บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 88 งานจิปาถะ

ตอนที่ 88 งานจิปาถะ

ตอนที่ 88

งานจิปาถะ

 สำเร็จแล้ว หลินหลินตะโกนพลางกระโดดโลดเต้นไปมาในห้องของไป๋จูเหวินทำเอาไป๋จูเหวินที่นั่งสมาธิอยู่มองมาทางนางด้วยสีหน้าเอ็นดู ผ่านไป 2 วันในที่สุดหลินหลินก็ข้ามเขตระดับทองมาเป็นหยกเสียที

 ในเมื่อเข้าระดับหยกแล้วก็ให้หงเยว่ช่วยฝึกฝนก็แล้วกัน ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางหงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ

 เจ้าค่ะ หงเยว่ยิ้มพลางตอบรับอย่างอ่อนหวานเช่นเดิม

 พี่หงเยว่ ข้าอยากสร้างมิติของตัวเอง ท่านสอนข้าได้ไหม หลินหลินถามพลางยิ้มกว้าง ไม่ต้องถามเลยว่าทำไมนางอยากสร้างมิติเป็นของตัวเอง นั่นเพราะนางอยากได้ช่องเก็บของใหญ่ๆเอาไว้เก็บของกินของนางยังไงล่ะ แถมนางยังไม่ต้องกลัวว่าจะทำแหวนหายด้วย

 คิกๆ ได้เลยพี่สาวคนนี้จะสอนให้นะ หงเยว่ว่าพลางหยิกแก้มหลินหลินอย่างเอ็นดู

 ไป๋จูเหวิน ต้าชิง ต้าเฉิน รายงานตัว ขณะกำลังมองอสูรเลี้ยงทั้งสองของมันหยอกล้อกัน อยู่ๆที่หน้าประตูของห้องพักก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น

 ขอรับ ไป๋จูเหวินเปิดประตูช้าๆพลางมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู มันเป็นชายหนุ่มที่สูงใหญ่พอสมควร แถมเสื้อผ้าและทรงผมยังเรียบร้อยต่างจากคนอื่นๆที่มันเห็นในหน่วย 7 ลิบลับ

 ข้าคือ เจียนจิง เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า เจียนจิงแนะนำตัวพลางหยิบกระดาษออกมาสามใบ

 นี่เป็นตำแหน่งของพวกเจ้าแต่ละคน หลังจากนี้ให้พวกเจ้าไปหาหัวหน้าหน่วยย่อยเพื่อรับหน้าที่ พูดจบเจียนจิงก็วางกระดาษให้พวกไป๋จูเหวินคนละใบ

 หมายเลข 020127? ไป๋จูเหวินมองตัวเลขด้วยสีหน้างงๆ

 มันเขียนย่อน่ะ เวลาเขียนอะไรในเอกสารก็เขียนตัวเลขนี้แทนหน่วยที่สังกัดนะ ตัวเลขของพวกเจ้าหมายถึงหน่วยย่อยที่ 02 ของหน่วย 01 ขึ้นตรงกับรองอาวุโสที่ 2 ของอาวุโสเขต 7 ได้ยินเจียนจิงพูดเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็พยักหน้าทันที มิน่าเล่าถึงต้องใช้ตัวเลขย่อเอาเพราะมันยาวจริงๆ

 เช่นนั้น หัวหน้าหน่วยย่อยของพวกเรา…คือท่าน? ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางมองเจียนจิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ในเอกสารที่มันให้มาระบุเอาไว้ชัดเจนว่าหัวหน้าหน่วยดังกล่าวคือเจียนจิงนั่นเอง

 ถูกต้อง หลังจากนี้ข้าจะมอบหมายงานให้พวกเจ้าเอง เจียนจิงยิ้มพลางยืดอกขึ้นด้วยท่าทีลำพองราวกับมันพึ่งได้ตำแหน่งมาหมาดๆ หรือว่า…

 ท่าน..พึ่งได้เป็นหัวหน้าหน่วยงั้นเหรอ ไป๋จูเหวินถาม

 เอ่อ….ไม่ใช่ว่ารุ่นข้าออกไปทำภารกิจกันหมดจนไม่มีใครมารับตำแหน่งนอกจากข้าหรอกนะ กลายเป็นว่าเจียนจิงยอมรับเอาเองเสียอย่างนั้น

 เฮ้อ…ก็นะหน่วยเราคนมันไม่พอ แถมหน่วยอื่นๆก็เต็มกันหมดแล้ว จะให้เจ้าที่พึ่งเข้าสำนักมาเป็นหัวหน้าหน่วยเลยคงไม่ได้ท่านผู้ช่วยอาวุโสเลยบอกให้ข้ามาเป็นหัวหน้าหน่วยใหม่ไปก่อน เจียนจิงว่าพลางหัวเราะออกมา

 หน่วยใหม่ แต่นี่เราอยู่หน่วยย่อยที่ 2 เองไม่ใช่หรือไง ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าแต่ละหน่วยที่ขึ้นตรงกับรองอาวุโสจะมี 10 หน่วยย่อยหรือ

 ก็ คนมันขาดนี่นา ก่อนพวกเจ้าจะมาก็มีแค่หน่วยของรองอาวุโส 1 เท่านั้นล่ะที่มี 2 หน่วยย่อย ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็เหงื่อตกทันที หากคิดกันตามที่มันได้ยินมา แต่ละเขตของกลุ่มนักล่าอสูรมี 3 รองอาวุโสและแต่ละท่านก็มีหน่วยใหญ่ที่รวมหน่วยย่อยเอาไว้ทั้งหมด 100 หน่วย แต่ที่เจียนจิงพูดออกมานั้นหมายความว่า รองอาวุโส 1 มีหน่วยย่อย 2 หน่วย และรองอาวุโส 2 ก็มี 2 หน่วยซึ่ง 1 ในนั้นเป็นหน่วยที่มีเพียงเจียนจิงและพวกไป๋จูเหวินเท่านั้น ส่วนรองอาวุโส 3 มีหน่วยเพียงหน่วยเดียวคอยทำงานให้….

 อย่างว่าล่ะ หน่วยของเรามันไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่ยังไงพวกเราก็มีงานต้องทำ เจียนจิงว่าพลางยื่นกระดาษอีกแผ่นมาให้พวกไป๋จูเหวิน

 นี่มัน.. ไป๋จูเหวินและพวกต้าชิงต้าเฉินมองกระดาษในมือพลางขมวดคิ้ว

 นี่คืองานที่พวกเจ้าได้รับมอบหมายในวันนี้ ได้ยินเช่นนั้นพวกไป๋จูเหวินก็ก้มมองเอกสารในมือทันที ต้าชิงได้รับงานเดินเอกสารให้กับผู้ช่วยอาวุโส ส่วนต้าเฉินรับหน้าที่เฝ้ายาม ไป๋จูเหวินรับหน้าที่เดินตรวจตราภายในเมือง…

 ไม่ใช่ว่างานของหน่วยเราต้องออกไปสำรวจอสูรหรอกหรือ ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว

 ก็ใช่ แต่การไปสำรวจต้องมีการเตรียมการ แล้วพวกเราก็ไปสำรวจกัน 4 คนไม่ได้หรอก เจียนจิงยักไหล่ เพราะหน่วยมันพึ่งตั้งเมื่อเช้าทำให้ไม่สามารถรับงานสำรวจได้ในทันที อย่างน้อยก็ต้องให้มีสมาชิกในหน่วย 10 คนเสียก่อน

 งั้น..พวกเราก็ต้องทำงานจิปาถะไปก่อนสินะ ไป๋จูเหวินว่าพลางเก็บกระดาษลงในมิตอตัวเอง

 ถูกต้อง เจียนจิงพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง ตั้งแต่ไป๋จูเหวินเข้าสำนักธารโลหิตมา ตัวมันยังไม่เคยได้ทำงานจิปาถะเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเพราะพังฝีมือที่เกินกว่าศิษย์ธรรมดามันเลยกลายเป็นศิษย์ที่ได้รับความสนใจไปก่อนที่จะโดนสั่งใช้ทำงานอะไรนั่นเอง แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน แม้แต่เจียนจิงที่อยู่ตรงหน้าพวกมันยังมีระดับพลังวิญญาณสูงกว่าไป๋จูเหวินที่เลื่อนขึ้นมาเป็นระดับหลอมรวมนภา ขั้น 2 แล้วเสียอีก

 ถ้างั้นเราก็ไปกันเถอะ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางพวกต้าชิงต้าเฉิน

 ขอรับนายน้อย ต้าชิงและต้าเฉินประสานมือรับก่อนจะแยกย้ายไปทำงานของตนเอง

ไป๋จูเหวินที่ได้รับหน้าที่เดินตรวจตราภายในเมืองแต่งเครื่องแบบสีดำของกลุ่มนักล่าอสูรและสวมสร้อยคอของหน่วย 7 ซึ่งเป็นสร้อยคอที่ประดับไปด้วยเขี้ยวสัตว์ จนนก และเกร็ดของสัตว์บางอย่าง ซึ่งมันต่างจากสร้อยคอของหน่วยที่เหม่ยหลินอยู่มากทีเดียว เพราะหน่วยที่เหม่ยหลินอยู่จะสวมสร้อยคอเป็นกรงเล็บสัตว์ทั้งหมด ส่วนหน่วยอื่นที่มันเคยเจอก็คงจะมีแต่คุณชายเฟยเฟิ่ง พวกนั้นสวมสร้อยคอที่มีขนนกประดับเป็นส่วนใหญ่ ท่าทางสร้อยคอเหล่านี้จะเป็นของเอาไว้แบ่งหน่วยนั่นเอง

ตูม! ขณะกำลังเดินชมบ้านเมือง อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทำเอาไป๋จูเหวินต้องรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นทันที

 ท่าน…แย่แล้วมีอสูรเลี้ยงกัดกันเองที่ร้านเครื่องเรือน ชายคนหนึ่งรายงานทันทีเมื่อเห็นไป๋จูเหวินเดินทางมาถึง ท่าทางคนของกลุ่มนักล่าอสูรก็ไม่ต่างจากทหารภายในเมืองเลยก็สินะ

 เข้าใจแล้ว ไป๋จูเหวิน หลินหลิน และ หงเยว่ รีบเข้าไปตามเสียงในทันที พริบตาแรกที่เห็นสภาพที่เกิดเหตุคือภาพของกำแพงหินที่ถูกกระแทกจนเกิดรูโหว่ และอสูร 2 ตนที่กำลังแยกเขี้ยวใส่กัน หนึ่งเป็นอสูรหมาป่าอีกหนึ่งเป็นอสูรจิ้งจอก

 หยุดได้แล้ว ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไประหว่างอสูรทั้งสอง พริบตาที่ได้ยินเสียงของไป๋จูเหวินหมาทั้งสองตัวก็พากันกระดิกหางแล้ววิ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินราวกับที่มันกัดกันจนข้าวของได้รับความเสียหายไม่เคยเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น

 หลินหลิน เจ้าซ่อมกำแพงนั่นได้ไหม ไป๋จูเหวินถามเพราะหลินหลินเป็นอสูรธาตุทอง นางเลยสามารถใช้พลังอสูรควบคุมหินดินทรายได้อย่างไม่มีปัญหา

 ค้า หลินหลินรับคำพลางเอามือแปะๆที่พื้นครู่หนึ่ง กำแพงที่ถูกกระแทกจนพังก็กลับมาดีดังเดิม

 โอ้ ขอบคุณท่านมากที่เข้ามาช่วย ชายคนหนึ่งพูดพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 สองตนนี้กัดกันบ่อยงั้นหรือ ไป๋จูเหวินถามพลางมองอสูรหมาป่าและอสูรจิ้งจอกที่กำลังกระดิกหางให้ไป๋จูเหวินราวกับมันเป็นเจ้านาย

 ขอรับ เจ้าจิ้งจอกเป็นสุนัขของร้านเครื่องเรือน ส่วนเจ้าหมาป่าเป็นของร้านสุราฝั่งตรงข้าม ไม่ทราบทำไมพวกมันถึงได้ชอบกัดกันทั้งๆที่เจ้าของพวกมันก็เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ชายคนเดิมตอบพลางมองเจ้าหมาสองตัวที่ทำท่าอย่างกับสนิทสนมกันดี ทั้งๆที่ปกติเหยียบเงากันยังไม่ได้

 โฮ้งงๆๆ อยู่ๆเจ้าหมาป่าก็เห่าขึ้นมา แม้ไป๋จูเหวินจะมีพลังในการดึงดูดใจเหล่าอสูร แต่มันก็ฟังภาษาสัตว์ที่อสูรระดับต่ำใช้ไม่ออก

 มันบอกว่า เจ้านายของจิ้งจอกชอบเข้ามาในเขตของมันล่ะ หลินหลินแปลพลางยิ้มกว้าง

 โฮ้งงๆๆ คราวนี้เจ้าจิ้งจอกก็เห่าออกมาเช่นกัน

 มันบอกว่าเจ้านายของหมาป่าเองก็ชอบเข้ามาในเขตของมันเหมือนกัน ได้ยินหลินหลินแปล ไป๋จูเหวินก็ส่ายหน้า

 เจ้านายของพวกเจ้าเป็นสหานกัน จะไปมาหาสู่กันไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือไง ไป๋จูเหวินถอนหายใตพลางมองเจ้าหมาสองตัวนิ่ง

 เอาเป็นว่าหลังจากนี้พวกเจ้าต้องทำตัวดีๆ อย่าตีกันอีก ไป๋จูเหวินสั่งพลางกอดอกแน่น

 โฮ๋ง.. หมาทั้งสองเห่าเสียงเบาพร้อมทำหูและหางตกลงอย่างน่าสงสาร แม้จะฟังไม่ออก แต่ไป๋จูเหวินก็สามารถสั่งการพวกอสูรชั้นต่ำได้อย่างไม่ยากเย็น

แม้คนอื่นๆจะมองว่าเป็นการสั่งแบบไร้สาระ แต่หลังจากนั้นอสูรทั้งสองก็ไม่กัดกันอีกเลย สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่อยู่ในแถบนั้นไม่น้อย…..

งานในวันแรกของไป๋จูเหวินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีไป๋จูเหวินอยู่ปัญหาเกี่ยวกับอสูรเลี้ยงก็ครี่ครายในทันที ปัญหาของไป๋จูเหวินกลับเป็นความขัดแย้งของมนุษย์ด้วยกันไปเสียอย่างนั้น แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมายวันนี้จึงจบลงด้วยการเดินเล่นรอบเมืองไม่กี่รอบเท่านั้น

 โอ๊ะ เจ้า… แต่ทันทีที่ไป๋จูเหวินกลับมาที่หน่วย 7 อยู่ๆอาวุโส 7 ที่ไม่ทราบทำไมมาอยู่ที่หน้าอาคารก็เรียกไป๋จูเหวินเข้าไปหา

 เจ้าเป็นคนที่เข้ามาใหม่สินะ ท่านอาวุโส 7 ว่าพลางยิ้มกว้าง

 ขะ ขอรับ ไป๋จูเหวินตอบรับพลางมองอาวุโส 7 อย่างประหลาดใจ

 พรุ่งนี้จะมีงานรับเสด็จ เจ้าช่วยไปเป็นตัวแทนของหน่วย 7 หน่อยก็แล้วกัน พูดจบอาวุโสก็ติดเข็มกรัดที่สลักคำว่า หน่วย 7 เอาไว้ที่อกของไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว

 รับเสด็จ?? ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว รับเสด็จ? รับเสด็จคืออะไร

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 88 งานจิปาถะ

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท