บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 67 รับผิดชอบ

ตอนที่ 67 รับผิดชอบ

ตอนที่ 67

รับผิดชอบ

 นี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรพูดพลางมองจดหมายที่คนของสำนักคร่าอินทรีส่งมาให้ นอกจากจะมีเรื่องศิษย์ของสำนักตนเองไปทำร้ายศิษย์ของสำนักคร่าอินทรี แถมคนที่แจ้งชื่อมากลับมีทั้งหยงเวยและหลินหลินอีกต่างหาก

 ไปตามไป๋จูเหวินมา เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หากหลินหลินที่เป็นอสูรระดับสูงทำร้ายผู้คนละก็เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

 ท่านเจ้าสำนักเรียกข้าหรือ ไป๋จูเหวินที่โดนตามตัวมารีบคารวะท่านเจ้าสำนักอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่มันพึ่งหลอมยาเสร็จจึงเอายาให้ต้าชิงต้าเฉินกินก่อนที่จะโดนตามตัวมาพอดี

 ไม้ต้องพูดอะไรแล้ว ตามข้ามา เต้าสำนักว่าพลางเดินนำไป่จูเหวินออกไปจากสำนัก ทันทีที่พ้นประตูสำนักเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรก็รีบเร่งความเร็วทันทีเพื่อไปยังสำนักคร่าอินทรีซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือ

 ท่านเจ้าสำนัก เกิดอะไรขึ้นขอรับ ไป๋จูเหวินสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดจึงอกไม่ได้ที่จะถามออกไป

 ดูเหมือนหลินหลินจะไปทำร้ายคนของสำนักล่าอินทรีเข้า ข้ากลัวว่านางจะอาละวาดเลยเรียกเจ้าที่เป็นเจ้านายมาด้วย ได้ยินเจ้าสำนักพูดเช่นนั้นดวงตาของไป๋จูเหวินก็มีท่าทีงุนงงทันที มันสั่งไปแล้ว่าห้ามทำร้ายคนอื่น ปกติแม้แต่พวกท่านน้าก็ยังไม่ค่อยผิดสัญญากับไป๋จูเหวินเท่าไหร่ เรียกได้ว่าหากยอมได้ก็จะทำ ยิ่งเป็นอสูรระดับล่างๆยิ่งเชื่อฟังมากตามไปด้วย ทำให้ไป๋จูเหวินไม่คิดว่าหลินหลินจะลงมือทำร้ายคนอื่น

 หวังว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด.. ไป๋จูเหวินว่าพลางตามเจ้าสำนักมาจนถึงสำนักคร่าอินทรี

 มาแล้วสินะ ท่านเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร ชายวัยกลางคนๆหนึ่งทักขึ้นเมื่อเห็นร่างของเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร มันยิ้มพลางเปิดประตูสำนักออกอย่างแรง

 ยินดีต้อนรับท่านเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร เสียงของชายอีกคนดังขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรเดินเข้าไปในสำนักคร่าอินทรี ยามนี้ทุกคนในสำนักออกมายืนรอต้อนรับด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรนัก

 ท่านเจ้าสำนักคร่าอินทรี เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางประสานมือขึ้นไปบนหลังคาสำนัก

 ศิษย์ขอข้าอยู่ที่ไหน แม้จะไม่เห็นร่างของเจ้าสำนักคร่าอินทรี แต่เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรยังคงพูดต่อราวกับรู้ตำแหน่งของเจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าอยู่ที่ไหน

 ศิษย์ของเจ้าทำร้ายศิษย์ของข้า เจ้าคิดว่าจะรับผิดชอบอย่างไร อยู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมร่างของชายชราผู้แต่งกายด้วยชุดสีเทาประดับด้วยแผ่นเงิน ดวงตาของมันคมกร้าราวกับอินทรี คิ้วและผมเป็นสีขาวโพลนเช่นเดียวกับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร

 ข้าขอพบศิษย์ของข้าก่อน เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรยังยืนยันคำเดิม อย่างน้อยมันก็อยากทราบความเสียหายก่อน

 ได้ เอาพวกมันออกมา เจ้าสำนักคร่าอินทรีพูดจบ ประตูในสำนักก็เปิดออกพร้อมร่างของหยงเวยและหลินหลินถูกพาตัวออกมา ตัวหยงเวยนั้นมีรอยช้ำเล็กน้อยส่วนหลินหลินไม่มีร่องรอยอะไรเลยนอกจากโดนมัดเอาไว้ เพียงแต่คนที่ออกมาไม่ได้มีแค่หยงเวยกับหลินหลินเท่านั้น เพราะนอกจากนั้นยังมีชายคนหนึ่งถูกหามออกมาพร้อมพวกหยงเวยเช่นกัน

 เจ้าดูเถอะ ศิษย์ของข้าถูกโจมตีอย่างรุนแรง ตอนนี้มันยังไม่ได้สติเลย ได้ยินที่เจ้าสำนักคร่าอินทรีพูดแล้ว ดวงตาของไป๋จูเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มทันที คนแรกที่มันสนใจคือศิษย์ของสำนักคร่าอินทรี มันมีอาการบาดเจ็บไม่มาก เพียงแต่ที่ลำคอโดนโจมตีรุนแรงเกินไปจนหมดสติ เพียงแต่ร่องรอยบาดเจ็บมีเพียงรอยสันดาปเท่านั้น หมายความว่าหลินหลินไม่ได้ทำอะไร ส่วนหยงเวยนั้นมีอาการบวมช้ำหลายจุดแต่ก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไรพักผ่อนสองสามวันก็คงหาย ส่วนหลินหลินไร้รอยขีดข่วน นางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย หรืออาจจะเพราะไม่มีใครทำร้ายนางได้กระมัง

 เจ้าสำนักเขี้ยวมังกร เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร เจ้าสำนักคร่าอินทรีถามด้วยน้ำเสียงดังกึกก้อง

 หยงเวย เรื่องมันเป็นอย่างไร เล่าให้ข้าฟังซะ เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรเลือกที่จะถามศิษย์ของตนเองก่อน

 ท่านเจ้าสำนัก ข้าและหลินหลินเดินทางไปนอกเมือง แต่ตอนกลับมาศิษย์ของสำนักคร่าอินทรีก็เข้ามาโจมตีหลินหลิน ข้าเลยใช้สันดาปโจมตีที่ต้นคอเพื่อหยุดเขาขอรับ หยงเวยอธิบายพลางมองไปทางศิษย์สำนักคร่าอินทรีที่ยังสลบอยู่ ความจริงมันก็ลงดาบหนักกว่าที่กะเอาไว้ไม่น้อย ที่มันยังสลบไม่ฟื้นอาจจะเพราะอย่างนั้นก็ได้

 โกหก ศิษย์น้องพวกข้าไปทำร้ายเด็กสาวคนนั้นได้อย่างไร ชายอีกคนว่าพลางชี้ไปที่หลินหลิน

 ดูนางสิ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน จะบอกว่าโดนทพร้ายหรือ พอได้ยินแบบนั้นคำพูดของหยงเวยก็ดูเบาลงทันที เพราะไม่ว่าจะอย่างไรหลินหลินก็ไม่มีรอยบาดเจ็บจริงๆ

 หลินหลิน พวกเขาทำร้ายเจ้าหรือเปล่า ไป๋จูเหวินถามพลางมองหลินหลิน

 ผู้ชายคนนั้นปาเหล็กยาวๆใส่ข้า แต่พี่ไป๋ห้ามข้าไม่ให้ทำร้ายใครข้าเลยไม่ได้ลงมือ หลินหลินตอบพลางมองไปทางหยงเวย ในห้องเมื่อครู่หยงเวยโดนศิษย์พี่ของคนที่สลบไปซ้อมไม่น้อย นางไม่อยากให้หยงเวยที่ช่วยเก็บหยกให้นางเป็นอะไร

 อืม เจ้าทำดีแล้ว ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา อย่างน้อยก็ไม่ใช่หลินหลินที่ทำร้ายคนอื่น

 นางเป็นพวกเดียวกับเจ้า ก็ต้องพูดเข้าข้างเจ้า แต่ความจริงก็เห็นกันอยู่ สาวน้อยคนนี้ไม่ได้โดนทำร้าย ศิษย์ของสำนักเขี้ยวมังกรจึงอ้างไม่ได้ว่ามาช่วยสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ ศิษย์พี่ของคนที่สลบว่าพลางมองไป๋จูเหวินอย่างเย้ยหยัน

 ไม่ต้องพูดมาก ศิษย์เจ้าทำร้ายศิษย์ข้า เจ้าต้องชดใช้ เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางลอยลงมาจากบนหลังคา ท่วงท่าของมันพลิ้วราวกับไม่ได้รับผลจากแรงโน้มถ่วงเลยแม้แต่น้อย วินาทีหนึ่งมันราวกับเหยียบยืนอยู่บนท้องฟ้าไม่มีผิด

 ชดใช้ เจ้าต้องการให้ข้าชดใช้อย่างไร เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางลอบมองหยงเวย อย่างไรศิษย์ของมันก็โดนจับเอาไว้ ถือว่ามันเสียเปรียบอยู่

 เจ้าต้องรับการโจมตีจากข้า 3 ครั้ง ถือว่าหายกัน ได้ยินเช่นนั้นเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรก็เบิกตากว้าง มันรู้ฝีมือของเจ้าสำนักคร่าอินทรีดี รับการโจมตีถึง 3 ครั้งย่อมทำให้มันบาดเจ็บไม่มากก็น้อย

ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่เจ้าสำนักคร่าอินทรีต้องการแล้ว มันต้องการทำให้เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรบาดเจ็บก่อนงานชุมนุมของเจ้านครผาหยก การจัดอันดับของสำนักต้องวัดความสามารถของเจ้าสำนักไปด้วย แม้สำนักคร่ามังกรจะอยู่อันดับใดก็ยังได้รับความเกรงใจเพราะเป็นสำนักย่อยของกลุ่มนักล่าอสูร แต่การปราชัยง่ายๆในการประลองย่อมสร้างความเสื่อมเสียไม่น้อย

 ท่านเจ้าสำนัก ให้ข้ารับแทนท่านเถอะ ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินออกมาข้างหน้า

 เจ้าไม่เกี่ยวเจ้าหนู เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางมองไป๋จูเหวินนิ่ง พลังของมันอยู่เพียงหลอมรวมปฐพีขั้นแรกเท่านั้น ต่อให้ซัดมันจนตายก็ไม่ได้ทำให้สำนักเขี้ยวมังกรที่ไม่ส่งศิษย์ลงประลองเสียหายอะไรแน่ๆ

 คนที่ท่านจับตัวไว้หนึ่งเป็นสหายของข้าหนึ่งเป็นอสูรเลี้ยงของข้า ท่าจะบอกว่าข้าไม่เกี่ยวได้อย่างไร ไป๋จูเหวินว่าพลางจ้องเจ้าสำนักค่าอินทรีนิ่ง

 ได้ ข้าจะให้เจ้ารับการโจมตีจากศิษย์ข้า 5 ครั้ง หากเจ้ารับไหวข้าจะเจ้าสำนักของเจ้าก็ไม่ต้องรับมือข้า เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางหันไปมองศิษย์เอกของมัน ทำให้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มศิษย์ ตัวมันมีพลังระดับหลอมรวมปฐพีขั้นที่ 9 นับว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักคร่าอินทรีแล้ว

 เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเจ้าหนู ชายคนนั้นว่าพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน ตัวของมันสูงกว่าไป๋จูเหวินหลายเท่า แถมยังมีพลังมากกว่าอีกด้วย

 ฝ่ามือแรก ชายคนนั้นว่าพลางง้างฝ่ามือไปข้างหลัง เพียงแต่พอฟาดฝ่ามือลงมาไป๋จูเหวินกลับใช้ฝ่ามือของมันรับฝ่ามือของชายคนนั้นเอาไว้ด้วยฝ่ามือหิมะละลายกลางนภา ทำให้ฝ่ามือของชายคนนั้นไร้กำลังไปในพริบตา

 เจ้าหนู ใครบอกให้เจ้ารับมือ เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางกระทืบเท้าเสียงดัง

 ไป๋จูเหวิน เจ้าต้องยืนรับฝ่ามือเฉยๆ เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรกระซิบบอกไป๋จูเหวินก่อนจะถอยอออกไป

 ขออภัยด้วย ไป๋จูเหวินประสานมือขออภัยเพราะมันไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน

 ไม่เป็นไร ข้านับให้เป็น 1 ฝ่ามือ ศิษย์สำนักคร่าอินทรีตอบพลางเตรียมตัวซัดอีกฝ่ามือใส่ไป๋จูเหวินอีกครั้ง คราวนี้ไป๋จูเหวินได้ทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไร มันเพียงยืนนิ่งเอาไว้รอรับฝ่ามือเท่านั้น

เปรี้ยง! ฝ่ามือที่ 2 โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ร่างกายของไป๋จูเหวินกลับไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว ด้วยพลังอสูรระดับทองและพลังวิญญาณระดับหลอมรวมปฐพี ไป๋จูเหวินสามารถยืนรับฝ่ามือของมนุษย์ระดับหลอมรวมปฐพีขั้นที่ 9 ได้ราวกับไม่โดนสิ่งใด

 …ต่อเลย เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางมองไป๋จูเหวินนิ่ง มันไม่มีท่าทีบาดเจ็บเลย แต่พลังของมันน้อยกว่าศิษย์เอกของมันหลายเท่า เหตุใดถึงสามารถทนได้กัน

เปรี้ยง!! ฝ่ามือที่ 3 แรงกว่าฝ่ามือที่ 2 หลายเท่า แต่ร่างของไป๋จูเหวินกลับไม่แม้แต่จเคลื่อนไหว บัดนี้หน้าของศิษย์เอกสำนักคร่าอินทรีแดงก่ำ ไม่ใช่แค่ไป๋จูเหวินสามารถทนการโจมตีของมันได้ แต่ทุกครั้งที่มันโจมตีลงไปราวกับซัดฝ่ามือใส่เสาเหล็ก มันไม่แม้แต่จะเขยื้อนไปด้านหลังเสียด้วยซ้ำ

เปรี้ยงๆ ศิษย์สำนักคร่าอินทรีซัดไป๋จูเหวิน 2 ฝ่ามือติด แต่ผลก็ออกมาเช่นเดิม ตรงกันข้ามฝ่ามือของมันเองต่างหากที่รู้สึกชาขึ้นมา

ตูม! อยู่ๆฝ่ามือของเจ้าสำนักคร่าอินทรีก็ซัดใส่อกของไป๋จูเหวิน ด้วยดวงตาสีแดงทำให้ไป๋จูเหวินรับมือได้ทัน แต่กำลังของเจ้าสำนักคร่าอินทรีกลับรุนรงกว่าเหล่าอาจารย์อสูรเสียอีก ทำให้ไป๋จูเหวินโดนซัดจนถอยไปหลายก้าว

 เจ้าสำนักคร่าอินทรี เจ้าทำอะไร เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรคำรามพลางเดินไปอยู่ข้างๆไป๋จูเหวิน

 ข้าบอกว่า หากเจ้ารับฝ่ามือศิษย์ข้าได้ 5 ครั้งเจ้าสำนักของเจ้าก็ไม่ต้องรับฝ่ามือข้า แต่ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่ซัดฝ่ามือใส่เจ้าตามที่ตกลงกันแต่แรก เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางเดินมายืนหน้าไป๋จูเหวิน

 ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารับไหว ไป๋จูเหวินว่าพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ในเมื่อตอนแรกมันก็จะรับฝ่ามือแทนเจ้าสำนักอยู่แล้ว เพียงเจ้าสำนักคร่าอินทรีเล่นลิ้นนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 67 รับผิดชอบ

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท