ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) – บทที่ 79 ประมือกับผู้มีขั้นพลังด่านกลั่นโลหิต (1)

บทที่ 79 ประมือกับผู้มีขั้นพลังด่านกลั่นโลหิต (1)

บทที่ 79 ประมือกับผู้มีขั้นพลังด่านกลั่นโลหิต (1)

บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงัด

ทั้งซูเฉินและหลีต่างไม่มีผู้ใดปริปากเอ่ยคำใดออกมา ทำเพียงจ้องมองอีกฝ่ายเท่านั้น ในแววตาของคนทั้งคู่มีรอยกระหายการต่อสู้ฉายชัดขึ้น

จากนั้นครู่หนึ่ง หลีก็หัวเราะเสียงแหบพร่าออกมา  ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือก ถึงการสังหารเจ้าจะทำให้แผนการขององค์กรล้มเหลว ทว่าข้าก็ไร้ทางเลือกอื่น โชคยังดีที่อีกครึ่งปีเนินกลบวิญญาณก็จะเปิดออก หากเราเก็บข่าวเรื่องการตายของเจ้าไว้ได้ ปล่อยข่าวว่าเจ้าเข้าหุบเขาสีเลือดไปอีกครา พวกข้าอาจจะพอถ่วงเวลาจนถึงตอนนั้นได้ 

ซูเฉินตอบพร้อมหัวเราะออกมาเสียงเบา  บางทีทางองค์กรของท่านอาจไม่จำเป็นถ่วงเวลาอันใด…… เพราะหากท่านตายเสียที่นี่ ก็จะไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น 

หลีจะงักไป  ข้าประหลาดใจกับความมั่นใจของเจ้านัก เจ้าก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เพิ่งทะลวงเข้าสู่ด่านก่อเกิดลมปราณ เหตุใดจึงมั่นใจว่าจะต่อกรกับผู้มีขั้นพลังด่านกลั่นโลหิตได้? ความแตกต่างของขั้นพลัง ต่อให้เอากังเหยียนมาทดแทนก็ยังไม่อาจเทียบได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีกลใดซ่อนอยู่ ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าเจ้าได้ตัดสินใจทำเรื่องโง่เง่าลงไป 

พูดจบก็ดึงไม้เท้าอสรพิษไม้ดำออกมา ชี้หัวอรพิษไปทางซูเฉินแล้วพูดเสียงเยาะ  จงรับผลที่เป็นเหตุมากความประมาทและความเขลาของตนเองเสียเถอะ 

กล่าวจบ ปากอสรพิษดำก็อ้าออก พ่นหมอกสีเหลืองเข้มออกมา

แท้จริงแล้วไม่ได้มีหมอกออกมาจริง ทว่ามันเป็นที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังงานต้นกำเนิด เป็นการแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ทักษะพลังต้นกำเนิด วิชานี้ชื่อว่ากาฬโรคดำเหลือง มีผลหลักอยู่สองอย่าง หนึ่งคือกาฬโรคดำ คล้ายคลึงกับโรคระบาดยิ่ง สามารถทำให้อภัยวะภายในบาดเจ็บ เลือดออกไม่หยุด จนค่อย ๆ ตายลงด้วยความทรมาน สองคือกาฬโรคเหลือง มีผลทำให้ร่างกายอ่อนแรง ลดพลังป้องกันจากการโจมตีวิญญาณและการโจมตีอื่น ๆ

สำหรับหลี วิชากาฬโรคดำเหลืองนี้ไม่ใช่เพียงวิชาโจมตีศัตรู แต่เป็นทักษะพลังต้นกำเนิดที่สามารถทำให้เขาได้แสดงฝีมือจนถึงขีดสุด ดังนั้นยามต่อสู้ วิชานี้จะเป็นวิชาแรกที่เขาใช้เสมอ

หมอกสีเหลืองจางค่อย ๆ เลือนหายไปภายในห้องลับ เสียงหัวเราะของหลีดังสะท้อนก้องราวกับเสียงของปีศาจ

ซูเฉินทำเพียงยิ้มน้อย ๆ  วิชากาฬโรคดำเหลืองหรือ? ข้ารู้จักวิชานี้ ทว่าวิชานี้ไม่มีผลกับข้า 

ทันใดนั้นเอง หมอกสีฟ้าก็เริ่มแพร่กระจายเข้ามาในห้องลับจนทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยควันหมอก ยามเมื่อมันกระจายมาแตะถูกหมอกเหลืองของหลีเข้า หมอกสีฟ้าก็ละลายและสลายหายไปราวกับเกล็ดหิมะร่วงลงพื้น

หลีตกตะลึงไป  เป็นไปได้อย่างไร? 

 เป็นไปได้สิท่านหลี ในเมื่อข้ารู้ว่าจะต้องประมือกับท่าน ก็จำต้องเข้าใจวิชาของท่านก่อน  ซูเฉินตอบ ระหว่างที่เขากับเยี่ยเม่ยเดินทางลงเขามาด้วยกัน ซูเฉินใช้โอกาสนั้นสอบถามเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับท่านหลีผู้นี้มาเรียบร้อยแล้ว  ในเมื่อท่านลงมือแล้ว ถึงทีข้าลงมือบ้าง 

พูดจบเด็กหนุ่มก็ยกแขนขึ้น หนวดอากาศนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ มันเลื้อยไหลไปยังทิศทางที่หลียืนอยู่ ก่อนจะพุ่งตัวไปหมายจะรัดร่างของหลีไว้ในทันที

ในตอนที่กำลังคุยกันเมื่อครู่นั้น ซูเฉินไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาพูดไปภายในก็แอบสร้างหนวดอากาศไว้นับไม่ถ้วน และเมื่อครู่เขาก็สั่งให้พวกมันโจมตีเข้าไปพร้อมกัน หนวดอากาศทั้งหมดพุ่งเข้าใส่หลีพร้อมกับเสียงตัดผ่านอากาศหวีดหวิว

หลีอดตกตะลึงไม่ได้ เขาไม่คิดว่าซูเฉินจะมีวิชาเช่นนี้ ดังนั้นจึงผิวปากเสียงเบา ไม้เท้าอสรพิษไม้ดำในมือก็เริ่มสั่น เกราะแสงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า ป้องกันการโจมตีทั้งหมดจากหนวดอากาศไว้

ในเวลาเดียวกันนั้น กังเหยียนก็พุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมกับเสียงหวีดหวิวตัดผ่านอากาศ บนร่างสวมเกราะหลอมทองอยู่ ตั้งท่าพุ่งเข้าใส่ราวกับเป็นอสูรร้ายในร่างมนุษย์ กระแทกเข้ากับเกราะแสงสีขาว เกราะแสงเริ่มสั่นไหวด้วยแรงกระแทกมหาศาล ทว่าก็ยังไม่อาจทำลายมันลงได้

หลีหัวเราะเสียงเย็น กำลังจะอ้าปากกล่าวบางอย่างขึ้นทว่าภาพที่เห็นพลันทำให้เปลี่ยนสีหน้า ทันใดนั้นเอง ร่างของเขาก็สลายกลายเป็นทรายสีเหลืองจากนั้นปลิวไปในอากาศ

ในตอนที่เม็ดทรายกำลังกระจายไปนั้นเอง กรามขนาดยักษ์คู่หนึ่งก็ฟาดลงบนพื้นด้วยความเร็วดั่งปีศาจ หากแต่ฟาดได้เพียงฝุ่นบนพื้นเท่านั้น

เป็นเจ้าแมลงกินเหล็กนั่นเอง

การโจมตีอันรุนแรงนี้เป็นสิ่งที่คำนวณไว้แล้ว ซูเฉินได้วางกับดักไว้ในห้องลับแห่งนี้นานแล้ว โชคไม่ดีที่หลีสามารถจับสัมผัสได้ก่อน สลายร่างกลายเป็นทรายหนีไปได้ทัน การลอบโจมตีจึงล้มเหลว

กลุ่มเม็ดทรายก่อรูปร่างขึ้นมาเป็นหลีอีกครั้ง

การโจมตีเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นภายในพริบตา ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บทว่าก็ทำให้ตกใจไม่ใช่น้อย

 มีแมลงเลี้ยงด้วยหรือ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์!  ใบหน้าท่านหลีพลันมีร่องรอยสีม่วงปรากฏ  แต่เท่านี้ยังไม่พอ! จงทำตามข้าสั่ง! 

พูดจบ เขาก็ชี้ไม้เท้าไปยังเจ้าแมลงกินเหล็ก เจ้าด้วงที่กำลังตั้งท่าพุ่งเข้าใส่ตามคำสั่งของกังเหยียนพลันหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ว่ากังเหยียนจะหลอกล่อมันอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

ซูเฉินเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นวิชาภาพลวงของท่านหลี

วิชามายาของเขาเหมาะกับการสร้างภาพลวงและสร้างความสับสนยิ่งนัก การใช้วิชามายาต่อกรกับสิ่งมีชีวิตสติปัญญาต่ำอย่างเจ้าแมลงกินเหล็กนั้นง่ายดายมาก ดังนั้นเพียงใช้พลังครั้งเดียว ความสามารถในการต่อสู้ที่เจ้าแมลงกินเหล็กเคยมีก็พลันไร้ประโยชน์ในทันใด

แน่นอนว่าไม่มีวิชาใดไร้จุดด่างพร้อย กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างเจ้าแมลงกินเหล็กยังไม่สามารถต่อกรกับท่านหลีได้

ยังดีที่วิชามายาของเขายังไม่ถึงขั้นที่สามารถหลอกฟ้าดินและจิตใจได้ มิเช่นนั้นเขาอาจใช้วิชามายาเพื่อทำให้เจ้าแมลงกินเหล็กแปรพักตร์เข้ากับฝ่ายตนและใช้มันในการต่อสู้ได้

พริบตาต่อมา เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายก็ดังขึ้น  เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มีสัตว์เลี้ยงงั้นหรือ? ไม้เท้าอสรพิษไม้ดำ สังหารมันเสีย! 

เขาโยนไม้เท้าอสรพิษไม้ดำขึ้นไปในอากาศ ตัวไม้เท้ากลายร่างเป็นอสรพิษ เลื้อยข้ามเกราะแสงพุ่งเข้าใส่ซูเฉิน

ซูเฉินตวัดมีดหมาป่ากลืนจันทร์ ก่อนที่วิญญาณหมาป่าจะปรากฏขึ้น พุ่งเข้าไปกัดกลางลำตัวของอสรพิษดำ

ตอนนี้ผลลัพธ์ในการต่อสู้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือต้นกำเนิดที่แตกต่างกันสองชิ้น ถึงมีดหมาป่ากลืนจันทร์จะเป็นของดี แต่ก็ยังมีคุณภาพด้อยกว่าไม้เท้าอสรพิษไม้ดำซึ่งเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 8 เจ้างูดำรัดร่างวิญญาณหมาป่าเอาไว้แน่นจากนั้นก็บิดตัว วิญญาณหมาป่าไม่อาจทนไหว สลายร่างกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

วิญญาณหมาป่าไร้ร่างเนื้อ สามารถกลับมารวมร่างวิญญาณใหม่ได้เมื่อสลายเป็นผุยผง ทว่าพละกำลังจะลดลงกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสรพิษดำ จึงไม่อาจหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีจนร่างวิญญาณสลายครั้งแล้วครั้งเล่าได้

หากร่างสลายหลายครั้งเข้า วิญญาณหมาป่าจะสลายหายไป ไม่อาจฟื้นคืนได้อีก

ซูเฉินรู้ในทันทีว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เขาแบมือซ้ายออก ทันใดนั้นยันต์พลังต้นกำเนิดปรากฏขึ้นในมือ

ยันต์พลังต้นกำเนิดลุกไหม้ในทันที หลังจากเสียงระเบิด ‘ตูม’ ลูกไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งใส่เจ้างูดำ แรงโจมตีไม่น้อยส่งร่างเจ้าอสรพิษกระเด็นไปไกล

ในเวลาเดียวกันนั้น กังเหยียนก็หยิบมีดขึ้นมา

เป็นมีดสั้นริ้วดำ!

ซูเฉินมอบมีดที่สูบพลังในร่างไปมากที่สุดให้กังเหยียน มีเพียงกังเหยียนที่มีพละกำลังล้นเหลือที่จะสามารถดึงเอาพลังที่แท้จริงของมีดสั้นริ้วดำออกมาได้

 ฮ่าห์!  กังเหยียนร้องขึ้น มีดสั้นริ้วดำฟันเข้าที่เกราะแสง เกราะแสงถูกทำลายลงในที่สุด

หนวดอากาศนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา พร้อมกับมีดสีเลือดที่โจมตีเข้าใส่ท่านหลี

ในที่สุดเขาก็ไม่อาจหลบพ้น ในตอนที่คมมีดและหนวดอากาศกำลังพุ่งเข้ามานั้นเอง ร่างของอีกฝ่ายสองสว่างขึ้น เกราะพลังต้นกำเนิดป้องกันการโจมตีทั้งสองเอาไว้ได้

ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดส่วนมากมักมีวิชาเกราะหนึ่งหรือสองวิชาติดตัว เป็นกลยุทธ์ที่พึงมีเพื่อใช้ป้องกันตนเองยามต่อสู้

แน่นอนว่าเกราะพลังต้นกำเนิดของหลีนั้นไม่ได้อ่อนแอ สามารถป้องกันทั้งการโจมตีของมีดสั้นริ้วดำและหนวดอากาศได้

ในตอนนั้นเอง หลีก็จ้องไปยังกังเหยียนและซูเฉิน พริบตาต่อมา กังเหยียนก็ทำท่าราวกับได้เห็นภาพน่ากลัว กรีดร้องเสียงดังลั่นขึ้นและรีบวิ่งถอยออกมา

ภาพมายาของคนผู้นี้แข็งแกร่งนัก ทุกครั้งที่ลงมือจะทำให้คู่ต่อสู้สูญเสียการเคลื่อนไหวไป

ทว่าวิชาภาพลวงใช้กับซูเฉินไม่ได้ผล เมื่อตอนที่หลีใช้วิชาภาพลวง เขาก็เปิดใช้งานประคำ เมื่อลูกประคำจะส่องสว่างขึ้น ภาพมายาของหลีจึงไม่เกิดผล

 ประคำเห็นกระจ่าง!  หลีกัดฟันตะโกนออกมา

ประคำเห็นกระจ่างสามารถป้องกันภาพมายาลวงวิญญาณได้ ทว่าก็เป็นของที่มีราคาสูง ใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้ง เจ้าหมอนี่จ่ายหนักนัก ซื้อประคำนี่มาเพื่อต่อกรกับเขาโดยเฉพาะ

เมื่อสามารถสกัดวิชาภาพลวงของหลีได้ ซูเฉินจึงแทงมีดเข้าใส่คู่ต่อสู้ตรงหน้า

 เตรียมการมาแค่นี้หมายจะสังหารข้างั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! 

ในตอนที่หลีคำรามออกมานั้นเอง เกราะที่ปกป้องร่างอยู่ก็พลันระเบิดออก ปล่อยคลื่นพลังต้นกำเนิดระลอกใหญ่ออกมา หนวดอากาศที่รายล้อมตัวเขาอยู่พลันถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ

หลีย่างสามขุมเข้ามา  ข้ายอมรับว่าเจ้าก็มีลูกไม้อยู่บ้าง แต่เจ้ามาได้เท่านี้ล่ะ จงทุกข์ทรมานไปกับความมืดมิดนิรันดร์นี่เสีย! 

ความมืดมิดสีดำเริ่มกัดกินพื้นที่ภายในห้องทำให้ไม่อาจเห็นสิ่งใดได้

จากนั้นเสียงหวีดหวิวแปลก ๆ ก็ดังอยู่ภายในห้องลับ ดูท่าจะมาจากทั่วทิศทางในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางคลื่นเสียงประหลาด ได้ยินเสียงราวกับมีบางสิ่งกำลังเคี้ยวบางอยางไม่หยุด

ผัวะ!

มีบางอย่างงับขาของซูเฉินไว้

ที่น่าตกใจคือซูเฉินไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย

 

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

Status: Ongoing

ซูเฉินเคราะห์ร้ายสูญเสียการมองเห็นจากการเผชิญหน้ากับชายแก่ลึกลับ จากเด็กหนุ่มที่เคยยืนอยู่จุดสูงสุดในตระกูลกลับร่วงลงมาสู่ก้นเหวแห่งความมืดมิด แม้จะทุกข์ทรมานกับโลกอันดำมืด แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย ซูเฉินยังคงมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคต่อไป เพื่อลิขิตโชคชะตาของตัวเองและเผ่ามนุษย์ขึ้นเสียใหม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท