บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 79 หน่วย 7

ตอนที่ 79 หน่วย 7

ตอนที่ 79

หน่วย 7

ตุบๆๆ เสียงเท้าของพวกไป๋จูเหวินที่กำลังเดินผ่านตัวเมืองของเมืองร้อยแปดอสูรสร้างความสนใจให้แก่ชาวเมืองเป็นอย่างมาก เพียงแต่ผู้ที่ดึงดูดความสนใจกลับไม่ใช่ไป๋จูเหวินหรือแม้แต่ต้าชิงต้าเฉิน แต่เป็นเหล่าอสูรระดับต่ำที่พากันวิ่งตามไป๋จูเหวินราวกับมันเป็นคนให้อาหารเสียอย่างนั้น

 ที่นี่อสูรเยอะมากเลยนะ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเหล่าอสูรที่พากันเดินตามตนมาพร้อมส่ายหางราวกับดีใจกันถ้วนหน้า ภายในเมืองร้อยแปดอสูรหลังกำแพงแรกเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีไปทั้งผืน โดยมีบ้านหลังเล็กๆเหมือนกระท่อมตั้งอยู่ประปาย ในเขตนี้ส่วนใหญ่เป็นเขตการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ เพียงแต่สัตว์ที่เลี้ยงกลับเป็นอสูรเสียส่วนใหญ่

 ขอโทษนะพ่อหนุ่ม ปกติพวกมันไม่เป็นแบบนี้นะ ชายชราเจ้าของอสูรพวกนี้ว่าพลางนำกระดิ่งอันหนึ่งออกมาสั่นราวกับใช้มันเพื่อเรียกเหล่าอสูร แต่วันนี้พวกมันราวกับลืมเจ้านายของมันเพราะพวกมันยังคงเดินตามไป๋จูเหวินโดยไม่สนเสียงกระดิ่งเลยแม้แต่น้อย

 เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เจ้าพวกนี้เป็นอสูรชั้นต่ำ พูดง่ายๆก็คือพวกมันฟังภาษามนุษย์ไม่ออกไป๋จูเหวินเองก็พูดคุยกับพวกมันไม่ได้เสียด้วย

 ไม่ต้องตามมา ไป๋จูเหวินว่าพลางยกมือห้ามพวกอสูรตัวเล็กตัวน้อยตามตนมา แม้จะฟังไม่เข้าใจแต่ภาษากายของไป๋จูเหวินก็เหมือนจะพอใช้ได้ พวกมันเลยทำหน้าหงอยก่อนจะพากันหยุดตามในทันที

หลังจากออกจากกลุ่มของอสูรได้แล้ว อสูรอินทรีก็พาไป๋จูเหวินเดินทางเข้ามาในตัวเมืองชั้นในที่เป็นเขตที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพียงแต่เมืองร้อยแปดอสูรกว้างใหญ่กว่าเมืองผาหยกหลายเท่ามาก เพียงบ้านเรือนหรูหราก็มีให้เห็นมากมายแล้ว ทั้งนี้เพราะรายด้ายของเมืองร้อยแปดอสูรมีทั้งการว่าจ้างปราบอสูรและการซื้อขายอสูร นับเป็นธุรกิจที่สร้างเงินและชื่อเสียงให้นครร้อยแปดอสูรเป็นอย่างมาก ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในเมืองร้อยแปดอสูรนับว่าดีและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ภายในเมืองชั้นในยังมีทั้งนักล่าอสูรและอสูรเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าชีวิตในเมืองร้อยแปดอสูรแทบจะเป็นชีวิตที่อยู่ร่วมกับอสูรเลยทีเดียว

 ตอนแรกที่ได้ยิน ข้านึกว่านักล่าอสูรจะเป็นพวกที่ฆ่าอสูรเท่านั้นซะอีก ต้าชิงพูดพลางมองไปรอบๆ สมัยก่อนมันไม่เคยมีโอกาสเดินทางมายังเมืองร้อยแปดอสูร แถมตัวตนของนักล่าอสูรยังเป็นตัวตนที่ไกลเกินตัวเสียเหลือเกิน

 พวกเราจะฆ่าอสูรแต่ที่มีคนว่าจ้างมาเท่านั้นล่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นอสูรที่ขวางทางสรรจร หรือมีท่าทีจะบุกโจมตีหมู่บ้าน นอกนั้นก็มีจะมีอสูรระดับสูงที่แอบเข้าเมืองมา หากรู้ว่ามีแผนร้ายก็จะจัดการเช่นกัน อสูรอินทรีอธิบายพลางพาพวกไป๋จูเหวินมาหยุดยืนที่ตึกหลังหนึ่ง ตัวอาคารเป็นเรือนไม้หรูหราที่เด่นสง่าท่ามกลางบ้านเรือนที่ดูหรูอยู่แต่แรกแล้ว ภายในตึกของกลุ่มนักล่าอสูรดูราวกับจวนเจ้าเมืองที่มีสวนและสระน้ำประดับเอาไว้อย่างร่มรื่น

 มีแขกมางั้นหรือ ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นหลังจากอสูรอินทรีพาพวกไป๋จูเหวินเข้ามาในเรือน ชายคนหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดีก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นอสูรอินทรีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันทางอากาศพาแขกมาด้วยตนเอง

 สวัสดีขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางประประสานมือให้อีกฝ่าย

 อืม..มีธุระอะไรหรือ? ชายคนนั้นถามพลางมองไป๋จูเหวินอย่างประหลาดใจ เพราะมันไม่คุ้นหน้าไป๋จูเหวินเลยแต่อีกฝ่ายมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรทำให้มันเข้าใจว่าเป็นสมาชิกของหน่วยนักล่าอสูรอยู่แล้ว

 พวกคุณชายมาสมัครเข้ากลุ่มนักล่าอสูรเจ้าค่ะ อสูรอินทรีรานยงานพลางถอยออกไปเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้คุยกัน

 สมัครเข้ากลุ่ม? ชายคนนั้นเบิกตาด้วยความประหลาดใจ

 อะ อ่อเจ้าพาสองคนนั้นมาสมัครสินะ กลายเป็นว่าชายหนุ่มคิดไปแบบนั้นเพราะนึกว่าไป๋จูเหวินเป็นสมาชิกอยู่แล้ว

 เปล่าขอรับ ข้าเองก็มาสมัครเช่นกัน ไป๋จูเหวินยืนยันพลางยิ้มบางๆ มันเข้าใจแต่แรกแล้วว่าการที่คนนอกกลุ่มมีพลังอสูรเป็นเรื่องแปลก มันเลยไม่ใส่ใจท่าทีของอีกฝ่าย

 หะ…งั้นข้าขอไปรายงานท่านหัวหน้าก่อนก็แล้วกัน ชายคนนั้นว่าพลางหันหลังเดินกลับเข้าเรือนไป ไม่นานมันก็กลับมาพรางบอกให้พวกไป๋จูเหวินเข้าไปในตัวเรือนพร้อมนำทางไปยังห้องแห่งหนึ่งซึ่งหัวหน้าของมันอาศัยอยู่

 เจ้าเองหรือที่มาสมัครเข้ากลุ่มนักล่าอสูร ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในห้องถามพลางมองพวกไป๋จูเหวินที่เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ

 ขอรับ พวกข้ามาจากสำนักเขี้ยวมังกรในเขตนครผาหยก ไป๋จูเหวินว่าพลางส่งสัญญาณให้ต้าชิงนำตราหยกทั้ง 3 แผ่นออกมาให้ชายตรงหน้า

 อืม เป็นแผ่นป้ายของสำนักเขี้ยวมังกรจริงๆ…พวกเจ้าจะสมัครเข้าหน่วยสำรวจงั้นหรือ ชายคนนั้นเห็นตราบนแผ่นหยกก็แยกแยะได้ในทันทีว่าไป๋จูเหวินและพวกมาสมัครเป็นหน่วยสำรวจ

 ขอรับ ถูกต้องตามนั้น ไป๋จูเหวินว่าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย

 แล้ว…ทำไมเจ้าถึงมีพลังอสูรอยู่แล้วล่ะ ชายตรงหน้าถามพลางเปลี่ยนท่าทีไป เพราะเรื่องคนนอกมีพลังอสูรนั่นหมายความว่าความลับของกลุ่มนักล่าอสูรอาจจะรั่วไหลก็ได้

 เรื่องนั้น… ไป๋จูเหวินเริ่มเล่าตามที่มันเคยเล่าให้คนของกลุ่มเหม่ยหลินฟัง ทำให้สีหน้าของชายตรงหน้าเริ่มลดท่าทีระแวงลง

 อย่างนี้นี่เอง เจ้าโชคดีมากที่ไม่ตายเพราะแก่นอสูรเสียก่อน ชายวัยกลางคนพยักหน้าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ

 เอาล่ะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปเขตของหน่วย 7 เอง พูดจบชายคนนั้นก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป ทำให้พวกไป๋จูเหวินต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้

 เขตของหน่วย 7 หรือขอรับ ไป๋จูเหวินถามขณะเดินตามชายคนนั้นออกมา

 ใช่ เมืองร้อยแปดอสูรแบ่งออกเป็น 10 เขต โดยแต่ละเขตขึ้นตรงกับอาวุโสทั้ง 10 ของกลุ่มนักล่าอสูร พูดจบชายวัยกลางคนก็เรียกอสูรกระทิงตนหนึ่งออกมา ท่าทางมันจะเป็นอสูรเลี้ยงของชายวัยกลางคน มันขึ้นไปนั่งบนหลังของอสูรกระทิงพลางส่งสัญญาณบอกให้พวกไป๋จูเหวินขึ้นมาเช่นกัน

 พี่ไป๋ ให้ข้า… หลินหลินเห็นจะเริ่มเดินทางกันอีกนางกลับเสนอตัวออกมาเหมือนจะให้พวกไป๋จูเหวินขี่นางอีกรอบ

 ไม่เป็นไร เจ้าเหนื่อยพอแล้ว ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวหลินหลินอย่างเอ็นดู อสูรกระทิงตรงหน้าแม้จะเป็นอสูรระดับกลาง อยู่ราวๆระดับเงิน ขั้น 3 แต่ขนาดตัวของมันก็ใหญ่โตพอจะให้คนไปนั่งข้างบนได้ 7 – 8 คน จึงไม่ต้องเปลืองแรงหลินหลินแต่อย่างไร

ดูเหมือนหน่วยที่ 7 ที่พวกไป๋จูเหวินกำลังเดินทางไปเป็นพื้นที่ของหน่วยสำรวจ โดผู้อาวุโสแต่ละท่านจะครองเขตแต่ละเขตเหมือนเป็นขุนนางไม่มีผิด พูดง่ายๆก็คือหน่วยนักล่าอสูรเป็นเมืองที่อยู่ในรูปแบบองค์กรนั่นเอง โดยใต้ผู้อาวุโสจะมีเหล่ารองอาวุโส 3 คน โดยแต่ละคนจะมีหน่วยใต้บังคับบัญชาทั้งสิ้น 10 หน่วยใหญ่ และในแต่ละหน่วยใหญ่ก็จะมีหน่วยย่อยอย่างหน่วยของเหม่ยหลินแยกลงไปอีก 10 หน่วย พูดง่ายๆก็คือหน่วยที่เหม่ยหลินอยู่เป็นเพียงหน่วยเล็กๆที่ทำงานภายใต้คำสั่งของเหล่าหัวหน้าหน่วยอีกทีเท่านั้น และตัวเหม่ยหลินเองก็ไม่ใช่หัวหน้าหน่วย เป็นเพียงลูกหน่อยที่ออกทำงานร่วมกับนักล่าอสูรคนอื่นๆเท่านั้น เรียกได้ว่าตำแหน่งบุตรสาวของหัวหน้ากลุ่มไม่ได้ทำให้เหม่ยหลินขึ้นไปตำแหน่งสูงๆแต่อย่างไร ไม่เหมือนคุณชายเฟยเฟิ่งที่เป็นหัวหน้าหน่วยย่อยตั้งแต่ช่วงอายุ 20 กว่าๆแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรอย่างหวงหลงบิดาของเหม่ยหลินต้องการให้เหม่ยหลินออกล่ามากที่สุดเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งสิ้น

และอีกสิ่งที่แปลกไปสักหน่อยสำหรับนครร้อยแปดอสูรนั้น ภายในเมืองหลวงไม่มีสำนักอื่นๆเลยแม้แต่สำนักเดียว หากตัดนักล่าอสูรออกก็จะเหลือแต่ชาวเมืองทั้งสิ้น แต่เพียงชาวเมืองก็มีพลีงวิญญาณกันหมดแล้ว แถมยังทำงานดูแลอสูรกันเสียด้วย แม้จะมีแต่ชาวบ้านแต่เมืองร้อยแปดอสูรก็น้ากลัวมากไม่ต่างจากสำนักใหญ่ๆแห่งอื่นเลย

 ที่นี่เหรอขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเขตที่ชายวัยกลางคนพาตนเองมาที่นี่

 ใช่แล้ว ที่นี่คือเขตที่ 7 ชายวัยกลางคนตอบพลางชี้ไปทางเรือนไม้หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า หากจะบอกว่าหรูหรา มันก็หรูหราไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเขตที่ไป๋จูเหวินและพวกผ่านๆมาแล้วที่นี่ออกจะโซมไปสักหน่อย

 ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร หน่วย 7 เป็นหน่วยสำรวจ รายได้ในการล่าอสูรเลยค่อนข้างน้อยเพราะงานที่พวกเขารับมันเป็นงานจากกลุ่มนักล่าอสูรจ้างวารเอง เงินมันเลยน้อยกว่าเขตอื่นล่ะนะ ชายวัยกลางคนว่าพลางยักไหล่ราวกับจะบอกว่ามันเรื่องปกติ เพราะหน่วยนักล่าอสูรทำเพียงสำรวจและเก็บข้อมูลไม่ได้ต่อสู้กับอสูร เงินตอบแทนจึงเป็นแค่ส่วนหนึ่งจากเงินตอบแทนที่หน่วยล่าอสูรได้รับ ทำให้เมืองของพวกเขาค่อนข้างจะโซมกว่าเขตอื่นนิดหน่อย

 เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้าไปซะ หน่วยสำรวจมีคนไม่มากท่านอาวุโสต้องดีใจแน่ที่มีคนมาเพิ่ม ชายวัยกลางคนพูดจบก็ขอตัวกลับไป ทำให้ไป๋จูเหวินและคนอื่นๆไม่มีทางเลือกที่จะต้องเข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้

ครืดดดด.. ทันทีที่เสียงประตูเปิดออก พวกไป๋จูเหวินก็ต้องประหลาดใจทันที เพราะภายในบ้านไม้ปรากฏตำราจำนวนมากวางกองเต็มห้องไปหมด แถมยังเรียงรายยาวไปถึงทางเดินด้านในอีกต่างหาก

 นี่มัน….ข้อมูลของอสูรงั้นเหรอ ต้าชิงว่าพลางมองตำราที่กองอยู่เต็มพื้นที่ บางเล่มพวกตนก็เคยอ่านมาบ้างเพราะอาจารย์จื่อบอกให้พวกตนอ่านเอาไว้เพื่อฝึกฝน เพียงแต่ที่นี่ทำไมมันมีแต่ฝุ่นล่ะ….

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 79 หน่วย 7

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท