวว่าพลางหันไปมองไป๋จูเหวิน วิธีการตรวจสอบพลังวิญญาณของกลุ่มนักล่าอสูรถือเป็นความลับที่คนนอกไม่น่าจะรู้ แม้วิธีมันจะง่ายแต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้ากินแก่นอสูรเข้าไป และถึงมีคนที่กล้าหากไม่มีสมุนไพรบางอย่างช่วยก็คงรอดชีวิตมาไม่ได้ การที่ชายหนุ่มที่มันไม่รู้จักและไม่เห็นว่าจะอยู่ในกลุ่มนักล่าอสูรกลับมีพลังอสูรในร่างแถมยังเป็นพลังที่มหาศาลอย่างมากทำให้มันสงสัยไป๋จูเหวินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 เช่นนั้นท่านก็เป็นคนน่าสงสัยสินะคะ หญิงสาวได้ยินที่ท่านลุงโจวอธิบายก็หันมาถามไป๋จูเหวินตรงๆ

 มะ ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรหรอก ไป๋จูเหวินว่าพลางมองดวงตาสีดำของหญิงสาว

 งั้นท่านก็ไม่ใช่คนน่าสงสัย? หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยพลางถามซ้ำอีกครั้ง

 งั้นทำไมเจ้าถึงมีพลังอสูรได้ทั้งๆที่ไม่ใช่พวกเรา ลุงโจวถามพลางมองไป๋จูเหวินอย่างระมัดระวัง

 ข้าบังเอิญกลืนแก่นอสูรเข้าไป โชคดีที่ท่านน้าของข้าหาสมุนไพรมามากมายเพื่อรักษาชีวิตข้าเอาไว้ ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรง แน่นอนมันไม่ได้บอกว่าน้าของมันเป็นใครอยู่แล้ว

 สมุนไพร…เป็นสมุนไพรชนิดใด ลุงโจวยังคงถามต่อ หากน้าของมันรู้สูตรสมุนไพรที่ทำให้ผู้กินแก่นอสูรลงไปไม่ตายบางทีน้าของมันอาจจะรู้ความลับของกลุ่มนักล่าอสูรของมันก็ได้

 ท่านน้าบอกข้าว่าตอนนั้นท่านน้าใช้สมุนไพรทุกอย่างที่ท่านคิดออก ไม่ทราบเช่นกันว่าสมุนไพรตัวไหนเป็นตัวที่ช่วยข้าเอาไว้ ไป๋จูเหวินตอบตามตรงอีกเช่นเคย ตอนนั้นท่านน้ามังกรหาวิธีรักษามันอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่น้ามังกรก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นยาตัวไหนที่ทำให้ไป๋จูเหวินรอดมาได้ แต่มันเสียสมุนไพรมีค่าไปกับการรักษาคราวนั้นหลายอย่างทีเดียว

 เช่นนี้นี่เอง ลุงโจวพยักหน้าอย่างเข้าใจ หากเป็นอย่างที่ไป๋จูเหวินเล่าก็พอเข้าใจได้ หากมีเด็กที่บังเอิญกินแก่นอสูรเข้าไป แล้วน้าของมันพยายามหาทางรักษาทุกทางจนบังเอิญใช้สมุนไพรอย่างถูกต้องก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่มันไม่ทราบว่าไป๋จูเหวินแต่งเรื่องขึ้นมาเฉยๆเท่านั้นหรือไม่

 แล้วทำไมเจ้าต้องตามคุณหนูมาด้วยล่ะ หมิงฮุ่ยถาม ตัวมันเป็นอสูรสุนัขมีประสาทรับกลิ่นที่ดีเยี่ยม มันได้กลิ่นไป๋จูเหวินมาตั้งแต่ออกจากเหลาอาหารแล้ว

 เรื่องนั้น… ไป๋จูเหวินสะดุดกับคำถามข้อนี้ของหมิงฮุ่ยขึ้นมาทันที เพราะตลอดทางมันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงตามคุณหนูของหมิงฮุ่ยมา

 ข้าอยากจะถาม ไป๋จูเหวินว่าพลางมองดวงตาสีดำคู่งามของอีกฝ่าย ไม่ทราบทำไมหัวใจมันถึงเต้นแรงเช่นนี้เมื่อสบตากัน

 ข้าอยากทราบว่าแม่นางทำเช่นไรถึงฝึกฝนพลังวิญญาณและพลังอสูรได้เช่นนี้ ไป๋จูเหวินถามเรื่องที่มันพอจะนึกออกอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยมันก็เป็นหนึ่งในใจมันจริงๆไม่ได้โกหกแต่อย่างไร

 ฝึกฝนพลังวิญญาณกับพลังอสูร..ท่านไม่ได้หมุนมันงั้นหรือ ได้ยินคำถามของหญิงสาว ไป๋จูเหวินก็ขมวดคิ้วทันที อะไรคือการ หมุน กัน

 คุณหนู…ข้าคิดว่าไม่เหมาะนักที่จะบอกเคล็ดการฝึกฝนให้คนนอกรู้ ลุงโจวว่าพลางมองคุณหนูด้วยความกังวล

 ถ้าเช่นนั้นก็ให้เขาเข้าร่วมกลุ่มนักล่าก็ได้นี่นา แบบนั้นข้าก็บอกได้สินะ คุณหนูว่าพลางมองไป๋จูเหวินนิ่ง ตัวมันมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรเหมาะกับการเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรอยู่แล้ว

 เรื่องนั้น.. ลุงโจวเงียบไปครู่หนึ่ง ได้ยินเช่นนั้นความรู้สึกสงสัยที่มีต่อไป๋จูเหวินก็เปลี่ยนแปลงเป็นความสนใจขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ไม่ได้ฝึกฝนแบบพวกตนแต่ไป๋จูเหวินกลับสามารถฝึกฝนพลังอสูรได้ถึงขนาดนี้ หากพาเขาเข้าสำนัก ฝึกฝนเช่นเดียวกับคุณหนูบางทีอาจจะได้ยอดนักล่าอสูรขึ้นมาอีกคนก็เป็นได้ แต่ก่อนที่ลุงโจวจะตัดสินใจไป๋จูเหวินกลับรีบตัดบทเสียก่อน

 เรื่องนั้น…ข้าคงต้องขออภัย ไป๋จูเหวินพูดพลางยกมือประสานกันเป็นการขอขมาคนตรงหน้าทั้งสอง

 ตัวข้าได้เข้าสำนักอื่นไปแล้ว คงเข้ากลุ่มนักล่าอสูรไม่ได้ ไป๋จูเหวินตอบพลางนึกถึงภาพของอาจารย์ลี่และอาจารย์หู่ที่มักจะเข้ามาสั่งสอนให้มันอยู่เสมอ แม้ใจหนึ่งไป๋จูเหวินจะอยากเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรเช่นกัน แต่พอนึกถึงความใส่ใจของอาจารย์ทั้งสองแล้วตัวมันไม่สามารถออกจากสำนักตามอำเภอใจเช่นนี้ได้จริงๆ

 ส่วนเรื่องที่ข้าถามถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นเถอะ ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองหญิงสาวอีกครั้ง คำพูดที่นางหลุดออกมาก่อนหน้านี้คงเรียกว่าเคล็ดวิชาไม่ได้ หวังว่าพวกเขาจะไม่ต่อว่ามันเท่านั้น

 เรื่องนั้นคงบังคับเจ้าไม่ได้ แต่พวกเราก็ลงมือทำร้ายเจ้าไปไม่น้อย… ลุงโจวพูดพลางเรียกสิ่งของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ ก่อนหน้านี้เพราะเขาสงสัยความเป็นมาของไป๋จูเหวินจึงพยายามจะจับตัวเขา แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มเช่นไป๋จูเหวินจะสามารถต้านกำลังของพวกมันได้อย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนี้

 นี่เป็นสร้อยคอของหน่วยเรา หากเจ้ามีปัญหากับนักล่าอสูรจงนำมันออกมาน่าจะช่วยเจ้าได้ 

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 30 เคล็ดลับ

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท