บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 35 ชี้แนะ

ตอนที่ 35 ชี้แนะ

ตอนที่ 35

ชี้แนะ

 ดี แต่จังหวะตอนเจ้าแทงกระบี่ใส่ศัตรูต้องช้ากว่านี้ เฟิงชิวว่าพลางมองกระบี่ที่อยู่ในมือต้าชิง เพราะในการประลองของสำนักคราวก่อนต้าชิงขึ้นมาเป็นอันดับ 7 ทำให้เขาถูกส่งไปประลองในงานประลองสามสำนักที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าด้วยเช่นกัน

 ขอบคุณศิษย์พี่ที่ชี้แนะ ต้าชิงรับ พลางวาดกระบวนท่าไปบนอากาศอีกครั้ง

 ฮ้าๆ รับนี่ไปๆ อีกด้านหนึ่งหยางเกาหัวเราะพลางฟันดาบใหญ่ของตนใส่ดาบของต้าเฉินอย่างสบายใจ แม้ด้านพลังวิญญาณต้าเฉินจะก้าวขึ้นมาใกล้เคียงกับหยางเกามากแล้ว แต่ด้านกำลังกายและเคล็ดวิชาตัวต้าเฉินยังอ่อนด้อยกว่ามาก แถมวิชาที่ต้าเฉินใช้ยังเป็นวิชาดาบธารโลหิตที่ศิษย์เกือบทั้งสำนักเลือกใช้ ทำให้การรับมือง่ายดายมากสำหรับหยางเกาที่ฝึกวิชานี้จนชำนาญแล้ว

 ดาบของเจ้าต้องหนักแน่นกว่านี้ รับไปๆ หยางเกาว่าพลางหวดดาบของตนใส่ดาบของต้าเฉินอย่างต่อเนื่อง ทำเอาต้าเฉินกระอักกระอ่วนไม่น้อย

 น้องไป๋ เจ้าพร้อมหรือยัง จิงหลิงถามขณะนั่งพักอยู่ข้างลานฝึก วันนี้นางรับหน้าที่เป็นคู่ฝึกให้ไป๋จูเหวินนั่นเอง

 ขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืน ด้านวิชาฝ่ามือ ไม่มีใครกล้าต่อว่าไป๋จูเหวินแม้แต่คำเดียว แต่วิชาที่ไป๋จูเหวินยังอ่อนด้อยที่สุดคือท่าก้าวสำหรับเคลื่อนไหว แม้จะมีท่าก้าวของน้าไก่ฟ้าอยู่แล้ว แต่มันซับซ้อนเกินไปจนไป๋จูเหวินไม่สามารถเรียนรู้ได้ในตอนนี้ ทำให้ไป๋จูเหวินหันมาศึกษาวิชาท่าเท้าเพิ่มเติม

 ตามข้ามา จิงหลิงว่าพลางลุกขึ้นยืน นางบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะตั่งท่าวิ่งออกไปข้างหน้าโดยให้ไป๋จูเหวินวิ่งตามราวกับเล่นไล่จับ

ฟุบ! สมกับที่เป็นบุตรสาวของอาจารย์ลี่ จิงหลิงเป็นผู้ใช้วิชาตัวเบาได้ดีพอๆกับเฟิงชิวที่ระดับพลังวิญญาณสูงกว่า เพียงแต่ศิษย์น้องของนางหาใช้คนธรรมดาไม่ เพียงสอนครึ่งวันจากคนที่ไม่มีท่าเท้าหรือวิชาตัวเบาเลยกลับสามารถไล่ตามนางมาทันได้อย่างง่ายดายจนน่าเจ็บใจ

 เอาละนะ จิงหลิงว่าพลางเคลื่อนหลังวิญญาณลงไปที่เท้า หากเป็นการวิ่งไล่จับเฉยๆจะเป็นการฝึกฝนได้อย่างไร จิงหลิงกระโดดไปบนระเบียงชั้นสอง ก่อนจะทะยานไปข้างหน้าเพื่อหลบหลีกไป๋จูเหวินที่ตามมา แน่นอนว่าศิษย์น้องคนนี้ไม่ธรรมดา เพียงพริบตาเดียวก็ตามมาจนไล่หลังได้ทัน

วูบ! จิงหลิงตีลังกาจากชั้นสองลงมายังชั้นล่าง ก่อนจะกระโจนข้ามลานฝึกอย่างรวดเร็ว

ตุบ! แม้เธอจะเร่งความเร็วมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่นานไป๋จูเหวินก็จะมาอยู่ข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มราวกับเด็กกำลังเล่นสนุกเช่นเดิม ทำเอาจิงหลิงแอบคิดในใจว่านี่เจ้าตัวไม่รู้หรืออย่างไรว่ากำลังทำลายความมั่นใจของคนอื่นอยู่

 ดีมาก ประลองสามสำนักอาทิตย์หน้าเจ้าคงสร้างชื่อได้แน่ จิงหลิงตอบพลางถอนหายใจออกมา วิชาตัวเบาที่ฝึกฝนมานานหลายปีกลับถูกศิษย์น้องผู้นี้ตามทันในเวลาครึ่งวัน อย่าว่าแต่ก่อนหน้านี้ความเร็วในการจู่โจมที่เฟิงชิวภูมิใจหนักหนายังถูกมองทันและตอบโต้ได้ง่ายๆแม้แต่กำลังกายยังเหนือกว่าอยางเกาเสียอีก บัดนี้นางทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับว่าไป๋จูเหวินเป็นอสูรที่น่ากลัวจริงๆ

 ศิษย์น้อง เจ้าเลื่อนเป็นขั้น 8 แล้วงั้นหรือ อยู่ๆเฟิงชิวที่อยู่ในลานประลองก็ทักขึ้น เพราะเมื่อครู่จิงหลิงและไป๋จูเหวินทะยานผ่านลานประลองไปทำให้เฟิงชิวสัมผัสพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินได้

 จริงด้วย พลังวิญญาณของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว หยางเกาว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน วันก่อนมันยังสัมผัสพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินได้อยู่เลยว่าอยู่ขั้น 7 เหมือนมันยามนี้มันกลับสัมผัสไม่ได้แล้วรู้แต่เพียงว่าไป๋จูเหวินพลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น

 อ๋อ เมื่อเช้าข้าตื่นมามันก็เพิ่มแล้ว คงเพิ่มตอนข้าหลับอยู่กระมัง ไป่จูเหวินว่าพลางยิ้มเช่นเดิม ทำเอาเหล่าศิษย์พี่ถอนหายใจไปตามๆกันเพราะศิษย์น้องผู้นี้พูดราวกับการเลื่อนระดับพลังวิญญาณเป็นเรื่องที่ละเมอทำได้ง่ายๆ

 แบบนี้พวกสำนักยอดเมฆาคงได้ตกตะลึงกันยกใหญ่แน่ๆ ต้าชิงยิ้มพลางมองไปทางนายน้อยของมัน

 อ๋อ ท่านพี่หมายถึงเจ้าปิงเฉิงสินะ ต้าเฉินได้ยินก็ยิ้มพลางนึกถึง ปิงเฉิง ผู้ทำการทดสอบเข้าสำนักของสำนักยอดเมฆา วันนั้นมันดูถูกพวกตนว่าเป็นพวกไร้พรสวรรค์ และยังขับไล่พวกตนออกมาโดยไม่คิดจะรับเป็นศิษย์ ยามนั้นพวกมันทำอะไรไม่ได้เพราะพลังฝีมืออ่อนด้อยกว่า แต่บัดนี้พวกมันพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากได้เจอมันในงานประลองย่อมหมายถึงเวลาแก้แค้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 ปีนี้พวกมันอ้างว่าได้เคล็ดวิชาฝึกฝนชั้นเลิศมา อยากจะรู้จริงๆว่าได้ผลดีอย่างที่ว่าหรือไม่ เฟิงชิวว่าพลางกำหมัดแน่น คราวก่อนสำนักยอดเมฆาแพ้ราบคาบ โดยสาเหตุหนึ่งก็มาจากเฟิงชิวที่ล้มศิษย์เอกของสำนักยอดเมฆาอย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน มารอบนี้หลังจากได้เคล็ดวิชาใหม่มาสำนักยอดเมฆาถึงกับประกาศว่าจะล้มสำนักธารโลหิตไม่ให้เหลือซากทีเดียว

 หึๆ อยู่ๆเฟิงชิวก็หลุดหัวเราะออกมาพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน

 เป็นอะไรไปศิษย์พี่ อากาศร้อนจนสติท่านหลุดหรืออย่างไร จิงหลิงถามเมื่อเห็นเฟิงชิวหัวเราะออกมา

 ไม่มีอะไร ข้าแค่นึกภาพคนสำนักยอดเมฆาโดนอย่างฮั่วเจียนเท่านั้น ฮ้าๆๆ เฟิงชิวหัวเราะพลางนึกถึงใบหน้าตกตะลึงจองสำนักยอดเมฆา มันจะตลกแค่ไหนกันเมื่อได้เห็นหน้าของพวกมันยามศิษย์เอกโดนตบจนหน้าแดงก่ำ

 พูดถึงก็… จิงหลิงที่แต่เดิมรักษาท่าทีเย็นชาเอาไว้ตลอดพอนึกถึงหน้าของฮั่วเจียนแล้วอดขำตามเฟิงชิวไม่ได้ ทำให้ลานฝึกวันนี้ครึกครื้นอย่างน่าประหลาด

 น้องไป๋ มีคนมาหาเจ้าแนะ ขณะกำลังหัวเราะกันอยู่นั้น อยู่ๆจินเหลียนก็เดินเข้ามาพลางชี้ให้ไป๋จูเหวินดูทางเข้าหอซึ่งมีร่างของหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามา

 ศิษย์น้อง เจ้าเองก็ไม่เลวนะ เฟิงชิวว่าพลางมองหญิงสาวที่เดินเข้ามา

 ไม่เลวอะไรละ เจ้านี้เอาใหญ่แล้วนะขนาดพี่ใหญ่ยังไม่พาสาวหอตะวันตกเข้ามาในหอตะวันออกเลย จิงหลิงว่าพลางเพ่งดวงตามองหญิงสาวที่เดินเข้ามา ไม่ทราบทำไมแต่หอตัวนออกแห่งนี้มีหญิงสาวอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น และหยิงสาวที่เดินเข้ามาก็ไม่ใช่คนในหอตะวันตกแน่ๆ

 พวกเราก็เป็นคนสำนักเดียวกันนี่ขอรับ ทำไมนางจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ ไป๋จูเหวินถามพลางมองศิษย์พี่ของตนเองด้วยความงุนงง กฎของสำนักไม่ห้ามศิษย์ไปไหนมาไหน ทำไมซูฮวาจะมาหอตะวันออกไม่ได้

 ก็จริงของเจ้า หยางเกาพยักหน้า ความจริงก็ไม่มีใครห้ามเสียหน่อยว่าศิษย์ของสองหอไม่สามารถเข้าหออีกฝ่ายได้ มีเพียงเหล่าศิษย์เองที่ไม่ยอมไป

 น้องไป๋ ข้ามารบกวนหรือเปล่า ซูฮวาเดินเข้ามาหากลุ่มของไป๋จูเหวินด้วยท่าทีประหม่า สุดท้ายแล้วนางก็ตกลงเรียกไป๋จูเหวินว่า น้องไป๋ แทนเพราะไป๋จูเหวินอายุน้อยกว่า แต่พอซูฮวาเดินเข้ามาใกล้แล้วพวกเฟิงชิวจึงเห็นนางชัดตาขึ้น แม้ต้าชิงและต้าเฉินจะไม่รู้แต่พวกเฟิงชิวที่อยู่มานานย่อมรู้ดี ซูฮวา เป็นสาวใช้ของฮั่วเจียน ทำไมคนอย่างนางถึงมาหาศิษย์น้องของพวกมันได้…

 ไม่หรอกศิษย์พี่ ข้าฝึกเสร็จพอดี ไป๋จูเหวินตอบตามความจริงเพราะการวิ่งไล่จับรอบเมื่อครู่ถือเป็นรอบสุดท้ายแล้วจริงๆ แถมจิงหลิงก็ไม่มีอะไรจะสอนศิษย์น้องคนนี้แล้วด้วย

 จริงเหรอ น่าเสียดายจริงๆ ข้านึกว่าจะได้เห็นน้องไป๋ฝึกวิชาสักหน่อย ซูฮวาตอบด้วยท่าทีเสียดาย หากนางได้เห็นตอนไป๋จูเหวินฝึกฝีมือ บางทีอาจจะได้รู้เคล็ดลับอะไรบ้างก็ได้

 ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านไม่มาฝึกร่วมกับพวกเราล่ะ ไป๋จูเหวินถามด้วยใบหน้าอ่อนโยน

 ได้งั้นเหรอ ซูฮวาถามพลางหลบสายตาของอีกฝ่ายด้วยท่าทีเอียงอาย แต่ดวงตาของนางกลับมีท่าทีดีใจให้เห็นอย่างชัดเจน

 หากศิษย์พี่ไม่ว่าละก็.. ไป๋จูเหวินหันมามองทางพวกเฟิงชิว ความจริงศิษย์หอตะวันออกและหอวันตกไม่ค่อยฝึกวิชาด้วยกันนัก เพราะอาจารย์ของทั้งสองหอไม่ค่อยชอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้

 ก็…ข้าคงห้ามอะไรไม่ได้นี่นา เฟิงชิวยักไหล่ ในสายตาของมันไป๋จูเหวินท่าทางชมชอบซูฮวาไม่น้อย ถึงขั้นชวนมาฝึกวิชาด้วยกันทั้งๆที่นางเป็นคนของหอตะวันตก แต่อย่างว่าซูฮวาก็เป็นสาวงามจริงๆแม้แต่เฟิงชิวยังเคยคิดจะจีบนาง แต่เพราะนางเป็นสาวใช้ของฮั่วเจียน เฟิงชิวเลยล้มเลิกไปเพราะหากมันไปจีบซูฮวาจริงคงต้องเจอฮั่วเจียนทุกวัน แบบนั้นคงกระอักกระอ่วนไปหน่อย

 เช่นนั้นท่านก็มาฝึกกับพวกเราได้ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยถนัดวิชากระบองเท่าไหร่ อาจจะช่วยท่านได้ไม่มาก ไป๋จูเหวินยิ้มเจื่อนๆด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย

 กระบอง? ทำไมน้องไป๋ต้องฝึกวิชากระบองให้ข้าด้วยล่ะ ซูฮวาถามพลางกระพริบตาถี่ๆด้วยท่าทีงุนงง

 ไม่ใช่ว่าเมื่อวานท่านถือตำราวิชากระบองหรอกหรือ ไป๋จูเหวินถาม มันจำได้อย่างชัดเจนเลยว่าซูฮวาถือวิชากระบองเอาไว้ก่อนที่จะล้ม ทำเอาซูฮวาสะดุ้งโหยงทันทีเพราะวันนั้นนางไม่ได้ดูว่าตนอยู่ในชั้นตำราอะไร นางพึ่งรู้ตอนนี้เองว่านางถือตำราวิชากระบองอยู่

 เรื่องนั้น… ซูฮวาพูดพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน นี่มันจดจำได้ด้วยงั้นหรือว่านางถือตำราอะไรตอนล้ม หรือมันเป็นพวกสอดส่องตำแหน่งไฝของหญิงสาวทุกคนที่เดินผ่านกัน?

 ข้าแค่รู้สึกว่ากระบี่ไม่เหมาะกับข้าเท่าไหร่ ซูฮวาพยายามหาข้ออ้าง เพราะหากให้ฝึกวิชากระบองละก็คงต้องเริ่มใหม่หมดแน่ๆ

 วันนั้นข้าก็แค่ลองอ่านตำราอาวุธชนิดอื่นเท่านั้นเอง ซูฮวาพูดจบก็เหลือบมองไป๋จูเหวิน ท่าทางมันไม่ได้สงสัยอะไรเท่าไหร่

 ถ้าเช่นนั้นหากท่านเลือกอาวุธได้แล้ว ข้าจะพยายามช่วยท่านก็แล้วกัน ไป๋จูเหวินยิ้มอีกครั้งทำเอาซูฮวาทั้งเขินอายทั้งรู้สึกกดดัน นี่นางต้องฝึกอาวุธอื่นจริงๆงั้นหรือ แค่วิชากระบี่กว่านางจะฝึกได้ก็ใช้เวลาไปเป็นปีแล้ว ขืนให้ฝึกอาวุธอย่างอื่นละก็ นางแทบไม่อยากจะคิด

.

.

 เจ้าคิดว่าไงจิงหลิง เฟิงชิวถามพลางมองไป๋จูเหวินที่กำลังคุยกับซูฮวา

 ก็คงโดนฮั่วเจียนส่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย จิงหลิงตอบ สำหรับผู้หญิงเหมือนกันแล้วซูฮวาเล่นได้ไม่เนียนเท่าไหร่ แม้นางจะเขินอายจริงๆ แต่นางก็ดูตั้งใจจะดูไป๋จูเหวินฝึกเสียให้ได้

 แล้วจะช่วยศิษย์น้องของเรายังไง เฟิงชิวถามต่อ

 ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้หรอก ท่าทางศิษย์น้องจะชอบซูฮวาไม่น้อย ในสายตาของคนนอกแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรไป๋จูเหวินก็มีท่าทีดีต่อซูฮวาจริงๆ หากบอกว่าชอบก็คงใช่ และเมื่อใดที่คนเราตกอยู่ในความรัก มันก็ย่อมไม่ฟังเสียงคนรอบข้างเป็นธรรมดา แต่พวกเฟิงชิวไม่ค่อยกังวลที่มีซูฮวามาสืบความลับนัก เพราะพวกมันฝึกกับไป๋จูเหวินมาทั้งวัน ก็ยังหา

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 35 ชี้แนะ

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท