บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 116 ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์

ตอนที่ 116 ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์

ตอนที่ 116

ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์

หลังจากเวลาผ่านไป 2 คืน เหล่าผู้มาร่วมชุมนุมต่างก็เดินทางมาถึงกันถ้วนหน้า ทำเอายอดเขาหลังวัดร้างแห่งนี้กลายเป็นแหล่งรวมเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนกว่า 70 คน เรียกได้ว่าขุมกำลังของอาณาจักรกว่าครึ่งต่างอยู่ที่นี่กันทั้งสิ้น

 อย่างที่ทุกท่านทราบกัน คราวนี้ข้าจะจัดการประลองสำหรับคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เฒ่าประทับสวรรค์พูดพลางเดินออกมากลางวงชุมนุม ที่ข้างกายของมันนั้นปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามออกมาพร้อมท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง มันยืดตัวตรงเดินตามผู้เป็นอาจารย์อย่างสง่าผ่าเผยโดยไม่สนใจสายตาของเหล่ายอดฝีมือที่มองมาทางมันเลย

 มิน่าเล่าเฒ่าประทับสวรรค์ถึงมั่นใจนัก ชายคนหนึ่งพูดพลางกุมอาวุธของมันแน่น ศิษย์ของเซียนดาบนับว่าน่าตื่นตาตื่นใจแล้วเพราะนางสามารถก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี และเมื่อมนุษย์ก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียน อายุขัยของนางก็ยืดยาวมากกว่าเดิมหลายเท่า หลังจากนี้นางจะยิ่งสามารถฝึกฝนและแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัน บางทีนางอาจจะก้าวขึ้นระดับเทียนเซียนก่อนอายุ 50 ปีเสียด้วยซ้ำ แต่.. ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์กลับสร้างความตื่นตระหนกยิ่งกว่าศิษย์ของเซียนดาบเสียอีก เพราะมันมีพลังวิญญาณถึงระดับก่อกำเนิดพลังเซียนขั้นที่ 8 แล้ว เหนือกว่าศิษย์ของเซียนดาบถึง 3 ขั้น แถมมมันยังอายุ 21 ปีเท่านั้นอีกต่างหาก

ตึง…เมื่อได้เห็นศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ เซียนหมัดที่มั่นใจนักหนาก็ระบายอารมกับเก้าอี้ของตนในทันที ใครจะไปคิดว่าศิษย์ของเซียนดาบจะสามารถรักษาตัวจากอาการธาตุไฟเข้าแทรกได้ แถมศิษย์ของเม่าประทับสวรรค์ยังน่ากลัวกว่าข่าวลือเสียอีก ลงเป็นแบบนี้อันดับ 1 และ 2 ก็เท่ากับมีผู้ครอบครองแล้ว

 และ ตามที่ข้าได้เขียนเอาไว้ในบัตรเชิญ ข้าได้จัดรางวัลเอาไว้ให้แก่ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ด้วย เพียงแต่ข้าจะไม่ได้มอบรางวัลให้กับอันดับ 1 เท่านั้น แต่ข้ายังมีรางวัลให้กับอันดับ 2 3 4 และ 5 อีกด้วย ได้ยินเฒ่าประทับสวรรค์พูดเช่นนั้นเหล่าศิษย์ต่างก็มีท่าทีดีอกดีใจกันไม่น้อย เฒ่าประทับสวรรค์แม้ภายนอกจะเหมือนชายชราใจดี แต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเป็นตาเฒ่าผู้หลงไหลในสมบัติล้ำค่า ของรางวัลจากตัวมันนั้นช่างน่าดึงดูดใจถึงขนาดที่เหล่าอาจารย์ยังอยากลงไปประลองด้วยตนเองเลยทีเดียว

 ถ้าเช่นนั้นเราก็เริ่มประลองกันเลยเถิด เซียนหมัดยิ้มออกมาอย่างอารมดี ศิษย์ของมันแม้ไม่ได้ที่ 1 หรือ 2 แต่ที่ 3 นั้นยังมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว

 ไม่ต้องใจร้อน ครั้งนี้มีผู้ลงประลองกว่า 22 คน เกรงว่าจะต้องใช้เวลานานหากผลัดกันประลองทีละคน เม่าประทับสวรรค์ยิ้มพลางเรียกกระบอกใส่เซียมซีที่มันเตรียมเอาไว้แล้วออกมา

 ข้าจะให้พวกเจ้าจับฉลากเพื่อสุ่มจับคู่การแข่งขัน ใครแพ้ก็คัดออกไป พูดจบเฆ่าประทับสวรรค์ก็ยื่นกระบอกเซียมซีไปให้ศิษย์ของตนเอง

 หมายเลข 1 ศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์พูดพลางชูก้านเซียมซีขึ้นมา ซึ่งที่ปลายของเซียมซีก็มีหมายเลข 1 เขียนเอาไว้จริงๆ

 ต่อไป เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่กับอาวุโสเทียรหมิง

 21 ไป๋จูเหวินมองหมายเลขที่เขียนอยู่บนเซียมซีนิ่ง มันกับศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์หมายเลขห่างกันเกือบจะสุดตาราง กว่าจะได้เจอกับศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ก็ต้องชนะกันมาถึงรอบสุดท้ายเลย

 แบบนี้ที่ 2 ก็มีความหวังไม่ใช่หรือไง ชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชมว่าพลางพยักหน้าเล้กน้อย

 อะไรของเจ้า ที่ 2 ก็มีความหวังอะไรกัน ชายอีกคนถามพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

 ก็การประลองเช่นนี้เป็นการประลองแบบแพ้คัดออก หากศิษย์ของเซียนดาบเจอกับศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ก่อนรอบสุดท้าย ก็เท่ากับคนใดคนหนึ่งต้องตกไปก่อนไม่ใช่หรืออย่างไร ได้ยินเช่นนั้นคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 ถ้าเช่นนั้นหากนางจับได้ลำดับที่มากกว่า 12 โอกาสของคนอื่นๆก็จะเพิ่มขึ้นสินะ ชายอีกคนว่าพลางยิ้มกว้าง

 เช่นนั้นก็ได้แต่ลุ้นให้นางอยู่ในกลุ่ม 12 คนแรกสินะ เหล่าคนจากสำนักอื่นต่างพากันมองไปที่ศิษย์ของเซียนดาบ แม้จะน่าละอายไปบ้างที่หวังชนะด้วยการให้นางไปแพ้คนอื่นก่อน แต่เพื่อรางวัลอันแสนยั่วยวนแล้วมันย่อมละทิ้งความอายได้

 14 แต่ทันทีที่ศิษย์ของเซียนดาบจับเซียมซีได้หมายเลข 14 ที่อยู่คนละสายกับศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์เหล่าผู้ชมก็พากันผิดหวังไปตามๆกัน เช่นนั้นรอบสุดท้ายก็คงเป็นศิษย์ของเซียนดาบกับศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์เป็นแน่

 22 หมายเลขนี้ไม้คนอื่นจะไม่ค่อยสนใจนัก แต่มันกลับเรียกความสนใจให้กับไป๋จูเหวินอย่างมาก เพราะผู้จับหมายเลขนี้คือคนที่จะต่อสู้กับตัวไป๋จูเหวินนั่นเอง

 ดูเหมือนข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่านนะ เด็กหนุ่มอายุ 12 – 13 ปีพูดพลางยิ้มมาทางไป๋จูเหวิน มันคือศิษย์ของชายสวมชุดขนสัตว์นั่นเอง

 ทางนี้คงต้องขอรบกวนด้วย ไป๋จูเหวินว่าพลางตอบรับเด็กหนุ่มอย่างยิ้มแย้ม เด็กคนนั้นท่าทางมาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพราะพลังยังอ่อนด้อยนัก ท่าทางการแข่งรอบแรกของไป๋จูเหวินชนะได้ไม่ยากเท่าไหร่

 อย่าได้ดูถูกศิษย์ของมือสังหารแห่งป่าไร้สำเนียงไป วิชาของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณหรอกนะ หวงหลงว่าพลางเตือนสติไป๋จูเหวินก่อนที่มันจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกแมว

 ชื่อนั่นมันอะไรกัน… ชายในชุดขนสัตว์ว่าพลางถอนหายใจออกมา ชื่อฉายาน่าอายเช่นนั้นมันไม่ชอบเสียเลย แถมมันยังยาวเกินไปจะเอามาเรียกขานอีกต่างหาก

 ช่วยไม่ได้ ชื่อเสียงของเจ้ามันดังกว่าชื่อจริงๆนี่นา หวงหลงหัวเราะพลางยิ้มบางๆ

 แต่ข้าว่าฉายาของอาจารย์ออกจะเท่ดีนะขอรับ ศิษย์ของชายสวมเสื้อขนสัตว์ยิ้มกว้างพลางหัวเราะออกมาเช่นเด็กชายปกติทำกัน

 เอาล่ะ จับฉลากกันครบทุกคนแล้ว มาเริ่มการประลองคู่แรกกันเลย เฒ่าประทับสวรรค์พูดพลางมองมาทางศิษย์ของมัน

 เฟยหลง เอาชนะให้ไวที่สุด เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินกลับไปในกลุ่มคนดู

 ศิษย์รับทราบแล้วขอรับ เฟยหลงว่าพลางประสานมือรับอย่างแข็งขัน มันเดินออกไปที่กลางลานประลองก่อนที่คู่ประลองของมันจะเดินตามออกมาอย่างช้าๆ

 เจ้าจะใช้อาวุธอะไร คู่ประลองของเฟยหลงถามพลางกุมด้ามดาบทั้ง 2 เล่มเอาไว้

 ข้าไม่ได้ใช้อาวุธ เฟยหลงตอบพลางตั้งท่าฝ่ามืออย่างผ่อนคลาย

 เช่นนั้นข้าจะใช้อาวุธสำหรับฝึกซ้อม คู่แข่งของเฟยหลงว่าพลางทำท่าจะเก็บอาวุธลงแหวนของตน แต่เฟยหลงกลับห้ามเอาไว้

 เจ้าใช้อาวุธที่เจ้าถนักเถอะ เฟยหลงพูดด้วยท่าทีจริงจัง

 เจ้าแน่ใจหรือ กาบคู่นี้เป็นอาวุธวิเศษทั้งคู่ เกิดทำร้ายเจ้าขึ้นมาคงไม่ดีนัก คู่แข่งของเฟยหลงว่าพลางมองดาบในมือของตนเอง

 ตัวข้าฝึกฝนวิชาฝ่ามือ มีฝ่ามือเป็นอาวุธ ส่วนเจ้าฝึกฝนวิชาดาบคู่ย่อมมีดาบเป็นอาวุธ เรื่องนั้นเราท่าเทียมกัน เฟยหลงตอบโดยไม่เปลี่ยนท่ายืนแต่อย่างไร

 อีกอย่าง…หากเจ้าไม่ใช้อาวุธวิเศษเกรงว่ายามพ่ายแพ้เจ้าจะหาข้ออ้างเสียมากกว่า เฟยหลงพูดจบ ใบหน้าของคู่แข่งก็ชะงักไปทันที

 เจ้ายั่วยุได้ไม่เลว ได้ ข้าจะใช้อาวุธวิเศษของข้า พูดจบคู่แข่งของเฟยหลงก็ทะยานไปข้างหน้าพร้อมดาบคู่ในมือของมัน พริบตานั้นดวงตาของไป๋จูเหวินก็กลายเป็นสีแดงในทันทีเพื่อจับจ้องการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ชายผู้ใช้ดาบคู่ว่องไวมาก พริบตาเดียวก็ทะลุถึงด้านหน้าของเฟยหลงแล้ว ท่วงท่าดาบคู่ของมันวาดใส่เฟยหลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง เพียงแต่เฟยหลงกลับสามารถอ่านกระบวนท่าของมันได้ไม่ยาก

เคร๊ง! ราวกับเสียงโลหะกระทบกัน ดาบวิเศษของชายผู้ใช้ดาบคู่ไม่สามารถทำร้ายฝ่ามือของเฟยหลงได้ ผิวหนังของมันท่าทางแม้ดาบวิเศษยังฟันแทงไม่เข้าเสียแล้ว

 ไม่เลวเลยนี่นา เฟยหลงยิ้มพลางมองใบดาบที่ฟันค้างอยู่ที่มือของมัน สมแล้วที่เป็นงานชุมนุมของยอดฝีมือ เหล่าศิษย์ของพวกมันต่างได้ร่ำเรียนวิชาอันสุดยอดและใช้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม การโจมตีของดาบคู่ก่อนหน้านี้มันเองยังไม่สามารถโจมตีสวนกลับได้

เคร๊งๆๆๆ ดาบคู่และฝ่ามือปะทะกันถี่ยิบ เพียงแต่คนรอบข้างกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความดุเดือดเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าชายผู้ใช้ดาบคู่สามารถโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม แต่มองดูไม่นานเหล่ายอดฝีมือรอบๆก็มองออกเสียแล้วว่าเฟยหลงเพียงกำลังเล่นกับวิชาของอีกฝ่ายอยู่เท่านั้น ตัวมันทั้งเร็วและแข็งแรงกว่าอีกฝ่ายมาก แม้แต่พลังวิญญาณยังเทียบกันไม่ติด ไม่มีทางที่เฟยหลงจะเป็นฝ่ายรับอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ

 เฟยหลง ข้าบอกให้เจ้าจบเร็วๆยังไงล่ะ เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางมองศิษย์ตนเองด้วยท่าทางตำหนิ

 ขออภัยขอรับอาจารย์ เฟยหลงว่าพลางประสานมือมาทางอาจารย์ทั้งๆที่ยังอยู่ในการประลอง

 เจ้าทำบ้าอะไร คู่แข่งของมันที่กำลังโจมตีอยู่ถึงกับลมออกหู อยุ่ๆมันก็หันไปคารวะอาจารย์ของมันราวกับการประลองตรงหน้าเป็นเรื่องล้อเล่นเสียอย่างนั้น

ผลักๆ เสียงกระแทก 2 เสียงดังมาจากร่างของชายผู้ใช้ดาบคู่ พริบตาต่อมาร่างของชายผู้ใช้ดาบคู่ก็ล้มนอนลงกับพื้น ทำเอาเหล่าศิษย์ของสำนักดาบคู่ต่างพากันตกตะลึงตาค้าง

 มันฝึกสำเร็จจริงๆด้วย หัวหน้าถังว่าพลางเพ่งมองรอยฝ่ามือบนร่างของชายผู้ใช้ดาบคู่ ฝ่ามือประทับสวรรค์ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว เพียงพริบตาเดียวฝ่ามือก็โจมตีใส่เสียแล้ว หากเฒ่าประทับสวรรค์ลงมือเองและคิดอยากจะโจมตีใครละก็ ผู้ที่ถูกโจมตีจะรู้ตัวว่าโดนโจมตีก็ต่อเมื่อเฒ่าประทับสวรรค์เดินห่างไปแล้วกว่า 100 เมตรเท่านั้น

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 116 ศิษย์ของเฒ…

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท