บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 115 ยอดคนยุคใหม่

ตอนที่ 115 ยอดคนยุคใหม่

ตอนที่ 115

ยอดคนยุคใหม่

 คุณชาย ท่ายยังไม่นอนอีกงั้นเหรอ หงเยว่ถามพลางมองไป๋จูเหวินที่กำลังนั่งสมาธิฝึกฝนเคล็ดวิชาอยู่บนหลังของหลินหลินอย่างตั้งอกตั้งใจ

 ขออีกสักพักก็แล้วกัน ไป๋จูเหวินว่าพลางเพ่งสมาธิไปให้การฝึกฝนต่อ ซึ่งการที่มันตั้งใจฝึกฝนเช่นนี้นั้นเป็นเพราะการปะทะกันกับศิษย์ของเซียนหมัดก่อนหน้านี้นั่นเอง แม้มันจะใช้ฝ่ามือหิมะละลายกลางนภาป้องกันหมัดของมันเอาไว้ได้สำเร็จ แต่พลังของศิษย์เซียนหมัดก็น่ากลัวไม่น้อย ขนาดว่ามันต่อยแรงกว่านี้อีกครึ่งกระบวนท่าของไป๋จูเหวินคงไม่ได้ผลไปแล้ว

 การประลองครั้งนี้แม้ไม่มีศิษย์ของเซียนกระบี่และศิษย์ของเซียนดาบ แต่ศิษย์ของคนอื่นๆก็ยังแข็งแกร่ง ข้าดีใจที่เห็นเจ้าไม่ประมาท หวงหลงว่าพลางมองไป๋จุเหวินที่กำลังฝึกฝนอย่างตั้งใจ ก่อนหน้านี้มันมองไป๋จูเหวินเป็นเพียงเด็กเหลือขอ ที่แอบพาบุตรสาวมันหนีออกจากบ้านเท่านั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นเด็กมีพรสวรรค์น่าจับตามองเช่นนี้ เพียงเวลาไม่กี่วันที่มันมอบเคล็ดวิชาร่างสถิตมังกรให้กับไป๋จูเหวิน มันก็ฝึกฝนไปได้มากกว่า 3 ส่วนแล้ว ทั้งๆที่การฝึกฝนเคล็ดร่างสถิตมังกรเป็นการส่งพลังวิญญาณเข้าไปหล่อเลี้ยงผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น รวมถึงเส้นชีพจรวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้น แม้จะไม่ได้ทำให้ระดับการฝึกฝนเพิ่มขึ้นพรวดเหมือนเคล็ดโลหิตมังกร แต่ก็ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาก ตัวหวงหลงจึงแข็งแกร่งกว่าผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้น 1 คนอื่นๆจนเทียบไม่ติดนั่นเอง

 หึๆ ศิษย์ของเจ้าขยันขันแข็งเช่นนี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ หัวหน้าถังว่าพลางหัวเราะออกมา แม้ตอนนี้จะเป็นยามค่ำคืนแล้วพวกมันก็ยังสามารถเดินทางต่อกันได้เพราะเหล่าอสูรมีความอดทนมากกว่าสัตว์ป่าทั่วไปมาก พวกมันที่อาศัยขี่อยู่บนหลังของอสูรจึงปล่อยให้พวกมันนำทางไปเท่านั้น

 ทำไมต้องอิจฉาข้าด้วย บุตรสาวท่านเองก็ขยันไม่น้อยเลยนี่นา หวงหลงว่าพลางยิ้มออกมา ตัวถังซินเองหลังจากโดนคุกคามจากศิษย์ของเซียนหมัด นางก็กลับมาฝึกฝนวิชาอย่างหนักไม่ต่างจากไป๋จูเหวินเลย ความจริงแล้วถังซินเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่เพราะนิสัยรักสงบและใช้ชีวิตอยู่กับเหล่าอสูรเป็นส่วนใหญ่ วิชาของนางเลยไม่ค่อยก้าวหน้านัก การประลองในคราวนี้หัวหน้าถังก็แอบหวังว่าบุตรสาวจะมีไฟอยากฝึกฝนวิชาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ผลเร็วถึงขนาดนี้

แม้จะน่าเสียดาย แต่เวลาเดินทางที่เหลือเพียงไม่ถึงเดือนไม่เพียงพอจะทำให้ไป๋จูเหวินและถังซินเพิ่มระดับพลังวิญญาณของตนได้ แต่ทางด้านไป๋จูเหวินกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายได้อีกระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ไป๋จูเหวินประหลาดใจที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ฝ่ามือของมันเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นราวกับมือของมันทำจากกระดูกก็ไม่ปาน แถมมือของมันยังแข็งขึ้นมากราวกับสวมเกราะแขนเอาไว้ แม้จะแอบคิดว่าเป็นผลจากเคล็ดวิชาร่างสถิตมังกร แต่หวงหลงและเหม่ยหลินเองก็ไม่มีอาการแบบนี้ แถมสีขาวขุ่นเช่นนี้ยังทำให้ไป๋จูเหวินนึกถึงสีของร่างแมงมุมของมารดาขึ้นมาอีกต่างหาก ทำให้ไป๋จูเหวินคาดว่าสิ่งนี้จะเกิดจากพลังอสูรที่เพิ่มสูงขึ้น และท่าทางตอนฝึกเคล็ดร่างสถิตมังกรมันจะเอาพลังอสูรไปหล่อเลี้ยงกร่างกายพร้อมๆกับพลังวิญญาณโดยไม่รู้ตัว

หมับ…ไป๋จูเหวินกำมือแน่นพลางยิ้มออกมา แม้จะแค่ส่วนฝ่ามือแต่ความแข็งระดับนี้ต่อให้เป็นดาบมรกตของหยงเวยก็ไม่อาจทำอะไรได้แน่ๆ

 มาถึงแล้ว หัวหน้าถังพูด พลางหยุดขบวนอสูรของตนลง

 ที่นี่นะเหรอ? ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วพลางมองไปด้านหน้าอย่างประหลาดใจ เห็นตั้งชื่อว่าจวนตะวันคร้อยมันก็นึกว่าจะเป็นจวนของขุนนางเสียอีก แต่ภาพที่มันเห็นตรงหน้าไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นวัดร้างชัดๆ

 เป็นที่นี่ไม่ผิดหรอก หวงหลงว่าพลางกระโดดลงจากหลังไป๋หู่ ก่อนจะให้ไป๋หู่คืนร่างกลับเป็นมนุษย์เพื่อลดขนาดตัวลง

 ครั้งแรกก็แบบนี้ล่ะ หัวหน้าถังหัวเราะพลางลงจากหลังราชสีห์ดำเช่นกัน แน่นอนว่าราชสีห์ดำก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน ไม่นานเหล่าอสูรระดับสูงทุกตนก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และพากันเดินตามหัวหน้าถังและหวงหลงไปช้าๆ

แม้จะทราบว่างานชุมนุมยังไม่เริ่ม แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่คิดว่าสถานที่นัดหมายจะเงียบเหง่าเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนที่นี่มันก็เป็นวัดร้างชัดๆ ไม่สิ ควรเรียกว่าวัดโบราณเสียด้วยซ้ำเพราะนอกจากอิฐที่ใช้สร้างจะเก่าจนกร่อนหมดแล้วยังมีแต่ซากปลักหักพังมากมายอีกต่างหาก

 ทางนี้ หัวหน้าถังว่าพลางเดินขึ้นไปบนบันไดขึ้นเขาด้านหลังวัด โดยบันไดแห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก ทำให้เหล่าอสูรและคนของทั้ง 2 กลุ่มสามารถเดินขึ้นไปพร้อมกันได้อย่างสบาย

วูมมม… ทันทีที่เดินขึ้นบันไดไปได้ครึ่งหนึ่ง แรงกดดันมหาศาลก็ทำเอาขาของไป๋จูเหวินหยุดชะงักลง เหนือขั้นบันไดขึ้นไปมีเหล่าคนจำนวนหนึ่งรออยู่ ซึ่งคนเหล่านั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงกันทั้งสิ้น มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่มีพลังต่ำกว่าระก่อกำเนิดพลังเซียน หรือก็คือมีเพียงผู้เข้าประลองเท่านั้นที่มีพลังต่ำว่าปกติ

กึก… แต่ละก้าวของไป๋จูเหวินเริ่มหนักหน่วงขึ้นทีละน้อยๆหลังจากโดนแรงกดดันของขนบนเขาแผ่มาถึง ไม่ใช่แค่ไป๋จูเหวินเท่านั้น ถังซินและเหล่าอสูรระดับต่ำเองก็มีอาการเช่นนี้เหมือนกัน

กึก..ในที่สุดพวกมันก็ก้าวขึ้นมาบนชั้นบนสุดของบันได ตรงหน้าของมันปรากฏหน้าผาสูงที่มีตัวอักษรสลักเอาไว้ว่า สุดเขตตะวันตก ซึ่งหมายความว่าที่นี่คือเขตชายแดนของอาณาจักรที่ไป๋จูเหวินอยู่ เลยจากที่นี่ไปก็เป็นเขคของอาณาจักรอื่นแล้วนั่นเอง

 ยินดีต้อนรับ หัวหน้ากลุ่มผู้ฝึกอสูร ถังเยี่ยน และหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร หวงหลง ชายชราคนหนึ่งพูดพลางลุกขึ้น มันมีหนวดเคราสีขาวยาวถึงกลางอกและมีหางคิ้วที่ยาวผิดปกติ สีหน้าของมันดูใจดีและอ่อนโยนราวกับเป็นชายชราใจดีที่เหล่าเด็กๆสามารถเข้าหาได้อย่างง่ายดายเลย หากไม่นับไอพลังเซียนที่แผ่พุ่งออกมาจนคนรอบข้างต่างพากันร้อนๆหนาวๆละก็

 คารวะอาวุโสประทับสวรรค์ หวงหลงและหัวหน้าถังต่างประสานมือให้กับชายชราอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ภายในอาณาจักรแห่งนี้ชายชราตรงหน้าคือผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว

 มาๆ ข้าจองที่ไว้ให้พวกเจ้าแล้ว เม่าประทับสวรรค์ว่าพลางพาพวกหวงหลงและหัวหน้าถังมานั่งที่เก้าอี้อย่างอารมดี แม้รอบข้างจะมีแต่ยอดฝีมือจนพวกหวงหลงยิ้มไม่ออกก็ตาม

 เจ้าส่งบุตรสาวเข้าประลองจริงๆด้วยสินะ หัวหน้าถังเดินมานั่งที่เก้าอี้ไม่นาน ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดขนสัตว์ก็เอ่ยปากพูดพลางยิ้มออกมา ตัวมันเป็นผู้มีพลังกดดันน้อยที่สุดในกลุ่มผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 แต่ไม่ใช่เพราะมันอ่อนแอแต่เพราะมันเป็นผู้เก็บงำพลังได้ดีที่สุดต่างหาก

 การให้นางได้รับประสบการณ์เช่นนี้นับว่ามีค่าที่สุดแล้ว หัวหน้าถังว่าพลางยิ้มรับ

 ฮ้าๆ แน่นอน ทุกคนมาร่วมงานประลองครั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลนี้ล่ะ ชายผู้สวมชุดขนสัตว์ว่าพลางลูบหัวเด็กชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆมัน เด้กชายคนนั้นอายุราวๆ 12 หรือ 13 ปี แต่มันกลับมีพลังวิญญารอยู่ระดับหลอมรวมวิญญาณแล้ว นับว่าน่าตระหนกมากสำหรับคนอายุเท่านี้ แต่ด้วยพลังระดับนั้นคงไม่สามารถเอาชนะในการประลองของเหล่าคนรุ่นใหม่ในครั้งนี้ได้แน่ๆ ท่าทางชายสวมชุดขนสัตว์จะพาเด็กน้อยคนนั้นมาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริงๆ

 ดูเอาไว้ซะ คนเหล่านี้คือคนที่เจ้าจะต้องประลองด้วย หวงหลงพูดพลางนั่งลงด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ตัวมันแม้จะอยู่ขั้นแรกของระดับเทียนเซียน แต่ก็เคยมาร่วมงานในฐานะบุตรชายของเจ้าแห่งเหล่าอสูรมาแล้ว แม้ตอนนี้ตัวมันจะยังไม่ก้าวถึงระดับ เทียนเซียน ขั้นที่ 10 แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตเท่านั้น

 เหาะ..ดูท่าคราวนี้จะมีบางคนโชคดีที่ไม่ได้จัดการประลองสำหรับยอดฝีมือ ชายผู้ถือหอกทองแดงคนหนึ่งว่าพลางมองมาทางหวงหลง แน่นอนว่าที่ข้างกายของมันก็มีลูกศิษย์ยืนอยู่โดยที่มือของศิษย์มันก็มีหอกทองแดงเล่มหนึ่งเช่นกัน แม้หวงหลงจะทำท่าทีไม่สนใจคำนินทา แต่ไอพลังเซียนที่ปะทะกันกลางสนามก็ทำเอารอบๆเกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที ท่าทางแรงกดดันที่ส่งไปถึงข้างล่างจะไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อกดดันผู้มาใหม่เสียแล้ว เพราะแรงกดดันที่ปล่อยออกมานั้นคงเกิดจากการเขม่นกันเองของเหล่ายอดฝีมือเสียมากกว่า

ตุบ… ร่างของชายคนหนึ่งร่อนลงมาจากฟ้า ก่อนที่เท้าของมันจะแตะพื้นอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความประหลาดใจของเหล่าผู้มาร่วมงาน

 เซียนกระบี่… ชายคนหนึ่งรำพึงออกมาด้วยความตกใจ เพราะพวกมันต่างได้ข่าวมาทุกคนว่าเซียนกระบี่และเซียนดาบไม่ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้

 พี่หมิง นึกว่าท่านจะไม่มาซะแล้ว หวงหลงว่าพลางลุกขึ้นยืนต้อนรับอาวุโสเทียนหมิง

 ศิษย์ข้าไม่ได้มาด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่มานี่นา อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน

 หึหึ…เจ้าพาไป๋จูเหวินมาด้วยงั้นหรือ อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางเหล่มองหวงหลงนิดหน่อย

 ขอรับ ข้าพามันมาเอง หวงหลงตอบพลางพาอาวุโสเทียนหมิงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆมัน หลังจากเรื่องของเหม่ยหลินมันกับอาวุโสเทียนหมิงก็ผิดใจกันนิดหน่อย แต่เพราะมันยอมให้เหม่ยหลินมาหามารดาได้บ้างในบางครั้ง อาวุโสเทียนหมิงเลยยอมจบเรื่อง แม้ตอนแรกจะเป็นห่วงไป๋จูเหวินที่ต้องเดินทางไปเขตอสูรอยู่บ้าง แต่ภายหลังก็ได้ข่าวว่ามันสำรวจเขตอสูรสำเร็จแล้วกลับไปยังนครร้อยแปดอสูรแล้ว

 ท่านอาวุโส ดีใจที่ได้พบกันอีก ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือคารวะอาวุโสเทียนหมิง

 ห้าๆ พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว แม้แต่อู๋หมิงก็คงสู้เจ้าตอนนี้ไม่ได้ อาวุโสเทียนหมิงพูดออกมาราวกับล้อเล่น แต่เพียงคำพูดเดียวของอาวุโสเทียนหมิงก็ทำเอารอบข้างเงียบกันถ้วนหน้า แม้ศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงจะมีพลังวิญญาณไม่มาก แต่วิชากระบี่ไร้นามของอาวุโสเทียรหมิงไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนได้ ต่อให้มีพลังน้อยกว่า 2 หรือ 3 ระดับก็ยังมีโอกาศพลิกชนะได้ ยิ่งได้ข่าวว่าศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงก้าวเข้าระดับก่อกำเนิดพลังเซียนแล้ว ความน่ากลัวของมันก็ยิ่งเลื่องลือในหมู่ยอดฝีมือไปกันใหญ่ แล้วเหตุใดอาวุโสเทียรหมิงถึงกล้าพูดออกมาได้ว่าเด็กหนุ่มจากกลุ่มนักล่าอสูรเก่งกาจกว่าศิษย์ตนเองเสียอีก แต่ความสนใจที่พุ่งมาทางไป๋จูเหวินกลับหยุดชะงักลงครู่หนึ่งหลังจากมีร่าง 2 ร่างเดินขึ้นมาจากทางบันได

 เซียนดาบ…!! เสียงของเหล่ายอดฝีมือดูตกตะลึงมากกว่าการได้เห็นเซียนกระบี่อย่างอาวุโสเทียนหมิงเสียอีก ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเซียนดาบปรากฏตัวแต่อย่างไร เพียงแต่เสียงอื้ออึงที่ดังขึ้นนี้เกิดจาดหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเซียนดาบต่างหาก

 ไหนว่านางธาตุไฟเข้าแทรกไปแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นพร้อมร่างของเซียนดาบที่เดินเข้ามาพร้อมศิษย์ของตน มันเองก็ทำเช่นเดียวกับอาวุโสเทียนหมิงนั่นคือรับศิษย์เพียงคนเดียวและเดินทางฝึกฝนวิชาไปด้วยกัน

 เดี๋ยวสิ…ทำไมนางถึงอยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนขั้นที่ 4 ได้กัน… อยู่ๆเสียงหนึ่งก็ดึงความสนใจของเหล่ายอดฝีมือเข้าอย่างจัง ศิษย์ของเซียนดาบที่ควรธาตุไฟเข้าแทรกไปแล้วกลับมายืนอยู่ที่งานชุมนุม แถมพลังฝีมือยังเพิ่มมากว่าเดิมอีกต่างหาก หรือว่านางจะพบโชคในคราวเคราะห์กันแน่

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 115 ยอดคนยุคใหม่

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท