ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) – บทที่ 122 ข้ามเขต (6)

บทที่ 122 ข้ามเขต (6)

บทที่ 122 ข้ามเขต (6)

ในชั่วพริบตาต่อมาชายในชุดคลุมสีดำก็เริ่มส่งเสียงร้อง และปล่อยกระแสความเย็นออกมาอีกครั้ง

บรรยากาศเยือกแข็งถูกใช้ออกและหมุนตรงไปยังซูเฉินโดยไม่ชะลอตัวเลยแม้แต่น้อย

ในตอนนี้ ข้อเสียที่ซูเฉินขาดทักษะการโจมตีที่ทรงพลังได้ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์แล้ว

ลูกไฟหรือฝ่ามือดอกไม้บินไม่ใช่ทักษะการโจมตีที่ทรงพลัง ไม่ต้องพูดถึงดาบอัสนีบาตหรือวิชาหนวดอากาศที่ไม่นับเป็นทักษะการโจมตีที่รุนแรงเลยแม้แต่น้อย กลวิธีเกือบทั้งหมดของซูเฉินล้วนเป็นเพียงเทคนิคการต่อสู้ที่พบเห็นได้ทั่วไป สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะซูเฉินอาศัยอยู่ในเทือกเขาสีเลือดเป็นเวลานาน และมีเป้าหมายหลักเป็นการตามล่าสัตว์อสูร

ความสำเร็จอาจไม่ได้ถูกกำหนดในคราวเดียว ประสิทธิผลในระยะยาวสิ่งสำคัญคือที่จะต้องใส่ใจอย่างยิ่ง ดังนั้นซูเฉินจึงมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ และอาศัยมีดสั้นริ้วดำกับลายสลักเลือดปกปิดข้อเสียที่เขาขาดทักษะการโจมตีที่ทรงพลังไป แน่นอนว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุด คือทักษะต้นกำเนิดประเภทนี้ล้วนมีค่าและเป็นของหายาก แม้ว่าซูเฉินต้องการมัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับมา

แต่เมื่อต้องต่อสู้กับมนุษย์คนอื่น สถานการณ์มันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้ การจะมานั่งพิจารณาถึงการต่อสู้ที่ยืดเยื้อก็คงจะเป็นไปได้ยากแล้ว

เหล่าคนที่ถูกเขาจัดการไปก่อนหน้านี้ล้วนค่อนข้างอ่อนแอและไม่อาจทำให้ซูเฉินต้องเปิดเผยจุดอ่อนในระหว่างการต่อสู้ได้ แต่เมื่อได้พบกับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ ข้อบกพร่องของการขาดทักษะการโจมตีที่ทรงพลังของซูเฉินก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน เขาจึงทำได้เพียงต่อสู้ด้วยสภาพที่เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น

ซูเฉินใช้ออกก้าวย่างหมอกอสรพิษและเปิดใช้งานผู้พิทักษ์แห่งเม็กอีกครั้ง

ชายชุดดำไม่ได้ใช้กลยุทธ์อื่นใด บรรยากาศเยือกแข็งอันทรงพลังกระจายออกไปทั่ว ความสามารถในการแช่แข็งอันน่าสยดสยองแผ่ออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า ต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียงที่มันพัดผ่านไป ทั้งหมดต่างถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งสีเงินและมีน้ำค้างแข็งสีขาวเกาะขึ้นเป็นชั้น ๆ

กระแสปราณเย็นเฉียบจำนวนมากได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของซูเฉิน พลันทำให้เขารู้สึกชาไปทั่วร่างกายชั่วขณะ ทั้งยังทำให้ความเร็วของเขาช้าลงด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเร็วที่ลดลงนี้ทำให้ซูเฉินหลบหลีกได้ยากลำบากยิ่งขึ้น อากาศเย็นเยียบไหลเข้าไปในร่างกายของเขามากยิ่งขึ้นและก่อตัวเป็นวงจรอุบาทว์ บังคับให้ซูเฉินจำต้องใช้ออกผู้พิทักษ์แห่งเม็กเพื่อปกป้องตัวเองอีกซ้ำ ๆ แต่ก็ยังยากที่เขาจะทานทนอยู่ดี

เห็นได้ชัดว่าชายชุดดำก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  ดูเหมือนว่าเจ้าจะถึงขีดจำกัดเสียแล้วนะ ตายไปให้ข้าซะเถอะ! 

ในขณะที่ชายชุดดำส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง เขาก็กระตุ้นกระแสความเย็นในร่างกายของเขา

แต่ในความเป็นจริงแล้วชายชุดดำกำลังร่ำร้องสาปแช่งอยู่ในใจ ทำไมไอ้หมอนี้ถึงมีความอดทนมากขนาดนี้กัน?

หลังจากการต่อสู้ต่อสู้ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเอาชนะซูเฉินลงได้ ทว่าบรรยากาศเยือกแข็งที่สะสมไว้ก็ได้ถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว กล่าวอีกนัยคือการต่อสู้ครั้งถัดไปเขาจะเสียเปรียบศัตรูของตนอย่างมาก

หากชายชุดดำรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาแข็งแกร่งและมีความอดทนจนทำให้เขาต้องจ่ายออกไม่มากมายเช่นนี้ เขาก็คงจะตกลงที่ไม่ต่อสู้ตั้งแต่แรกไปแล้ว

แม้ชายชุดดำจะกำลังรู้สึกเสียใจอยู่ก็ตาม แต่การโจมตีของเขากลับรุนแรงและดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเขาหวังที่จะโค่นซูเฉินลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อประหยัดพลังงานให้มากที่สุดและรับเอาคะแนนของซูเฉินไป

เมื่อซูเฉินเห็นเช่นนั้น หัวใจของเขาก็พลันเดือดดาล  เจ้าร้องขอมันเองนะ 

ใช่ ซูเฉินไม่มีทักษะการโจมตีระเบิดพลัง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีวิธีการอื่น อันที่จริงซูเฉินได้เตรียมตัวหาหนทางชดเชยข้อบกพร่องนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว

ในตอนนั้นเอง ซูเฉินพลิกมือของเขาอย่างรวดเร็วและดึงบางอย่างออกมาจากแหวนต้นกำเนิดของเขา

เหล้า 1 ไห

ชายชุดดำก็ตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะเริ่มหัวเราะเสียงดัง หลังจากเห็นอีกฝ่ายหยิบไหเหล้าออกมา  เหล้า 1 ไห? เจ้าจะทำอะไร? จะสู้กับข้าด้วยวิชาหมัดเมาหรือไง? 

โลกนี้ก็มีวิชาหมัดเมาเช่นกัน แต่ระดับของพวกมันไม่ได้สูงมากนัก มันถูกมองว่าเป็นเพียงทักษะวิชาท้องถิ่นและเหมาะสำหรับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ด่านด่านก่อเกิดลมปราณเท่านั้น

 ไม่ ของนี่ให้เจ้า  ซูเฉินหมุนจุกปิดไหเบา ๆ จากนั้นก็โยนไหไปหาชายชุดดำ

 ไปให้พ้น!  ชายชุดดำฟาดแขนออกไปจนเกิดลมกระโชกแรงพัดเข้าหาตัวไห

แต่ในทันทีที่แขนของชายชุดดำกระแทกเข้ากับไหเหล้า มันก็ระเบิดออก

เปลวไฟที่รุนแรงกลายเป็นคลื่นการโจมตีกระจายกวาดออกไปรอบด้าน ปะทะเข้ากับบรรยากาศเยือกแข็งของชายชุดดำ ผสมผสานกันและก่อให้เกิดประกายไฟสว่างจ้า

ครั้งนี้บรรยากาศเยือกแข็งไม่สามารถฝ่าคลื่นเปลวไฟไปได้ 2 พลังที่รุนแรงระเบิดออกในเวลาเดียวกัน การปะทะเหลือทิ้งไว้เพียงผืนดินไหม้เกรียมและเยือกแข็ง มันดูหลากหลายและมีสีสันอย่างมาก

 อ้าก!  ชายชุดดำกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

ความเร็วของเขาไม่ได้เร็วเท่าซูเฉิน ชายชุดดำจึงถูกลูกหลงที่เหลือจากแรงระเบิดส่งกระเด็นไป

ซูเฉินต้องการใช้ประโยชน์จากการบาดเจ็บของอีกฝ่ายส่งอีกฝ่ายออกไปจากการสอบ ลูกไฟขนาดใหญ่ถูกปาเข้าใส่ชายชุดดำ ทำให้เขากระเด็นออกไปไกลและกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรงก่อนจะร่วงลงมากองกับพื้น

เสื้อคลุมสีดำที่ปกปิดใบหน้าของเขาร่วงหล่นลงมา เผยให้เห็นใบหน้าเยาวัยที่ดูน่าเกลียดและมีผื่นแดงขึ้นอยู่ทั่ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาใช้จะเสื้อคลุมปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้

 ไม่!  เด็กหนุ่มชุดดำตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่พยายามเอาผ้ากลับมาปิดใบหน้าอีกครั้งพลางถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ความเย่อหยิ่งของเขาก่อนหน้านี้หายเกลี้ยงไปหมดแล้วงั้นหรือ?

ซูเฉินเริ่มเข้าใจคนคนนี้ขึ้นมาแล้ว

ความอ่อนแอที่เกิดจากความอัปลักษณ์ ขาดความมั่นใจในตนเองแต่ไม่เต็มใจที่จะเป็นเพียงคนธรรมดาและพยายามฝึกฝนอย่างหนัก หลังจากพบกับช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ เขากลายเป็นคนหยิ่งผยองในความแข็งแกร่งของตน ในความเป็นจริงคนหยิ่งผยองประเภทนี้ มักเป็นพวกภาคภูมิใจในตนเองเพียงแค่ภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกด้อยค่า ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูเฉินก็หมดความรู้สึกที่ต้องการสอนบทเรียนให้แก่อีกฝ่าย

ซูเฉินถอนหายใจและเก็บเอาคะแนนของอีกฝ่ายไป ไม่ว่าในกรณีใดการต่อสู้ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ก็ยังคงต้องเก็บคือราคาที่จ่ายออกไปชดเชยกลับมาอยู่ดี

เด็กหนุ่มนั้นไม่รู้จำนวนคะแนนของอีกฝ่ายก่อนที่จะเอาไป แต่หลังจากที่เก็บเอาคะแนนของอีกฝ่ายมา ซูเฉินก็ต้องรู้สึกตกใจอย่างมาก

ซูเฉินได้รับ 13 คะแนนมาในพริบตา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือชายชุดดำผู้นี้จะวิ่งเข้ามาหาซูเฉิน เขาได้รับคะแนนไปแล้วมากกว่า 14 คะแนนซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ต้องรู้ก่อนว่าตลอดทางที่ซูเฉินผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้เก็บมาเพียง 23 คะแนนเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างมากกับที่ซูเฉินพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทุกวิถีทาง

หลังจากได้รับคะแนนของชายชุดดำ แต้มของซูเฉินก็เพิ่มขึ้นเป็น 36 หกแต้มในบัดดล แม้แต่ความผันผวนจากป้ายหยกเองก็ยังเพิ่มระดับขึ้นเพราะจำนวนของมัน

สิ่งที่ซูเฉินไม่รู้ก็คือในทันทีที่เขาเก็บเอาคะแนนของชายชุดดำไป ตัวเลขบนจอจัดอันดับก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทันที

อันดับของซูเฉินเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและเข้าสู่การจัดอันดับ 100 อันดับแรก เขาถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 98 และยังเป็นบุคคลแรกที่ไม่มีนามสายเลือดต่อท้ายชื่อ

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนอะไรมากมายนัก

รายการการจัดอันดับนั้นจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะเกิดเหตุบังเอิญขึ้นเป็นครั้งคราว ซูเฉินไม่ใช่คนแรกที่ติดอันดับ 100 อันดับแรกและก็ไม่ใช่คนสุดท้าย ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาจะอยู่ในอันดับนั้นได้นานแค่ไหน

แต่สำหรับตระกูลซู แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแห่งความรุ่งโรจน์ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกตะลึงกันแล้ว

ซูเฉิงอัน ซูเค่อจี ซูฉางชิงและผู้คนอีกจำนวนมากได้เห็นชื่อของซูเฉิน

พวกเขามองไม่เห็นการต่อสู้ของซูเฉิน ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคืออันดับของเขา ในช่วงเวลานั้นเองทั้งตระกูลต่างก็พากันผงะไป

เป็นไปได้อย่างไร?

ซูเฉินติดอันดับ 100 อันดับแรกด้วยคะแนน 36 คะแนน?

ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

ในขณะนั้นทุกคนในตระกูลซูต่างก็ตกตะลึง แม้แต่ซูฉางเช่อเองก็ยังพูดไม่ออก

เนื่องจากเขาอยู่ในสนามสอบ ซูเฉินจึงไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย

เด็กหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้เข้าไปสู่ 100 อันดับแรก หลังจากเก็บแต้มไปแล้ว หลังจากคิดว่าทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้ว ซูเฉินก็ตั้งท่าจะจากไป

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไปโดยที่ไม่คิดจะส่งตนออกจากสนาม ชายชุดดำก็ตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า  เมื่อกี้มันคืออะไรกัน? 

ซูเฉินหยุดลง  เจ้ากำลังถามถึงเหล้าไหนั่นงั้นหรือ? มันก็เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งของข้า 

ซูเฉินไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มอีกก่อนจะเดินจากไป

ขณะที่ชายชุดดำเฝ้าดูซูเฉินเดินจากไป เขาก็เอาแต่พูดพึมพำอยู่กับตัวเอง  ไม่ … ข้าไม่เชื่อ ข้ากานเออร์ลี่ผู้นี้จะแพ้ได้อย่างไร? เจ้าหน้ากากปีศาจนั้นต้องโกงแน่นอน! ใช่ มันต้องโกงแน่ ๆ ! นั่นไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ของมัน นั่นเป็นของที่มันซื้อมาจากภายนอก มันฝ่าฝืนกฎ! 

ชายชุดดำเริ่มตะโกนเสียงดัง  ข้าต้องการร้องเรียน! 

เสียงตะโกนนี้ดังไปทั่วทั้งภูเขาและป่า แน่นอนว่าซูเฉินเองก็ได้ยินเช่นกัน

เมื่อซูเฉินได้ยินมัน เขาก็ทำได้เพียงส่ายหัวและยิ้มขึ้น

สถาบันมังกรซ่อนเร้นไม่อนุญาตให้ซื้อวัตถุระเบิดจากภายนอกเข้ามา ทว่ามันไม่ได้รวมวัตถุระเบิดที่สร้างขึ้นเอง ในตอนแรกซูเฉินได้นำไหเหล้าของเขามาแสดงต่อหน้าของผู้คุมสอบ และสร้างระเบิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา มิฉะนั้นมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนำเข้ามา

ในทางกลับกันเสียงตะโกนของกานเออร์ลี่ ช่วยซูเฉินได้มากจริง ๆ

 

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

Status: Ongoing

ซูเฉินเคราะห์ร้ายสูญเสียการมองเห็นจากการเผชิญหน้ากับชายแก่ลึกลับ จากเด็กหนุ่มที่เคยยืนอยู่จุดสูงสุดในตระกูลกลับร่วงลงมาสู่ก้นเหวแห่งความมืดมิด แม้จะทุกข์ทรมานกับโลกอันดำมืด แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย ซูเฉินยังคงมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคต่อไป เพื่อลิขิตโชคชะตาของตัวเองและเผ่ามนุษย์ขึ้นเสียใหม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท