บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 70 พบกันที่วังหยก

ตอนที่ 70 พบกันที่วังหยก

ตอนที่ 70

พบกันที่วังหยก

 เจ้าสำนักเขี้ยวมังกร ขณะกำลังเดินทางไปยังวังหยกพร้อมลูกศิษย์และเหล่าอาจารย์อสูร ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรพร้อมท่าทีเก้กังๆ

 นั่นใช้คุณหนูเหม่ยหลินบุตรีของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรหรือเปล่า เจ้าสำนักคร่าอินทรีถามพลางเดินเข้ามาหาเจ้าสำนักคร่ามังกรราวกับตนไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน

 ถูกต้องแล้ว นางมีธุระที่เมืองผาหยกพอดี นางเลยขอมาชมงานชุมนุมด้วย เจ้าสำนักว่าพลางพยักหน้าช้าๆ

 แล้วที่อยู่ข้างๆนั่นใช้ไป๋จูเหวินศิษย์ของท่านหรือไม่ เจ้าสำนักคร่าอินทรีถามพลางมองไป๋จูเหวินที่กำลังเดินคู่กับเหม่ยหลินราวกับสนิทสนมกันดี

 เจ้าตาบอดหรือความจำเสื่อมล่ะถึงจำหน้าไป๋จูเหวินไม่ได้ เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรถอนหายใจพลางมองไป๋จูเหวินที่เดินอยู่ในกลุ่มนักล่าอสูรราวกับเป็นเรื่องปกติทั้งๆที่คนในเมืองต่างพากันถอยห่างด้วยความเกรงใจกันอย่างมาก

 ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องจริงสินะ เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก การที่ไป๋จูเหวินสามารถเข้าไปพูดคุยกับเหม่ยหลินเทพธิดาแห่งกลุ่มนักล่าอสูรได้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แถมเหล่าสมาชิกกลุ่มยังไม่ต่อว่าอะไรราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องปกติเสียอย่างนั้น ความคิดที่ว่ามันเป็นบุตรชายของอาวุโสคนใดคนหนึ่งก็ยิ่งฝังใจเจ้าสำนักคร่าอินทรีเข้าไปอีก

 ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู้งานชุมนุมผาหยก เชิญด้านไหนเลยขอรับ ชายหนุ่มคนหนึ่งจากหน่วยองครักษณ์เกราะขาวเดินออกมาพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ ภายในงานของเจ้าเมืองย่อมมีคนคุ้มกันอย่างหนาแน่น โดยใยงานชุมนุมคราวนี้มีแขกมากมายพากันเข้ามาร่วมชมไม่ว่าจะเป็นร้านค้าใหญ่ๆในเมือง เหล่าเจ้าเมืองในปกครองของนครผาหยก รวมถึงผู้มีชื่อเสียงในด้านต่างๆเช่นการแพทย์ ศิลปะ งานแสดง เรียกได้ว่าผู้ที่มีสิทธิ์เข้างานล้วนเป็นผู้มีอิพลในนครผาหยกทั้งสิ้น

 ขออภัยด้วย ท่านไม่อยู่ในรายชื่อแขก ทหารหนุ่มคนหนึ่งว่าพลางมองเหม่ยหลินอย่างประหม่า มันแทบไม่ได้มองสร้อยคอที่เหม่ยหลินสวมอยู่เลย ทำให้มันลืมสังเกตว่าเหม่ยหลินเป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูร

 เจ้าบ้า กลุ่มนักล่าอสูรให้เกียรติมางานของพวกเราเจ้าไปห้ามพวกท่านเข้าได้อย่างไร ทหารแก่คนหนึ่งเห็นเรื่องดังกล่าวก็เข้ามาต่อว่าทันที เมื่อวันก่อนสำนักเขี้ยวมังกรได้ส่งเรื่องมาแล้วว่าจะมีนักล่าอสูรเข้าร่วมด้วยกลุ่มหนึ่ง แต่เจ้าทหารหนุ่มนี่กลับเอาแต่มองใบหน้าของเหม่ยหลินจนลืมมองสร้อยคอไปเสียสนิท ทำเอามันที่เป็นรองหัวหน้าอับอายจนหน้าแดง

 ถ้าอย่างนั้นข้าก็เข้าไปได้สินะ เหม่ยหลินยิ้มพลางมองทางท่านรอง

 ขอรับ เชิญ ชายแก่ว่าพลางก้มหัวให้พวกเหม่ยหลินเล็กน้อย ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูต้อนรับกลุ่มนักล่าอสูรและสำนักทั้งสองเข้าไป

 โอ้ คุณหนูเหม่ยหลินจากกลุ่มนักล่าอสูรนี่เอง วังหยกของข้ายินดีต้อนรับ ทันทีที่เดินเข้ามา ชายวัยกลางคนใบหน้ายิ้มแย้มก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว แม้จะแต่งกายด้วยเครื่องประดับมีค่ามากมายแต่มันกลับให้ความรู้สึกเป็นกันเองและเข้าถึงง่ายอย่างประหลาด

 ท่านเจ้าเมือง ไม่ได้พบกันนานนะคะ เหม่ยหลินว่าพลางก้มหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อย

 หลานเหม่ยหลินไม่ต้องมากพิธี มาเถอะข้าเตรียมที่นั่งเอาไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าเมืองผาหยกว่าพลางนำเหม่ยหลินไปที่นั่งอย่างรวดเร็ว ว่ากันตามตรงแล้วฐานะของเหม่ยหลินแทบไม่ได้ต่างจากบุตรสาวของเจ้านครข้างเคียงเลย การมาเยี่ยมครั้งนี้เจ้าเมืองผาหยกให้เกียรติเหมยหลินมากทีเดียวเพราะนางถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างๆเก้าอี้ของเจ้าเมืองเลย

 พี่เหม่ยหลิน ไม่ได้พบกันนานเลย พี่สวยขึ้นมากเลยนะคะ เสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเก้าอี้เจ้าเมือง มันเป็นที่นั่งของครอบครัวเจ้าเมืองนั่นเอง

 น้องจื่อลู่เองก็โตขึ้นมาก พี่ไม่ได้เจอเจ้าไม่กี่ปีเป็นสาวซะแล้ว เหม่ยหลินทักทายพลางยิ้มให้กับจื่อลู่

 พวกเจ้ารู้จักกันงั้นเหรอ ไป๋จูเหวินถามพลางมองจื่อลู่ที่วันนี้แต่งตัวเต็มที่ราวกับไม่ใช่จื่อลู่ที่เจอในร้านคลังสมบัติผาหยกเลย

 คุณชายไป๋… จื่อลู่มองไป๋จูเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆเหม่ยหลินอย่างประหลาดใจ

 ข้าต่างหากที่ต้องประหลาดใจ พี่ไป๋ท่านรู้จักน้องจื่อลู่ด้วยงั้นหรือ เหม่ยหลินถามพลางขมวดคิ้ว จื่อลู่แม้เป็นหลานของเจ้าเมือง แต่เชื้อสายของนางก็เป็นเพียงหลานห่างๆ ทำให้นางเลือกที่จะออกไปทำการค้าของครอบครัวมารดาแทนที่จะอยู่ในวังเจ้าเมือง แต่ถึงอย่างไรตำแหน่งหลานสาวของเจ้าเมืองก็ไม่ได้โดนถอดออกแต่อย่างไร เวลามีงานพิธีนางก็ต้องมาร่วมในฐานะหลานสาวเจ้าเมืองอยู่ดี

 พี่ไป๋…. จื่อลู่ทวนคำที่เหม่ยหลินใช้เรียกไป๋จูเหวินเบาๆ พี่เหม่ยหลินของนางสนิทสนมกับคุรชายไป๋ถึงขั้นเรียกหากันเช่นนี้แล้วงั้นเหรอ มิน่าเล่าคุณชายไป๋ถึงปราบเสือดำได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

 ข้าเคยใช้บริการร้านค้าของจื่อลู่มาบ้าง อย่างต่างหูที่หลินหลินสวมก็เป็นฝีมือของจื่อลู่เอง ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรง เพราะสำหรับมันแล้วจื่อลู่คือแม่ค้าที่ตนซื้อขายด้วยเท่านั้นจริงๆ

 คุณชายไป๋พอใจก็นับว่าดีแล้ว จื่อลู่ยิ้มพลางหันไปมองเหม่ยหลิน

 พี่เหม่ยหลิน ท่านปู่ดีใจมากที่พี่มาวันนี้ ท่านบอกว่าไม่ได้มีแขกผู้ทรงเกียรติมาร่วมงานมากมายเช่นนี้มานานแล้ว หวังว่าท่านพี่จะสนุกกับงานของเรานะเจ้าคะ จื่อลู่ว่าพลางยิ้มหวานให้เหม่ยหลิน นางเป็นคนสวยจนแม้แต่จือลู่ยังแอบเฝ้าฝันว่าสักวันจะงามเทียบเท่ากับนางบ้าง เรียกว่าการเอาตัวเองไปเทียบกับเหม่ยหลินนั้นแทบจะเป็นการฆ่าตัวตายเลยก็ว่าได้

 วันนี้มีแขกมาเยอะอย่างนั้นเหรอ เหม่ยหลินถามพลางเลิกคิ้วอย่างสนใจ

 ค่ะ หากแขกทุกคนมานั่งเก้าอี้แล้วละก็ ภาพที่ออกมาต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน จื่อลู่ยิ้มพลางมองเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ทั้งแถว จะว่าไปตำแหน่งที่นั่งของเหม่ยหลินก็ไม่ใช้ตำแหน่งที่สูงที่สุด แม้จะได้นั่งข้างเจ้าเมืองแต่ก็ได้นั่งทางซ้าย ส่วนเก้าอี้ทางขวาซึ่งเป็นที่ๆใกล้ชิดกับเจ้าเมืองที่สุดยังว่าอยู่

 หึๆ โชคชะตาพากันเล่นตลก เสียงแหบๆของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมร่างสองร่างที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าเมืองผาหยก

 วันนี้ได้พบสหายทั้งเก่าและใหม่นับว่าเป็นวันดีจริงๆ เสียงของชายชราคนนั้นทำเอาเหม่ยหลินสั่นสะท้าน มีคนจำนวนไม่มากที่มีพลังเหนือกว่าตัวนาง และยิ่งมีคนน้อยมากที่เหนือกว่านางอย่างลิบลับเช่นนี้

 ท่านลุงหมิง สวัสดีค่ะ เหม่ยหลินรีบลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมประสานมือไปทางอาวุโสเทียนหมิงอย่างนอบน้อม อาวุโสเทียนหมิงได้ชื่อว่าเป็นเซียนกระบี่ที่เดินทางไปทั่วทิศทั่วแดน คนที่อาวุโสบอมรับมีไม่มากและพ่อของเหม่ยหลินก็เป็นหนึ่งในสหายที่อาวุโสเทียนหมิงให้การยอมรับเช่นกัน

 เหม่ยหลินสินะ ไม่น่าเชื่อว่าบุตรสาวของเจ้านั่นจะโตมางดงามเช่นนี้ อาวุโสเทียนหมิงหัวเราะพลางมองเหม่ยหลินอย่างเอ็นดู สมัยก่อนมันเดินทางไปที่เมืองร้อยแปดอสูร พบเจอทั้งเหม่ยหลินและบิตาของนาง เรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักเลยก็ว่าได้

 ขอบคุณค่ะท่านลุง เหม่ยหลินขอบคุณด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ท่านลุงเทียนหมิงเป็นคนพูดจาเสียงดัง เล่นชมตนเองกลางงานชุมนุมเช่นนี้นางก็รู้สึกเขินอายไม่น้อย

 ท่านอาวุโส ไม่ได้พบกันนาน ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นประสานมือเช่นกัน

 หึๆ เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว อาวุโสเทียนหมิงหัวเราะพลางมองร่างของไป๋จูเหวินอย่างสนใจ

 ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชม ไป๋จูเหวินว่าพลางหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆอาวุโสเทียนหมิง

 ไป๋จูเหวิน เราได้พบกันอีกแล้ว อู๋หมิงยิ้มพลางมองไป๋จูเหวินที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเปลี่ยนดวงตาเป็นสีม่วง อู๋หมิงเองก็พัฒนาฝีมือขึ้นไปอีกแล้ว ช่างน่ากลัวจริงๆ….

 มาๆพวกเรานั่งกันเถอะ อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางเดินมานั่งข้างๆไป๋จูเหวินโดยไม่สนที่นั่งที่เจ้าเมืองผาหยกจัดเอาไว้ให้ แต่เจ้าเมืองเองก็ไม่ว่าอะไร เพราะใครจะไปคาดคิดเล่าว่าแขกพิเศษของมันจะรู้จักกันหมดเช่นนี้

 พี่ไป๋ ท่านยิ้มอะไรงั้นเหรอ หลินหลินที่นั่งระหว่างไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินถามพลางเอียงคออย่างสงสัย

 ไม่มีอะไร ข้าแค่รองานชุมนุมครั้งนี้จบลงไวๆเท่านั้น ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มไม่หุบ

 ช่วยไม่ได้นี่นะ เราก็ต้องให้เกียรติเจ้าเมืองผาหยกเจ้าของงานสักหน่อย ลุกออกไปเลยไม่ใช่เรื่องสมควร อู๋หมิงว่าพลางยิ้มออกมาเช่นกัน ยามนี้เมื่อทั้งสงได้พบกันอีกครั้งภาพการต่อสู้อย่างดุเดือดเมื่อครั้งก่อนก็ย้อนกลับมาในหัวของพวกมันอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะมันมาร่วมงานจองเจ้าเมืองผาหยก พวกมันคงพากันออกไปประชันฝีมือกันแล้ว

.

.

 เจ้าหนูนั่นรู้จักอาวุโสเทียนหมิงด้วย… เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางมองไป๋จูเหวินที่นั่งพูดคุยกับอาวุโสเทียนหมิงและศิษย์ของท่านอย่างเป็นกันเอง มันรู้สึกร่างกายเย็นยะเยียบไปทั้งหลังพลางคิดว่าหากมันไม่ไปขออภัยไป๋จูเหวินสำนักของมันจะโดนอะไรบ้าง เพียงแค่คิดมันก็อยากจะเป็นลมอยู่แล้ว

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 70 พบกันที่วั…

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท