บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 55 สำนักเทพจุติ

ตอนที่ 55 สำนักเทพจุติ

ตอนที่ 55

สำนักเทพจุติ

 อะ เอ่อ… นายน้อย ต้าชิงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องพูดขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ ยามนี้ภายในห้องราวกับคลังสมบัติไม่มีผิดเพราะนอกจากอาวุธวิเศษที่ล้ำค่ามากมายยังมีทั้งเกราะแขนเกราะขาเกราะอกที่ดูอย่างไรก็เป็นของล้ำค้าอย่างมากวางกองเต็มพื้นไปหมด ส่วนนายน้อยของมันกำลังนั่งอ่านตำราราวกับไม่ได้สนใจของพวกนี้เลย

 ของพวกนี้เก็บไว้ในแหวนมิติไม่ดีกว่าหรือขอรับ ต้าชิงถามพลางกลืนน้ำลายลงคอ ของพวกนี้มันเองยังไม่คิดว่าจะได้เห็นในชาตินี้เสียด้วยซ้ำ

 ข้ากำลังตรวจสอบดูว่าของพวกนี้เป็นของใครกันแน่ ไป๋จูเหวินว่าพลางพลิกตำราที่ถูกทิ้งไว้ในแหวนมิติเช่นเดียวกับของวิเศษต่างๆ ดูเหมือนเจ้าของแหวนมิติวงนี้จะเป็นผู้มีฐานะสูงส่งในสำนักที่ชื่อว่า สำนักเทพจุติ โดยในตำรา 5 เล่มที่มันทิ้งเอาไว้มีวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณชื่อว่า พลังเทพจุติ ซึ่งเป็นวิชาฝึกฝนที่ดีทีเดียว แต่ก็ยังไม่เท่ากับวิชาโลหิตมังกรของท่านอาวุโสเทียนหมิง เพียงแต่ใน 5 เล่มมีตำราฝึกฝนพลังวิญญาณอีกเล่ม คากว่าคงไม่ต่างจากเคล็ดวิชาโลหิตมังกรมากนัก เพียงแต่วิชาดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ 2 คนร่วมกันฝึกฝนและทั้งคู่ต้องเป็นผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชา เทพจุติ อีกต่างหาก โดยเคล็ดวิชาดังกล่าวเรียกว่าเคล็ดวิชาเทพประสาน นอกจากวิชาฝึกฝนแล้วยังมีเคล็ดวิชาต่อสู้อีก 3 เล่ม 1 เป็นท่ากระบี่วิชากระบี่สู่สวรรค์ ไป๋จูเหวินลองอ่านดูแล้วนับว่าเป็นยอดวิชากระบี่สายหนึ่งเลยก็ว่าได้ ต่อมาเป็นวิชาท่าเท้าเรียกว่าวิชาเหยียบเมฆ เป็นวิชาตัวเบาที่เหนือกว่าวิชาตัวเบาในสำนักธารโลหิตอย่างเทียบไม่ติด ตัวไป๋จูเหวินที่ขาดทักษะวิชาตัวเบาอยู่มากจึงตั้งใจจดจำเป็นพิเศษ ส่วนต่อมาเป็นวิชามีดสั้น ตัวไป๋จูเหวินเพียงจกจำผ่านๆเพราะไม่ได้เป็นวิชาโดดเด่นอะไรนัก

 จริงสิ พี่ชิง พี่เฉิน พวกพี่เอาตำราพวกนี้ไปฝึกฝนเถอะ ไป๋จูเหวินว่าพลางยื่นตำรา 4 เล่มให้กับพวกต้าชิงต้าเฉิน เหลือเอาไว้แต่เคล็ดวิชาเทพประสานเท่านั้น เพราะทั้งสองยังต้องฝึกเคล็ดวิชาเทพจุติเสียก่อน

 วิชาเทพจุติ ของสำนักเทพจุติ? ต้าชิงอ่านหน้าตำราอย่างงุนงง ตัวมันไม่เคยได้ยินชื่อสำนักดังกล่าวมาก่อนเลย

 เป็นสำนักที่ปากดีจริงๆ ถึงขนาดกล้าเรียกตนเองเป็นเทพเลย ต้าเฉินว่าพลางพลิกตำราที่นายน้อยให้มาอย่างสนใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิชาดาบมันเลยเอาวิชาเหยียบเมฆมาอ่านก่อนเป็นเล่มแรกปล่อยให้ต้าชิงอ่านวิชาฝึกฝนไปก่อนเพราะมีตำราแค่เล่มเดียว

 ของพวกนี้พวกท่านอยากได้เอาไว้หรือไม่ ข้าไม่เคยใช้อาวุธเสียด้วย ไป๋จูเหวินถามพลางมองอาวุธวิเศษที่อยู่บนพื้น

 ขะ ของพวกนี้… แม้แต่ต้าเฉินยังรู้ว่าของมีค่าเช่นนี้ตนเองไม่สมควรได้

 นายน้อย ของพวกนี้มีค่าเกินไป หากให้พวกเราพกไปไหนมาไหนคงได้โดยชิงไปแน่ๆ ต้าชิงพูดพลางหาข้ออ้างให้ไป๋จูเหวินนำของกลับไป

 ก็จริง ไป๋จูเหวินว่าพลางเก็บของต่างๆลงแหวนไป ทำให้ต้าชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก

 นายน้อยท่านจะไปไหน แต่แทนที่จะอยู่เฉย ไป๋จูเหวินกลับเปิดประตูราวกับจะออกไปข้างนอก

 ข้าจะไปหาแหวนมิติมาให้ท่านทั้งสองใช้เก็บอาวุธ ไป๋จูเหวินตอบหน้าซื้อทำเอาต้าชิงเหงื่อตก ทำไมกลายเป็นว่าพวกมันรบกวนนายน้อยยิ่งกว่าเดิมล่ะ

 พวกท่านไม่ต้องกังวล ที่ข้าทำเช่นนี้เพราะข้าเชื่อในความจงรักภักดีของพวกท่าน หากท่านไม่คิดทรยศข้า ข้าก็จะดูแลท่านเช่นเดียวกับพี่น้อง ไป๋จูเหวินยิ้มพลางปิดประตูห้องไป ผล่อยให้พวกต้าชิงต้าเฉินยืนนิ่งอยู่ในห้อง นายน้อยมักจะเห็นใจพวกมันอยู่เสมอเช่นนี้พวกมันจะกล้าทรยศนายน้อยได้อย่างไรกัน

 พวกเราคงปล่อยให้นายน้อยนำหน้าอยู่เช่นนี้ต่อไปไม่ได้เสียแล้ว ต้าชิงว่าพลางมองไปทางต้าเฉินที่อยู่ข้างๆ

 ท่านพูดถูก ต้าเฉินพูดพลางเดินมาหยิบตำราเทพจุติที่ต้าชิงทิ้งไว้บนพื้นเมื่อครู่

 ข้าขอยืมลอกเนื้อหาไปก่อย เราค่อยมาฝึกด้วยกัน ต้าเฉินว่าพลางเอากระดาษและพู่กันออกมาจากกระเป๋าของตน

.

.

อีกด้านของเมือง ไป๋จูเหวินเดินทางกลับไปที่ร้านคลังสมบัติผาหนกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคราวนี้ที่ร้านจะวุ่นวายกันไม่น้อย

 กรรรร  เสียงขู่ดังมาจากภายในร้านคลังสมบัติผาหยกที่อยู่เบื้องหน้าไป๋จูเหวิน เสียงเช่นนี้ไป๋จูเหวินได้ยินอยู่บ่อยครั้งในเขตของสัตว์อสูรเพราะมันคือเสียงำครามของอสูรนั่นเอง เพียงแต่มันออกจะเบาไปหน่อย…

โครม! เมื่อเดินมาถึงหน้าร้าน เสียงกระแทกก็ดังขึ้นพร้อมรถม้าขนาดใหญ่ที่จอดอยู่หน้าร้านคลังสมบัติผาหยก

 กรรร เสือสีดำตัวหนึ่งคำรามอย่างดุดันอยู่ในรถม้าดังกล่าว เห็นได้ชัดเลยว่าที่คอของมันมีโซ๋ล่ามเอาไว้เช่นเดียวกับที่ขาแต่ละข้างของมัน

 ไม่ไหวขอรับนายหญิง มันไม่ยอมสงบเลย ชายคนหนึ่งพูดขณะพยายามจะเข้าไปจับตัวเสือดำตัวนั้น แต่เพราะเจ้าเสือดำยังดิ้นไม่ยอมหยุดทำให้ชายคนนั้นไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้เลย

 รีบทำอะไรเร็วเข้า แบบนี้มันรบกวนลูกค้าข้านะ เสียงของจื่นลู่ดังแว่วมาจากภายในร้าน ทำให้ไป๋จูเหวินเดินไปที่ประตูโดยไม่สนใจเสือดำเลยแม้แต่น้อย เอาจริงๆมันก็แค่เสือดำระดับเงินขั้นแรกเท่านั้นไม่ได้ทำให้ไป๋จูเหวินลำบากใจเลย

 คุณชาย…เวลานี้คงไม่เหมาะจะต้อนรับท่าน 

โครม! จื่อลู่พูดไม่ทันจบเสือดำก็เหวี่ยงตัวเองชนกับผนักรถม้าจนเกิดเสียงดังโครมคราม ทำให้จื่อลู่ส่งสายตาขอโทษมาให้ไป๋จูเหวิน

 มีเรื่องอะไรกันหรือ ไป๋จูเหวินถามพลางมองเสือดำที่พยายามดิ้นไปมาอยู่ในรถม้า

 เสือดำตัวนี้เป็นอสูรที่สำนักเขี้ยวมังกรสั่งเข้ามาเจ้าค่ะ แต่มันเกิดอาลาวาด.. จื่อลู่อธิบายพลางมองเสือดำที่พยายามจะหนีให้ได้ เจ้าเสือดำตัวนี้นางจ้างพวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจับมาให้ แต่ยาสลบที่ใช้กับเจ้าเสือดำกลับหมดฤทธิ์เสียได้

 สำนักเขี้ยวมังกร? พวกเขาจะซื้อเสือตัวนี้ไปทำอะไรกัน ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะเป็นสำนักที่ตนเองจะไปเข้ามันเลยสนใจเป็นพิเศษ

 เห็นว่าจะนำไปทดสอบผู้สมัครเข้าสำนักเจ้าค่ะ จื่อลู่ตอบพลางมองคนงานของตนที่พยายามจัดการเจ้าเสือดำ แต่อสูรคงจะกินแรงเกินไปสำหรับคนธรรมดาจริงๆ

 ทดสอบ? ไป๋จูเหวินทวนคำงงๆ ทำไมต้องใช้เสือดำนี้ทดสอบด้วย

 ข้าเองก็ไม่ทราบรายระเอียดเจ้าค่ะ จื่อลู่ตอบตามตรง เพราะหน้าที่ของนางมีเพียงหาอสูรมาให้เท่านั้น แต่หากมันหลุดออกไปคงเป็นเรื่องแน่ๆ หวังว่ามันจะสงบไวๆ

 แต่ก็ไม่ได้เอามันไปฆ่าสินะ ไป๋จูเหวินถามพลางเดินเข้าไปหาเสือดำช้าๆ

 คุณชาย… จื่อลู่เห็นไป๋จูเหวินเดินเข้าไปก็เตรียมจะห้าม แต่พอนึกถึงอาวุธวิเศษที่ไป๋จูเหวินนำออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ นางก็คิดเอาว่าไป๋จูเหวินคงเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ เขาคงสามารถจัดการเจ้าเสือดำตัวนั้นได้กระมัง

 ใจเย็นๆ ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาเสือดำช้าๆ แน่นอนว่าไป๋จูเหวินสามารถจัดการเสือดำได้อยู่แล้ว เพียงแต่วิธีที่มันใช้ออกมาไม่ใช่อย่างที่จื่อลู่คิด

 กรรร เสียงของเสือดำอ่อนลงอย่างชัดเจนหลังจากไป๋จูเหวินเดินเข้าไปพลังพิเศษของไป๋จูเหวินมีผลแม้กระทั่งอสูรอย่างพวกท่านน้า เพียงเสือดำขั้นเงินที่ยังไม่มีสติปัญญามีหรือจะทนพลังเช่นนี้ได้ ไม่นานความดุร้ายก็หายไปจากดวงตาของมัน

 ไม่เป็นไร พวกเขาไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าหรอก ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวเสือดำเบาๆ แทบจะทันทีที่โดนสัมผัสท่าทีต่อต้านทั้งหมดของเสือดำก็มลายหายไปจนหมดสิ้น

 ครืดดด เจ้าเสือดำที่อาลาวาดจนถึงเมื่อครู่ส่งเสียงครางในลำคอออกมาเมื่อไป๋จูเหวินลูบหัวของมันราวกับตอนเล่นกับแมว ทำเอาเหล่าคนงานของจื่อลู่อึ้งกันถ้วนหน้า

 สัญญากับข้า เจ้าอย่าทำร้ายพวกเขาและเชื่อฟังที่พวกเขาพูดเข้าใจหรือไม่ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองดวงตาของเสือดำ มันทำท่าราวกับจะพยักหน้าทำให้ไป๋จูเหวินยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แม้จะยังไม่มีสติปัญญาพูดคุยได้ แต่อสูรเหล่านี้ก็ไม่ได้ไร้ปัญญาเหมือนสัตว์ป่าทั่วไป อย่างน้อยมันก็ฟังสิ่งที่พวกเราต้องการจะสื่อได้

เคร๊งๆๆ ไป๋จูเหวินใช้นิ้วมือหักโซ่ที่ล่ามเสือดำเอาไว้ออก ทำเอาพวกจื่อลู่ตกใจกันยกใหญ่

 คุณชาย ท่านทำอะไรน่ะ จื่อลู่ท้วงพลางถอยหลังออกมา

 ไม่ต้องห่วง มันไม่ทำอะไรท่านแล้ว ไป๋จูเหวินยิ้มพลางพาเสือดำเดินตามตนเองมาหาจื่อลู่ แน่นอนว่านางย่อมถอยออกห่างให้ไวที่สุดอยู่แล้ว

 ไม่ต้องกลัว ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวเจ้าเสือดำอีกครั้ง

 ….. แม้จะเห็นเช่นนั้นจื่อลู่ก็ยังไม่มีท่าทีจะยอมเดินเข้าไปหาไป๋จูเหวินแม้แต่น้อย

 มาสิ ไป๋จูเหวินยิ้มพลางส่งมือไปให้จื่อลู่

 ทะ ทำไมต้องเป็นข้า จื่อลู่ถามพลางถอยหลังไปอีกก้าว

 ก็เจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ไม่ใช่หรืออย่างไร ได้ยินที่ไป๋จูเหวินพูด จื่อลู่ก็ราวกับมีชะงักติดหลังขึ้นมาทันที นางค่อยๆเดินก้าวเข้าหาไป๋จูเหวินช้าๆจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าเสือดำ

 มันไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ไป๋จูเหวินว่าพลางถอยออกมาเล็กน้อย ให้จื่อลู่ได้อยู่ใกล้กับเสือดำมากขึ้น

 ครืดดด เจ้าเสือดำราวกับรู้งาน มันทำท่าราวกับลูกแมวเชื่องๆก่อนจะดันหัวของมันเข้ามาเบียดขาของจื่อลู่ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเกร็งไปทั้งตัว แต่ไม่นานจื่อลู่ก็ใจเย็นลงก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวของเสือดำเช่นที่ไป๋จูเหวินทำ

 ข้าบอกให้มันเชื่อฟังเจ้าแล้ว มันไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองจื่อลู่ที่กำลังลูบเสือดำอย่างเพลิดเพลิน ท่าทางนางคงต้องหาอสูรตัวใหม่ให้สำนักเขี้ยงมังกรเสียแล้ว

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 55 สำนักเทพจุติ

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท