บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 142 เขตอสูรสวนเบยจมาศ

ตอนที่ 142 เขตอสูรสวนเบยจมาศ

ตอนที่ 142

เขตอสูรสวนเบยจมาศ

 ท่านอาวุโส 7 ไป๋จูเหวินในวันนี้เดินทางมายังหน่วย 7 ที่มันเคยเข้ามาอาศัยพักหนึ่งก่อนจะเข้าไปหาอาวุโส 7 ที่เคยเป็นหัวหน้าของมันจนถึงเมื่อวานนี้

 มีอะไร ทำไมเจ้ามาหาข้าแต่เช้าล่ะ อาวุโส 7 เปิดประตูออกมาด้วยท่าทีงัวเงีย จะว่าไปก็ไม่เห็นนางทำท่าทางง่วงๆแบบนี้มาสักพักแล้วนี่นา

 ข้าอยากจะมาขอข้อมูลของเขตอสูรกับท่าน ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ความจริงก่อนหน้านี้มันลองไปขอข้อมูลกับผู้ช่วยอาวุโสมาแล้ว แต่มันกลับไม่มีข้อมูลเขตอสูรที่ไป๋จูเหวินต้องการเสียอย่างนั้น สุดท้ายมันเลยต้องมาขอกับอาวุโส 7 ด้วยตนเอง

 เขตอสูร…. อาวุโส 7 นิ่งไปพักหนึ่งข้อมูลที่ไป๋จูเหวินต้องมาถามกับนางเองไม่ใช่ข้อมูลที่จะบอกคนอื่นได้ง่ายๆ แต่ฐานะของมันยามนี้คือศิษย์เอกของหัวหน้ากลุ่ม ทำให้มันมีอำนาจรองจากเหล่าอาวุโสเท่านั้น

 เจ้าอยากรู้เรื่องของเขตอสูรไหนล่ะ อาวุโส 7 เปลี่ยนท่าทีจากง่วงงัวเงียกลายเป็นจริงจังในทันที

 เขตอสูรสวนเบญจมาศขอรับ ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรง แต่อาวุโส 7 กลับมีท่าทีเครียดทันทีที่ได้ยินเรื่องของเขตอสูรดังกล่าว

 หัวหน้าเล่าเรื่องนั้นให้เจ้าฟังแล้วสินะ อาวุโส 7 ถอนหายใจพลางเรียกม้วนตำราเล่มหนึ่งออกมาจากมิติของนาง ที่ด้านข้างของม้วนตำราเขียนเอาไว้ว่า สวนเบญจมาศ ตามที่ไป๋จูเหวินอยากจะได้

 ข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลที่อาวุโส 7 คนก่อนรวบรวมเอาไว้ อาวุโส 7 ว่าพลางยื่นม้วนตำราให้กับไป๋จูเหวินอย่างง่ายดาย

 แต่ทั้งหัวหน้ารุ่นก่อนและเหล่าอาวุโสรุ่นก่อนต่างก็อ่านและทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข้าไปยังเขตอสูรป่าเบญจมาศ แต่ผลก็อย่างที่เข้าได้รู้มา พวกท่านไม่มีใครกลับออกมาได้เลย ได้ยินอาวุโส 7 พูดเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ยิ้มออกมา

 ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองม้วนตำราในมือมัน

 นั่นสิ สำหรับเจ้าแล้วบางทีคงจะไม่เป็นไร อาวุโส 7 ถอนหายใจพลางมองไป๋จูเหวินที่ขอตัวกลับออกไป แต่ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะออกไปจากอาคารของหน่วย 7 มันก็แวะไปที่ห้องเก่าของมันครู่หนึ่ง แต่ก็น่าเสียดายที่พี่ต้าชิงและต้าเฉินยังไม่กลับมาจากภารกิจอีกเช่นเคย แม้จะทราบว่าภารกิจสำรวจของหน่วย 7 เป็นภารกิจที่ใช้เวลานาน แต่ไป๋จูเหวินเดินทางไปโน่นมานี่มาหลายเดือน แต่ต้าชิงกับต้าเฉินยังไม่กลับมาเลย

แม้จะสงสัยแต่ไป๋จูเหวินก็ทำอะไรไม่ได้ ยามนี้ไป๋จูเหวินได้แต่รอพวกมันกลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น ทำให้ไป๋จูเหวินเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะเปิดตำราอ่านอย่างตั้งใจ

เขตอสูร สวนเบญจมาศ นั้นซ่อนอยู่กลางป่าทึบทางเหนือของเมืองหลวง หากถามว่ามันเป็นสถานที่แบบใดก็บอกได้ว่ามันคือสวนเบญจมาศตามชื่อ เขตอสูรแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยป่าและภูเขา โดยตรงหลางระหว่างภูเขา 5 ลูกมีทุ่งดอกเบญจมาศกว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ โดยในเขตอสูรแห่งนี้อสูรส่วนใหญ่เป็นอสูรประเภทแมลง ไม่ว่าจะผึ้ง ผีเสื้อ ด้วง ตั๊กแตน ซึ่งพวกมันต่างอยู่ในระดับ หลอมรวมวิญญาณ( ระดับทอง ) เสียส่วนใหญ่

 …. หลังจากอ่านข้อมูลของเขตอสูรป่าเบญจมาศแล้ว ไป๋จูเหวินก็เริ่มสับสนอย่างมาก ไม่ว่าจะอ่านเช่นไรไป๋จูเหวินก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าเขตอสูรแห่งนี้จัดการกับกลุ่มระดับเทียนเซียนของหัวหน้ารุ่นก่อนได้อย่างไร

ไป๋จูเหวินอ่านข้อมูลของเขตอสูรสวนเบญจมาศจนจบเล่มก็ยังหาความน่ากลัวของเขตอสูรแห่งนี้ไม่เจอ ได้แต่คิดว่าจะลองไปสำรวจเองดีหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรตำแหน่งศิษย์เอกของหัวหน้ากลุ่มก็มีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ไป๋จูเหวินอดที่จะอยากลองไปสำรวจดูไม่ได้

ไป๋จูเหวินไม่ได้บอกหวงหลง เพราะทราบดีว่าหากบอกมันก็ไม่ให้ไปอยู่แล้ว ตัวมันทำเพียงเรียกหลินหลินและหงเยว่เพื่นออกเดินทางเท่านั้น

 พี่ไป๋ สวยจังเลย หลินหลินว่าพลางยืดตัวให้ตัวเองสูงขึ้น ภาพเขตอสูรสวนเบญจมาศที่มองจากภูเขาด้านนอกนั้นช่างสวยงามยิ่งนัก เหล่าดอกเบญจมาศบานเรียงรายกันทั่วเนินเขาราวกับมีใครจงใจปลูกเอาไว้จนเป็นแถวเป็นแนวได้รูป ยิ่งเห็นอสูรแมลงบินไปบินมาก็ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนโลกแสนสดใสของเหล่าภูติก็ไม่ปาน

 นี่นะเหรอที่ๆพวกหัวหน้ารุ่นก่อนมาเสียท่า หงเยว่ขมวดคิ้ว นางเคยทราบเรื่องของพวกหัวหน้ามาบ้าง แต่นางก็ไม่เคยรู้เรื่องของเขตอสูรที่พวกหัวหน้าไป ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพื้นที่ที่สวยงามเช่นนี้

 ลองเข้าไปกันเถอะ ไป๋จูเหวินว่าพลางลงจากหลังของหลินหลินพลางเดินออกไปอย่างช้าๆ

 ……. ไป๋จูเหวินเดินเข้ามาได้ครู่เดียวก็พบกองกระดูกจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ว่าจะดูเช่นไรก็เป็นกระดูกของมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ดูจากการแต่งตัวแล้วกระดูกเหล่านี้ต่างเป็นกระดูกของชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น หากเป็นกระดูกของกลุ่มนักล่าอสูรจริงมันควรจะสวมเครื่องแบบถึงจะถูก

พรึบๆ…พรึบๆ… ทันทีที่ล่วงล้ำเข้ามาในเขตของสวนเบญจมาศเหล่าอสูรแมลงขนาดเล็กต่างก็พากันมาห้อมล้อมไป๋จูเหวินทันที ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อ ผึ้ง หรือ แมลงเต่าทองที่มีขนาดท่าฝ่ามือ พวกมันบินตามไป๋จูเหวินราวกับไป๋จูเหวินเป็นดอกไม้แสนงามที่มีน้ำหวานให้พวกมันคอยดูดกินก็ไม่ปาน

เพียงแต่ไม่ว่าจะเดินลึกเข้าไปในเขตอสูรเท่าไหร่ ไป๋จูเหวินก็ไม่เห็นอสูรระดับสูงเลยแม้แต่ตัวเดียว เหล่าอสูรที่บินตามไป๋จูเหวินส่วนใหญ่เป็นอสูรรดับทองแดงหรือเงินเท่านั้น แถมตลอดทางยังมีแต่กระดูกของมนุษย์และสัตว์ป่าเต็มไปหมดอีกต่างหาก ทำเอาภาพความสวยงามก่อนหน้านี้หม่นหมองไปไม่น้อย

 เจ้ามาทำอะไรที่นี่ อสูรผีเสื้อตนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว ร่างของมันมีขนาดครึ่งหนึ่งของมนุษย์ปกติ ดวงตาของมันเป็นสีแดงสดราวกับทับทิมและปีกสีแดงทั้งผืน ทำเอามันดูงดงามไม่น้อย

 ข้ามาเที่ยวชมไม่ได้หรือ ไป๋จูเหวินถามพลางยิ้มรับ ในที่สุดก็มีอสูรที่พูดภาษามนุษย์ได้เสียที

 เจ้ารู้หรือไม่นี่มันสถานที่เช่นไร เจ้าควรรีบออกไปก่อนที่จะโดนฆ่า อสูรปีเสื้อว่าพลางกระพือปีกแรงๆจนลมพัดใส่ใบหน้าของไป๋จูเหวิน

 ข้าทราบ ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ ตัวมันเกิดมาในเขตอสูรมีหรือจะไม่เข้าใจว่าเขตอสูรเป็นเช่นไร

 ถ้ารู้แล้วก็รีบไปเถอะ หากนางตื่นแล้วนางต้องกินเจ้าแน่ๆ อสูรผีเสื้อยังคงพยายามไล่ไป๋จูเหวินออกไป

 จริสิ เจ้าเคยเห็นมนุษย์ที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับข้าหรือเปล่า ไป๋จูเหวินถามพลางเดินลึกเข้าไปในสวนมากขึ้น เพราะมันเป็นสวนดอกไม้ทำให้ไป๋จูเหวินสามารถมองเห็นรอบข้างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อเดินเข้ามาในระยะหนึ่งแล้วไป๋จูเหวินก็ทราบแล้ววว่าเหล่าอสูรส่วนใหญ่นั้นอยู่ใต้ดินไม่ได้อยู่บนสวยด้านบน ทำให้หน่วยสำรวจพลาดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเหล่าอสูรในเขตอสูรสวนเบญจมาศไปอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ใต้ดินนั้นมีอสุรระดับสูงจำนวนมากทีเดียว และพลังที่สูงที่สุดก็เป็นระดับมายาขั้นต้นเลยทีเดียว เพียงแต่ระดับมายาขั้นต้นก็ยังไม่ใช่ระดับที่จะจัดการหัวหน้าของกลุ่มนักล่าอสูรรุ่นก่อนได้อยู่ดี

 ชุดแบบเจ้า….จำได้สิครั้งนั้นเป็นศึกใหญ่มากกว่าท่านราชินีจะปราบพวกมันได้ก็ใช้เวลานานมาก เจ้าเป็นสหายของพวกมันงั้นเหรอ รีบออกไปเถอะ อสูรผีเสื้อว่าพลางพยายามบินตามไป๋จูเหวินที่ไม่มีท่าทีจะถอยเลย

 เจ้าเห็นสินะ ว่าแต่พวกเข้าอยู่ที่ไหนล่ะ ไป๋จูเหวินถาม

 พวกมันโดนท่านราชินีสังหารไปหมดแล้ว ท่านราชินีเลยเอาร่างของพวกมันไปกินที่รังของท่าน ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ไม่แปลกใจเสียเท่าไหร่

 เช่นนั้นข้าขอพบราชินีของเจ้าได้หรือไม่ ไป๋จูเหวินถามเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่พบทางลงไปยังชั้นใต้ดินเลย

 ไม่ได้ เจ้าจะบ้าหรืออย่างไร อสูรผีเสื้อยังคงไม่ยอม เพียงแต่นางคงไล่ไป๋จูเหวินกลับไปไม่ทันเสียแล้วเพราะอสูรที่อยู่ใต้ดินต่างเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

คลืนนนนนน…แผ่นดินใต้เท้าของไป๋จูเหวินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พร้อมร่างของตะขาบยักษ์ที่มีขานับร้อยปรากฏขึ้นมาจากพื้นดิน มันคืออสูรราชินีของเขตอสูรสวนเบญจมาศแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ขลึกๆๆๆ ร่างของอสูรตะขาบเลื้อยมาอยู่ตรงหน้าไป๋จูเหวินด้วยท่าทีน่าขนลุก ตัวของมันแต่ละปล้องใหญ่กว่าตัวไป๋จูเหวินเสียอีก นับเป็นตะขาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ไป๋จูเหวินเคยเห็นมาก็ว่าได้

 คุณชาย เสียงหวานหยดย้อยไม่สมกับรูปร่างของตะขาบดังออกมาจากร่างของตะขาบที่ค่อยๆเลื้อยไปรอบๆร่างของไป๋จูเหวิน ไม่นานร่างของมันก็โอบล้อมร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ก่อนที่นางจะยกส่วนหัวขึ้นจนดูเหมือนงูที่กำลังกกไข่ขงมัน

 ท่านช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก อสูรตะขาบว่าพลางจ้องมองร่างของไป๋จูเหวินด้วยท่าทีหลงไหลอย่างที่นางว่า

 ……. อสุรผีเสื้อที่พยายามไล่ไป๋จูเหวินไปก่อนหน้านี้แทบจะพูดอะไรไม่ออก มันไม่คิดเลยว่าราชินีจะพุดคุยก่อนเช่นนี้ ปกตินางเข้ามาก็โจมตีและกินเลยนี่นา

 คุณชาย ข้าตกหลุมรักท่าน ท่านมาเป็นของข้าเถอะ แม้อสูรตะขาบจะไม่ได้โจมตีไป๋จูเหวินตามที่มันคิด แต่อยู่ๆนางก็รัดร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ ก่อนจะลากร่างของไป๋จูเหวินลงดินไปอย่างรวดเร็ว

 พี่ไป๋!! หลินหลินตะโกนลั่นด้วยความตกใจ นางรีบขุดดินตามไปทันที แต่ความเร็วของนางกลับเทียบเท่าอสูรตะขาบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 หลินหลิน เจ้าใช้พลังอสูรขุดเถอะ หงเยว่ว่าพลางมองหลุมดินที่หลินหลินขุด นางเป็นอสูรธาตุทองย่อมสามารถใช้พลังอสูรควบคุมดินได้บ้าง

 จริงด้วย หลินหลินว่าพลางเริ่มใช้พลังอสูรเจาะรูให้นางกับหงเยว่เดินทางลงไปยังใต้ดินได้

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 142 เขตอสูรสวน…

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท