ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) – บทที่ 68 (2)

บทที่ 68 (2)

ใครจะรู้ว่าครั้งนี้อวี้ถังกลับทำให้เผยเยี่ยนผิดหวัง

ชั่วพริบตานางก็คล้ายหัวแข็งดื้อรั้น เริ่มยึดเหตุผลของตัวเองขึ้นมา  เช่นนั้นเรื่องที่พวกเจ้าสั่งอันธพาลมาลักพาตัวข้าจะจัดการอย่างไรล่ะ? หรือเมื่อครู่ที่คุณชายใหญ่สกุลหลี่พูดมาทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหก ในสายตาของฮูหยินหลี่ ทำลายความบริสุทธิ์ของคนไม่นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรอย่างนั้นรึ? 

หลี่ตวนอดทนไม่ไหวอยู่บ้าง

เอาแต่พูดเรื่องพวกนี้มีประโยชน์อันใด? แม้จะบอกว่าสตรีในสกุลทำเรื่องชั่ว คนปกติก็ไม่อาจให้สตรีไปต่อสู้คดีในศาลอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับการไปขอโทษที่สกุลอวี้อย่างที่อวี้ถังกล่าวมา สกุลอวี้เสนอคำขอเช่นนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าอยากจะสร้างความลำบากใจให้สกุลพวกเขา

ไม่สิ บางทีอาจจะอยากพูดเงื่อนไขกับเรื่องถัดไปเสียมากกว่า

หลี่ตวนนึกถึงก่อนหน้านั้นยามที่อวี้ถังพูดเช่นนี้ พวกเศรษฐีก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ไม่พอใจต่อมารดาของเขา เขาคิดว่าหากให้อวี้ถังพูดเช่นนี้ต่อไป รังแต่จะทำให้ถูกนางจูงจมูก เขาต้องคิดหาวิธีเป็นฝ่ายคุมทิศทาง ชิงนำหน้าก่อนหนึ่งก้าวจึงจะถูก

 คุณหนูอวี้  หลี่ตวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา  ให้มารดาข้าไปโขกศีรษะขอขมาที่หน้าประตูใหญ่พวกเจ้าย่อมเป็นไปไม่ได้ พวกเราดึงดันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น  พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองไปทางอวี้เหวิน  นายท่านอวี้ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากผู้ที่ทำผิดเป็นนายหญิงของท่าน ท่านจะยอมให้พวกนางออกหน้ารับโทษหรือไม่? แทนที่พวกเราจะดันทุรังในเรื่องนี้ต่อไป มิสู้ให้นายท่านสามเป็นคนกลาง หารือวิธีชดใช้ที่ทุกคนสามารถยอมรับได้ออกมา ผู้อาวุโสทุกท่าน คิดว่าข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่? 

พูดจบ เขาก็คำนับให้แก่พวกเศรษฐีชนบทที่นั่งอยู่ทุกคน

ทุกคนพากันพยักหน้า

อวี้เหวินและนายท่านเว่ยแลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งสองคนเผยท่าทีไม่เต็มใจ แต่กลับจนใจออกมา

อวี้ถังกลับไม่มีท่าทีเยือกเย็นสุขุม ฉลาดว่องไวเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว คล้ายว่าหลังจากอดทนมานาน ในที่สุดก็ควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป เผยนิสัยที่แท้จริงออกมา

นางเอ่ยเสียงดัง  ท่านพ่อ เรื่องไม่อาจให้จบไปเช่นนี้ได้ หรือหน้าตาของสกุลหลี่นับเป็นหน้าตา แต่หน้าตาของสกุลอวี้พวกเรากลับไม่ต้องรักษาหรือ? หากวันนี้ท่านไม่ตอบรับให้ฮูหยินหลี่ไปขอขมาที่สกุลพวกเราด้วยตัวเอง ข้าจะโขกศีรษะตายอยู่ที่นี่ อย่างไรผ่านวันนี้ไปเรื่องนี้ก็จะลุกลามใหญ่โตจนรู้ทั่วกัน ข้ามีชีวิตอยู่ต่อมิสู้ตายอย่างขาวสะอาด ภายหลังหลายกี่สิบปีผ่านไปจะได้ไม่ถูกผู้คนติฉินนินทา ไม่เพียงข้า แต่ยังเป็นพวกลูกหลานรุ่นหลังที่คงไม่มีหน้าเงยขึ้นมาเป็นคนเหมือนข้า 

คำพูดนี้กล่าวคล้ายเอาแต่ใจไปบ้าง

เศรษฐีไม่กี่คนพากันหันหน้ามองกัน กลับไม่มีใครออกหน้าขัดขวางแม้แต่คนเดียว

เพราะคำพูดของอวี้ถัง หากตรึกตรองอย่างละเอียดแล้ว ก็มีเหตุผลไม่น้อยเช่นกัน

นี่จะทำอย่างไรได้?

สายตาของทุกคนอดมองไปยังทางเผยเยี่ยนไม่ได้

เผยเยี่ยนเผยแววตาสงสัยมองวาบผ่านอวี้ถังไป

คุณหนูอวี้ผู้นี้เหตุใดจึงชอบทำเรื่องที่ทำให้เขาไม่เข้าใจ ดูไม่ออกอยู่ร่ำไป!

เรื่องในอดีตไม่เอ่ยถึงชั่วคราว พูดแค่เรื่องในวันนี้ก่อน เริ่มจากใช้ความเจ้าเล่ห์ไหวพริบ ครุ่นคิดทุกวิถีทาง รอบคอบทุกย่างก้าว โจมตีหลี่ตวนจนรับมือไม่ทัน พอความได้เปรียบอยู่ตรงหน้า จู่ๆ นางก็คล้ายกับไม่มีแผนอันใด พยายามแต่ให้ตัวเองสะใจโดยไม่สนใจอะไร อยากจะพูดอะไรก็พูดอย่างนั้น เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่ใส่ใจ

ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เข้ากันอย่างแปลกประหลาด!

ตกลงก่อนหน้านี้เป็นตัวนางจริงๆ? หรือนางในเวลานี้ถึงจะเป็นนิสัยจริงของนางกัน?

เผยเยี่ยนรู้สึกว่าตัวเองยังคงประมาทไป

นี่ก็คือความอึดอัดที่ไม่เข้าใจตัวตนของอีกฝ่าย

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขาคงจะทำความเข้าใจกับคุณหนูอวี้ให้มากขึ้นแล้ว

แต่ว่า คุณหนูอวี้เปลี่ยนแปลงไปมาไม่สิ้นสุด แม้เขาจะทำความเข้าใจคุณหนูอวี้เพียงผิวเผิน คาดว่าก็คงไม่รู้ว่าเมื่อพบกันครั้งต่อไปคุณหนูอวี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นคนแบบใดอีก

กล่าวสรุปคือ ยังคงเป็นเรื่องธรรมเนียมระหว่างชายหญิง เขาไม่อาจสืบเสาะเรื่องราวคุณหนูอวี้มากไปได้

หลังจากเผยเยี่ยนนึกถึงอวี้ถังที่พบเจอกันหลายครั้ง เขาก็คาดเดาถึงเรื่องพวกนี้ สัญชาตญาณบอกเขาว่า การตัดสินใจก่อนหน้านั้นของเขาดีที่สุด อย่างไรสังเกตให้รอบคอบก่อนค่อยว่ากันเถิด มิเช่นนั้นก็จะเป็นดั่งเมื่อก่อน ทำให้เขาตกในหลุมพรางทันที

เขาดื่มชาหนึ่งคำอย่างไม่รีบร้อน พูดอย่างไม่กระจ่างชัดนัก  คุณหนูอวี้พูดมีเหตุผล แต่ให้ฮูหยินหลี่ไปโขกศีรษะหน้าประตูสกุลอวี้ นี่ก็ไม่เหมาะสมนัก  เขาปัดลูกหนังไปทางบ้านสายตรงสกุลหลี่แทน  ปู่สิบสองสกุลหลี่ ท่านคิดว่าอย่างไร? 

ปู่สิบสองทำตัวราวกับเทียนไข ไม่จุดก็ไม่สว่าง เมื่อได้ฟังก็เอ่ย  พวกเราสกุลหลี่ยึดนายท่านสามเป็นหัวม้า ทั้งหมดล้วนฟังท่านเป็นหลัก 

ลูกหนังถูกผลักกลับไป

เผยเยี่ยนเผยยิ้มเล็กน้อย  ข้าก็เป็นเพียงคนกลางเท่านั้น หากสกุลอวี้และสกุลหลี่ล้วนรู้สึกว่าดีก็เพียงพอแล้ว ในเมื่อสกุลหลี่คิดว่าอย่างไรก็ได้ เช่นนั้นข้าคงทำได้เพียงถามความต้องการของนายท่านอวี้แล้ว 

ใครจะรู้ว่าอวี้ถังไม่รอให้บิดานางเปิดปาก ก็กล่าวอย่างไม่พอใจก่อน  ท่านพ่อ ข้าไม่เห็นด้วย ฮูหยินหลี่ต้องขอขมาให้กับสกุลพวกเรา 

อวี้เหวินอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้

คล้ายกับบิดาที่รักใคร่ตามใจลูกสาวเกินพอดี เห็นได้ชัดว่าไม่ถูกกลับไม่อาจหักหน้าลูกสาวต่อหน้าสาธารณชน

และหลี่ตวนก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ข้างใน

อะไรเรียกว่า ‘สกุลหลี่คิดว่าอย่างไรก็ได้กัน’?

หลี่ตวนรู้สึกว่าเผยเยี่ยนกำลังช่วยสกุลอวี้อย่างเห็นได้ชัด

หรือก่อนหน้านี้สกุลอวี้พูดเป่าหูอะไรให้เผยเยี่ยนฟัง?

หลี่ตวนมองอวี้ถังอย่างโมโห  คุณหนูอวี้ นี่มันคนละเรื่องกัน ขอโทษย่อมได้ แต่ไม่อาจให้มารดาข้าที่เป็นผู้หญิงในเรือนออกหน้าต่อสาธารณชนได้ 

อวี้ถังจ้องกลับไปอย่างไม่เผยความอ่อนแอแม้แต่น้อย  ตามความคิดข้า นี่เป็นเรื่องเดียวกัน ขอโทษ ก็ควรเอาความจริงใจมา 

ทั้งสองคนต่างชักดาบเผชิญหน้ากัน ใครก็ไม่ยอมถอยให้ใคร แม้จะยืนประจันหน้ากัน กลับทำให้คนรู้สึกถึงเปลวไฟลุกช่วงที่สาดส่องไปทั่ว

ไม่ว่าในใจของเศรษฐีที่นั่งอยู่พวกนี้จะเข้าข้างฝ่ายใด ก่อนที่เผยเยี่ยนยังไม่ได้พูด ล้วนไม่อาจเปิดเผยจุดยืนอย่างง่ายๆ เมื่อเผยเยี่ยนไม่ปริปาก พวกเขาก็ทำได้เพียงดูละคร ต่างพากันเงียบกริบทั้งหมด

ชั่วขณะหนึ่ง ห้องโถงใหญ่ต่างตกอยู่ในความเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด สงบนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงสวบสาบของลมที่พัดผ่านใบไม้นอกหน้าต่าง

นายท่านอู๋อดร้อนใจไม่ได้

ในความคิดของเขา เรื่องนี้อวี้ถังทำเกินไปอยู่บ้าง แต่คนที่ทำเกินไปกว่าคืออวี้เหวิน

เด็กๆ ไม่เข้าใจเรื่องราว หรือผู้ใหญ่ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน?

เวลานี้ ควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่จัดการเรื่องราวจึงจะถูก

คงไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวตัวเองและคุณชายใหญ่สกุลหลี่ปะทะคารมไม่ยอมถอยให้กันต่อไปเช่นนี้หรอกกระมัง?

แม้ว่าจะถอยหนึ่งก้าว ก็ควรต้องมีบันไดขั้นหนึ่ง

นายท่านอู๋ครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะออกหน้ารับหน้าที่เป็นคนเลวดีหรือไม่ ปรากฏว่าข้างหูกลับปรากฏเสียงไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน  อวี้ คุณหนูอวี้ ข้าไปขอขมาที่บ้านพวกเจ้าแทนมารดาข้า เจ้า เจ้าคิดว่าได้หรือไม่? 

ผู้พูดคือหลี่จวิ้นที่แทบจะไร้ตัวตนตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่

สายตาของทุกคนหันไปตามเสียง

หลี่จวิ้นอาจจะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ ภายใต้สายตาที่จ้องมองมา ใบหน้าของเขาซีดขาวยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังหดเกร็งเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ดึงสติขึ้นมา หยัดกายตรงราวกับรวบรวมความกล้า เดินไปข้างหน้าสองก้าว เมื่อมาถึงเบื้องหน้าทุกคน ก็กล่าวเสียงเบาอีกครั้ง  คุณหนูอวี้ถูกลักพาตัว ทั้งหมดล้วนเกิดจากข้า หากพิจารณาดูแล้ว ย่อมเป็นความผิดของข้า มารดารักลูกสุดหัวใจ ข้าไม่กล้าขอให้คุณหนูอวี้อภัยนาง แต่ข้าที่เป็นลูกชาย กลับไม่อาจทนเห็นมารดาตัวเองได้รับการเหยียดหยามโดยไม่ทำอะไรได้ คุณหนูอวี้ ท่านได้โปรดให้ข้าโขกศีรษะขอขมาที่ประตูสกุลท่านแทนมารดาของข้าด้วยเถิด  พูดจบ เขาก็ค้อมคำนับให้อวี้ถัง

หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้คำพูดของเขายังเผยความลังเลและขลาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ยามนี้ เขาไม่เพียงพูดดังชัดเจน ยังแสดงความกล้าอย่างหนึ่งออกมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

นายท่านอู๋อดชื่นชมหลี่จวิ้นอยู่ในใจไม่ได้

แม้กล่าวว่าก่อนหน้านี้หลี่จวิ้นไม่ปริปากมาโดยตลอด แต่ยามนี้ เขาสามารถยื่นมือออกมา ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มีใจกตัญญู มีความรับผิดชอบ และยอมแบกรับภาระคนหนึ่ง

นายท่านอู๋ผงกศีรษะไม่หยุด

เศรษฐีคนอื่นส่วนมากก็รู้สึกไม่ต่างจากนายท่านอู๋ เผยยิ้มเล็กน้อยมองหลี่จวิ้น พยักหน้าเบาๆ

อวี้ถังแค่นเสียงอย่างดูแคลน แทบไม่มองหลี่จวิ้นแม้แต่น้อย กลับกันใช้สายตาคมกริบจ้องมองไปที่หลี่ตวน

นางเอ่ยประชดประชัน  หากข้าไม่ตอบรับเล่า? 

ยามที่หลี่จวิ้นลุกออกมา หลี่ตวนก็เกิดใจคล้อยตาม พลันรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดี หนึ่งคือแสดงความจริงใจของสกุลหลี่ สองคือหลี่จวิ้นรับผิดชอบแทนมารดา แบกคำว่า ‘กตัญญู’ เอาไว้ได้ ย่อมสามารถล้างมลทินให้กับชื่อเสียงสกุลหลี่อีกครั้ง

การปฏิเสธของอวี้ถังชักนำด้านโหดเหี้ยมที่เขาควบคุมไว้อยู่นาน ให้ปะทุออกมา

เขาเอ่ยอย่างมีโทสะ  คุณหนูอวี้ ทุกเรื่องที่กระทำ สวรรค์ล้วนเฝ้ามอง เจ้าก็เหลือคุณธรรมให้ตัวเองเสียหน่อยเถิด 

อวี้ถังได้ยินเช่นนั้นกลับเผยความดูแคลน หัวเราะอย่างเยือกเย็นขึ้นมาสองครั้ง  เมื่อครู่ข้าก็อยากพูดประโยคนี้ ทุกเรื่องที่กระทำ สวรรค์ล้วนเฝ้ามอง คุณชายใหญ่สกุลหลี่ ยามที่เจ้าตำหนิข้า อย่าลืมนึกถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองบ้าง ข้ายังคิดว่าชายหนุ่มในสกุลพวกเจ้าตายไปหมดแล้วเสียอีก แต่ละคนรู้จักเพียงใช้ปาก… 

คำพูดของนางยังไม่ทันจบ หลี่ตวนก็ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เสียงวิ้งดังขึ้นในหัว ดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่พักใหญ่

ไฉนเขาจึงนึกไม่ถึงกัน!

เหตุใดเขาจึงไม่ไปขอขมาสกุลอวี้แทนมารดาตัวเองกัน!

ต้องรอให้น้องชายเป็นคนลุกออกมา เมื่อพูดเรื่องถึงความกตัญญูเช่นนี้ เขาจึงเพิ่งมีสติกลับมา

โอรสสวรรค์หลายยุคหลายสมัยล้วนใช้ ‘ความกตัญญู’ ในการปกครองบ้านเมือง ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธไม่ให้มารดาไปขอโทษสกุลอวี้ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด แต่ถูกหลี่จวิ้นกระโดดออกมาประสมโรงเช่นนี้ การกระทำก่อนหน้านั้นของเขาจึงดูไม่ได้

จากที่ได้ยินมา ยามที่ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยล่วงลับ เผยเยี่ยนเศร้าโศกเสียใจ ไม่เพียงลาออกจากงานตรงๆ แต่อยู่ในเรือนก็ยังไม่มีสีหน้าดีอันใด เผยเยี่ยนจะมองเขาอย่างไรกัน?

พวกเศรษฐีชนบทที่นั่งอยู่ตรงนี้จะมองเขาอย่างไร?

หลี่ตวนร้อนรนขึ้นมา

เขารีบกวาดสายตาสังเกตโดยรอบ

เผยเยี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คล้ายว่ายังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ด้านเศรษฐีพวกนั้นกลับเผยสีหน้าแปลกประหลาด

หรือคนพวกนั้นล้วนคิดว่าเขาควรลุกออกมารับผิดชอบแทนมารดาเหมือนหลี่จวิ้นกัน?

หลี่ตวนกระวนกระวายอยู่ในใจ

เขาย้ำเตือนตัวเองซ้ำๆ ใจเย็น ใจเย็นเข้าไว้ ยิ่งเวลานี้ ก็ยิ่งไม่อาจเกิดความผิดพลาด ทั้งไม่อาจพูดคุยทำเรื่องอย่างส่งเดช ถูกคนจับจุดอ่อนอะไรอีก

ด้านเผยเยี่ยน ชั่วพริบตาที่หลี่จวิ้นออกมายืนนั้น ก็มองเห็นคมมีดที่อวี้ถังเผยออกมาแล้ว

ที่แท้นางต้องการให้ร้ายว่าหลี่ตวนไม่รู้คุณ!

กับดักของนางทำขึ้นเพื่อรอหลี่ตวน

คุณหนูอวี้ต้องการจัดการหลี่ตวนให้หมดหนทาง!

ก็ไม่รู้ว่าคุณหนูอวี้และหลี่ตวนผู้นี้มีเรื่องความแค้นเกี่ยวกับความเป็นความตายอะไรกัน

ยามนี้ เขาไม่อยากรู้ว่าเหตุใดหลี่ตวนจึงโง่เขลาถึงเพียงนี้ ทั้งไม่อยากรู้ว่าเศรษฐีชนบทพวกนั้นคิดอย่างไร เขาเพียงอยากรู้ว่า เรื่องที่วางแผนสกุลหลี่ คุณหนูอวี้จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้มากมายเท่าใด

ด้านอวี้ถัง มือของนางกำหมัดแน่น

พวกเขาคิดว่านางเพียงอยากให้คนสกุลหลินได้รับความอับอายอย่างนั้นรึ ไม่หรอก เดิมทีนางก็ไม่มีความคิดเช่นนั้น

เพราะนั่นยังห่างไกลอยู่มาก

ความเจ็บปวดทางกาย จะเทียบกับจิตใจที่สิ้นหวังได้อย่างไร

การแก้แค้นของนางเพิ่งจะเริ่มต่างหาก!

—————

 

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ดราม่า ผลงานใหม่จาก ‘จือจือ’ แนวชิงไหวชิงพริบแวดวงค้าขาย และรักต่างชนชั้นน่าลุ้น! ‘อวี้ถัง’ บุตรสาวคนโตของตระกูลพ่อค้า ลืมตาตื่นขึ้นมาในวันที่กิจการครอบครัวถูกไฟไหม้วอดวาย วันนั้น…คือห้วงเวลาก่อนที่ตัวนางต้องแต่งงานเข้าสกุลหลี่เพื่อพยุงกิจการครอบครัว แล้วกลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว และถึงคราวพบจุดจบแสนอาภัพ เมื่อโชคชะตาไม่ใจร้าย ส่งให้นางย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวก่อนจะสายเกินไป นางจึงต้องทำทุกทาง แม้กระทั่งไปพัวพันกับคนสกุลเผยที่สถานะสูงศักดิ์เหนือผู้ใด เพื่อกอบกู้ฐานะทางการเงิน เพื่อรักษาครอบครัวให้ยังอยู่พร้อมหน้า ทักษะทางการค้า ไหวพริบ เล่ห์กลจึงต้องมี ทว่า ‘เผยเยี่ยน’ นายท่านสามแห่งสกุลเผย ผู้ที่ครั้งก่อนไม่เคยอยู่ในสายตากลับปรากฏตัวให้นางเห็นอยู่ร่ำไป นอกจากชะตาครั้งใหม่ เห็นทีเรื่องหัวใจอาจเป็นฤดูกาลใหม่เช่นกัน ฤดูใหม่นี้… หญิงสาวไร้เดียงสาดั่งบุปผากลีบบาง จะเปลี่ยนเป็นบุปผางามที่แข็งแกร่ง นี่คือ ห้วงเวลาของบุปผาที่กำลังผลิบาน บนย่านการค้าแห่งนี้ที่แข่งกันเร่าร้อนดั่งฟอนไฟ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท