บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 97 เขตอสูรถ้ำกระจกเงา

ตอนที่ 97 เขตอสูรถ้ำกระจกเงา

ตอนที่ 97

เขตอสูรถ้ำกระจกเงา

คุณชาย ท่านพักหน่อยเถอะ หงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หลังจากหวงหลงสั่งให้ไป๋จูเหวินเดินทางมายังเขตอสูรถ้ำกระจกเงาก็เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ตลอดการเดินทางไป๋จูเหวินมุ่งมั่นฝึกฝนวิชาอยู่บนหลังของหลินหลินไม่ขาด จนบางทีก็เหมือนมันจะมุ่งมั่นเกินไปเสียด้วยซ้ำ

 ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ไป๋จูเหวินว่าพลางลืมตาขึ้นช้าๆ ตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามันแทบไม่ได้นอนเลย เรียกได้ว่ามันอยากจะเพิ่มพลังวิญญาณและพลังอสูรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะมันกลัวเรื่องการเข้าไปในเขตอสูร แต่เพราะมันพึ่งเจอหวงหลงซัดจนเจ็บไปทั้งร่างต่างหาก

นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ไป๋จูเหวินเกือบจะตายเพราะการโจมตีจากคนที่แข็งเกร่งกว่า มันทำให้ไป๋จูเหวินยิ่งอยากจะแข็งแกร่งมากขึ้นให้ได้

 พี่ไป๋ ข้างหน้ามันเป็นสีขาวไปหมดเลย หลินหลินว่าพลางเดนิเข้าไปในภูเขาหิมะอย่างช้าๆ นางมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขาของนางก้าวลงไปในหิมะสีขาว

 เป็นเขตหนาวงั้นเหรอ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปรอบๆ เมื่อครู่อากาศยังอบอุ่นอยู่เลย แต่พอเข้ามาในพื้นหิมะอากาศก็เปลี่ยนไปเป็นหนาวเย็นในทันที ทำเอาไป๋จูเหวินนึกถึงตอนมันข้ามจากเขตของน้าราชสีห์ไปยังเขตของน้าจิ้งจอกเลย เพียงขอบเขตบางๆกั้นเอาไว้อากาศก็เปลี่ยนไปราวกับอยู่คนละโลก

ตุบ…ตุบ…. ไม่จำเป็นต้องรอแต่อย่างไร เพียงเข้ามาในเขตหิมะอสูรที่ทำหน้าที่เฝ้าเขตก็ออกมาในทันที มันคือหมีขาวที่มีความสูงกว่า 6 เมตรและมีขนาดตัวที่หนามากๆ พวกมันเดินสี่ขาเข้ามาหาพวกไป๋จูเหวินราวกับกำลังเข้ามาตรวจว่าใครคือผู้บุกรุก

 โฮกกก… หมีขาวส่งเสียงร้องเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามานั่งจุมผุกอยู่ตรงหน้าพวกไป๋จูเหวิน ด้วยพลังของไป๋จูเหวินทำให้พวกมันไม่คิดจะโจมตีแต่อย่างไร พวกมันเพียงนั่งลงปล่อยให้หลินหลินเดินผ่านไปเท่านั้น

 เย็นจังเลย หลินหลินว่าพลางส่ายหัวไปมา ขาของนางมีหยกเคลือบอยู่ทั้งขา แต่นอกจากจะไม่ช่วยลดความเย็นแล้วยังเหมือนจะสะสมความเย็นอีกต่างหากทำให้หงเยว่บอกให้หลินหลินคืนร่างแล้วนางจะเป็นคนเดินเอง

 นี่มันหนาวมากจริงๆ คุณชายไม่เป็นไรนะเจ้าคะ หงเยว่ถามพลางย่ำลงไปบนหิมะช้าๆ

 ไม่เป็นไรหรอก ไป๋จูเหวินส่ายหน้า พวกท่านน้าของไป๋จูเหวินแก้ปัญหาเรื่องสภาพอากาศให้ไป๋จูเหวินมานานมากแล้ว ต่อให้เดินทางไปๆมาๆระหว่างเขตของน้าราชสีห์กับน้าจิ้งจอกร่างกายของมันก็ยังไม่เป็นอะไรเลย แถมความหนาวของเขตอสูรแห่งนี้ยังน้อยกว่าเขตของน้าจิ้งจอกเสียอีก

 หลินหลิน ถ้าหนาวก็มานี่สิ ไป๋จูเหวินว่าพลางกวักมือให้หลินหลินเข้ามาหาตน ทำให้หลินหลินเข้าไปนั่งบนตัดไป๋จูเหวินอย่างว่าง่าย ท่าทางหลินหลินจะไม่ถูกกับอากาศหนาวเท่าไหร่

 อ๊ะ คุณชายช้าเองก็รู้สึกหนาวหน่อยๆแล้วล่ะเจ้าค่ะ หงเยว่เห็นหลินหลินเข้าไปนั่งตักไป๋จูเหวินก็แสดงท่าทีอิจฉาออกมาเล็กน้อย ก็นะ นางเองก็อยากได้ไออุ่นจากเจ้านายบ้างนี่นา

 เอาไว้ถึงที่พักก่อนก็แล้วกัน ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบลำตัวของหงเยว่เบาๆ

 เจ้าค่ะ หงเยว่ตอบรับอย่างอารมดีพลางเดินลุยหิมะต่ออย่างมีความสุข ไม่เหลือท่าทีหนาวสั่นแบบที่นางอ้างไว้เลยแม้แต่น้อย

 ที่นี่เป็นเขตอสูรจริงๆเหรอ ทำไมมีแต่อสูรระดับต่ำล่ะ หลินหลินถามพลางมองไปรอบๆ ที่นี่มีอสูรอยู่มากมายก็จริง แต่กลับมีเพียงอสูรระดับต่ำเท่านั้นที่ออกมาอยู่ท่ามกลางหิมะ

 อาจจะเพราะเขตอสูรที่นี่พึ่งเกิดได้ไม่นานก็เป็นได้ ไป๋จูเหวินตอบพลางมองไปรอบๆ เหตุผลที่อสูรมรเขตอสูรแข็งแกร่งกว่าอสูรข้างนอกเพราะพวกมันได้รับพลังจากราชาที่ปกครองอยู่ไปด้วยเมื่อเข้ามาอาศัยในเขตอสูรแล้ว เพียงแต่พวกมันไม่ได้วิวัฒนาการได้รวดเร็วอะไรนัก พวกมันจำเป็นต้องใช้เวลาในการดูดซับพลังและพัฒนาไปตามรุ่นต่อไป

 เจ้าค่ะ ที่นี่พึ่งมีการค้นพบเมื่อ 300 ปีก่อนเท่านั้นเอง หงเยว่ว่าพลางเดินขึ้นไปบนทางลาดชัน พอเริ่มขึ้นมาบนเขาแล้ว ตามทางก็เริ่มมีผลึกน้ำแข็งเป็นก้อนๆตั้งอยู่จนดูเหมือนพวกมันงอกขึ้นมาจากดินไม่มีผิด

 นี่สินะที่มาของคำว่าถ้ำกระจกเงา ไป๋จูเหวินพูดพลางมองขึ้นไปบนยอดเขา แม้จะไม่ใช่ถ้ำจริงๆแต่บริเวณยอดเขาแห่งนี้กลับมีเสาน้ำแข็งงอกขึ้นมาเต็มไปหมดราวกับเป็นป่าน้ำแข็งไม่มีผิด แถมเสาแต่ละต้นยังโน้มเข้าหากันจนเกิดทางให้ลอดเหมือนถ้ำนั่นเอง

 พี่หงเยว่เต็มไปหมดเลยล่ะ หลินหลินว่าพลางมองเสาน้ำแข็งเหล่านั้น พวกมันสะท้อนเงาของหงเยว่ออกไปหลายสิบหลายพันเงานั่นเอง

 ยอดเลยนะเจ้าคะ หงเยว่ว่าพลางเดินลอดเข้าไปตามเงาของเสาน้ำแข็ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้ามาในถ้ำที่มีแต่กระจกเงาจริงๆเลย

 ไม่เห็นมีอสูรเลยนะ หลินหลินว่าพลางมองไปรอบๆ พอเข้ามาในเขตเสาน้ำแข็งแล้วก็ไม่มีอสูรโผล่ออกมาเลยแม้แต่ตนเดียว แถมการเดินทางยังค่อนข้างยากเพราะมีแต่เงาสะท้อนอีกต่างหาก

 ไม่หรอก.. ไป๋จูเหวินว่าพลางหลับตาลง หากใช้เนตรจิตไป๋จูเหวินก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงาสะท้อนแต่อย่างไร

 ด้านในมีอสูรอยู่ตนหนึ่ง…แข็งแกร่งทีเดียว ไป๋จูเหวินพูดพลางมองเข้าไปในภูเขา ที่นั่นมีอสูรอยู่เพียงตนเดียวเท่านั้น และมันก็มีพลังเทียบเท่ากับพวกท่านน้าคนใดคนหนึ่งเลยทีเดียว

 ให้ไปต่อหรือเปล่าเจ้าคะ หงเยว่ถามพลางชะงักขาเล็กน้อย ทางของถ้ำกระจกเงามันราวกับเขาวงกตที่มีแต่ภาพสะท้อนเลย

 ตรงไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายนะ ไป๋จูเหวินว่าพลางบอกทางช้าๆ หากไม่ใช่เพราะมีเนตรจิตของมารดาตัวมันอาจจะหลงทางเองไปแล้ว

 พี่ไป๋ มีศพมนุษย์อยู่ด้านหน้าล่ะ หลังจากเดินทางมาได้พักหนึ่ง หลินหลินก็พบร่างของศพร่างหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เพียงแต่มันสวมเครื่องแบบของนักล่าอสูรและมีสร้อนคอเช่นเดียวกับที่ไป๋จูเหวินสวมเอาไว้ไม่มีผิด หรือก็คือมันเป็นคนของหน่วย 7 เช่นเดียวกับไป๋จูเหวินนั่นเอง

ตุบ.. ไป๋จูเหวินกระโดดลงมาจากหลังของหงเยว่ มันเดินเข้าไปสำรวจศพอย่างช้าๆพลางมองสภาพศพอย่างใจเย็น อาจจะเพราะอากาศที่หนาวจัดและพลังวิญญาณของชายคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งก็เป็นได้ ทำให้สภาพศพยังมีเนื้อหนังอยู่ครบถ้วน

 ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ คงจะหลงทางจนเสียชีวิตไปเอง ไป๋จูเหวินว่าพลางเลื่อนมือไปถอดแหวนมิติของชายคนนั้นออกมารวมทั้งดึงสร้อยคอออกจากศพมาด้วย

 ข้าจะพามันกลับไปเอง ไป๋จูเหวินว่าพลางเก็บสร้อยคอลงมิติของมันและเก็บแหวนมิติไว้ในกระเป๋าโดยไม่ดูเลยแม้แต่น้อยว่าด้านในมีอะไร

 ท่าทางกลุ่มนักล่าอสูรคงจะส่งคนมาสำรวจหลายครั้งแล้วสินะ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองศพของหลุ่มนักล่าอสูรที่นอนอยู่ระหว่างทาง พวกมันมีสภาพไม่ต่างกันเลยนั่นคือนอนตายไปเฉยๆโดยไม่ได้ถูกใครทำร้ายไม่แม้จะมีบาดแผล ท่าทางปัญหาใหญ่ของการสำรวจถ้ำกระจกเงาคือการผ่านเขาวงกดที่มีแต่กระจกแห่งนี้ไปให้ได้

หลังจากฝังศพเสร็จเรียบร้อย ไป๋จูเหวินก็นำทางหงเยว่เข้ามาในหุบเขาลึกกว่าเดิม โดยการมุ่งหน้าไปยังที่ที่มีอสูรปกครองเขตอาศัยอยู่

 เสาน้ำแข็งเยอะขนาดนี้ อสุรที่อยู่ข้างในไม่ได้ออกมาเลยงั้นเหรอ หงเยว่าพลางกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ ตอนนี้เสาน้ำแข็งทั้งเยอะและซ้อนกันถี่มาก ร่างแมงมุมของนางไม่สามารถเคลื่อนตัวผ่านไปได้อีกต่อไปแล้ว

 คงจะจำศีลอยู่ ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธใส่เสาน้ำแข็งเพื่อเปิดทาง ที่แห่งนี้ราวกับปิดตาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหน่วยสำรวจคนอื่นๆไม่สามารถหาทางไปต่อได้

ตูมมม!! ไป๋จูเหวินกระแทกกำแพงน้ำแข็งเข้าไปทีละชั้นๆอย่างช้าๆ จนกระทั่งได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่งที่มีพื้นที่ด้านในเป็นน้ำแข็งทั้งหมด

 อ๊ะ… หลินหลินมองไปตามเพดานถ้ำก่อนจะส่งเสียงประหลาดใจออกมา

 มีอะไรเหรอ ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปยังตำแหน่งที่หลินหลินมอง

 ใยแมงมุมล่ะ หลินหลินพูดจบไป๋จูเหวินก็เห็นได้ทันทีว่ามีใยแมงมุมอยู่ที่ผนังถ้ำจรงๆ เพียงแต่มันเป็นในแมงมุมสีฟ้าใสราวกับทำมาจากน้ำแข็งทำให้มองเห็นได้ค่อนข้างยาก

ด้านในเป็นอสูรแมงมุมงั้นหรือ ทันทีที่ได้รู้ว่าด้านในเป็นอสูรแมงมุม พวกไป๋จูเหวินก็มีท่าทีตื่นเต้นทันทีเพราะนั่นเท่ากับว่าด้านในคืออสูรชนิดเดียวกันกับพวกนางและเป็นชนิดเดียวกันกับมารดาของไป๋จูเหวินนั่นเอง

วูม.. อยู่ๆพลังอสูรก็ไหลออกมาจากปากถ้ำอย่างรุนแรง ราวกับอสูรในถ้ำรับรู้แล้วว่ามีแขกมาเยือนถึงที่

วีดดด ไป๋จูเหวินลองผิวปากดูว่าพลังของมารดาจะช่วยเรียกอสูรแมงมุมในถ้ำออกมาได้หรือไม่ แต่ผิวปากไปพักใหญ่ๆก็ไม่มีการตอบรับใดๆเลยจากภายในถ้ำ

 เข้าไปกันเถอะ ไป๋จูเหวินว่าพลางลองเดนิเข้าไปในถ้ำดู ท่าทางพลังของไป๋จูเหวินจะไม่มากพอที่จะเรียกอสูรระดับมายาได้

 นางแข็งแกร่งมากเลย หงเยว่ว่าพลางหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งเดินเข้าไปในถ้ำก็ยิ่งสัมผัสพลังอสูรที่เอ่อล้นออกมาได้อย่างชัดเจน

 นาง? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นตัวเมีย ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้ว

 พลังระดับนี้ก็ต้องเป็นตัวนางพญาอยู่แล้วเจ้าค่ะ อสูรแมงมุมที่เป็นใหญ่ได้มีแต่เพศเมียทั้งนั้น หงเยว่ว่าพลางยิ้มออกมา ตัวผู้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอำนาจเสียเท่าไหร่ พอผสมพันธ์เสร็จก็เป็นได้แค่อาหารของพวกนางเท่านั้น อำนาจเลยเป็นของเหล่าแมงมุมเพศเมียเสียมากกว่า

 …..ญ….. ขณะเดินเข้าไปข้างในกลับปรากฏเสียงๆหนึ่งดังออกมาจากภายในถ้ำ เสียงนั้นช่างดูเศร้าและโหยหวนอย่างมาก

 นา….งงง…. ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงก้ยิ่งชัด มันเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง คาดว่าจะเป็นเสียงของอสูรแมงมุมที่อยู่ในถ้ำเป็นแน่

 นายหญิง… เสียงที่ดังออกมาทำเอาไป๋จูเหวินสะดุ้งโหยง เพราะคำว่านายหญิงเป็นคำที่เหล่าอสูรมักใช้เรียกมารดาของมัน พริบตานั้นเท้าของมันก็ก้าวเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่อสูรแมงมุมขุดเอาไว้ ก่อนที่ดวงตาของมันจะสบประสานเข้ากับดวงตาสีดำสนิททั้ง 8 ข้างของอสูรแมงมุมที่ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง

 นายหญิง…. อสูรแมงมุมน้ำแข็งจ้องมองมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่าทีเศร้าหมอง มันเอาแต่ร้องเรียกนายหญิงอย่างเดียวเท่านั้น…..

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 97 เขตอสูรถ้ำ…

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท