ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) – บทที่ 66 ยืนหยัด

บทที่ 66 ยืนหยัด

อวี้ถังถูกลักพาตัว คนที่ช่วยนางก็คือเผยเยี่ยน ก่อนที่หลี่ตวนจะมา เขาได้ถกเรื่องนี้กับชิงเค่อที่บิดาทิ้งไว้ให้ที่บ้านอย่างละเอียดแล้ว เรื่องลักพาตัวย่อมลบไม่ออก ทั้งจะก่อให้เกิดปัญหาไม่รู้จบ สิ่งสำคัญที่ต้องจัดการในตอนนี้คือไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิเสธเรื่องสังหารเว่ยเสี่ยวซาน มิเช่นนั้นสกุลหลี่ที่เป็นสกุลขุนนาง ก็มีความเป็นไปได้ที่ต้องถูกร้องขอให้ชดใช้ด้วยชีวิต ถึงเวลานั้นใครจะไปเป็นแพะรับบาปกัน?

หลี่ตวนครุ่นคิดเล็กน้อย คิดว่าคำพูดนี้ของอวี้ถังไม่มีปัญหาอะไร กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  คุณหนูอวี้ เรื่องนี้สกุลพวกเราทำไม่ถูก เพียงแต่ ‘บิดามารดาล้วนทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ’ อย่างไรขอคุณหนูอวี้อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับมารดาข้า หากคุณหนูอวี้ยังรู้สึกโมโหไม่อาจสงบจิตสงบใจได้ ข้าก็ยินดีจะชดใช้แทนมารดาให้กับสกุลอวี้และคุณหนูอวี้ 

พูดมาถึงตรงนี้ อวี้ถังก็เดาได้แล้วว่าเขาจะกล่าวอะไร

 ชดใช้ย่อมไม่จำเป็น  นางเอ่ยเรียบนิ่ง  สกุลพวกเราแค่ไม่ได้ตอบรับการสู่ขอของพวกเจ้า มารดาเจ้าก็ทำลายชื่อเสียงข้าเสียแล้ว ทั้งก่อนหน้านั้นมารดาของเจ้ายังเชิญนายหญิงของทังซิ่วไฉมาเป็นแม่สื่อที่บ้านข้าหลายต่อหลายครั้ง กลับถูกสกุลข้าปฏิเสธมาโดยตลอด คาดว่ามารดาเจ้าคงมีโทสะไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่ายามที่มารดาเจ้าทราบว่าสกุลของเราตั้งใจจะเจรจาแต่งงานกับสกุลเว่ย นางคิดอย่างไรกัน? ทั้งทำอะไรลงไปบ้างกันแน่? 

ในที่สุดก็ลากประเด็นเข้ามาในเรื่องของเว่ยเสี่ยวซาน

ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมีใจคล้อยตาม พากันซุบซิบนินทาขึ้นมา

เดิมทีคิดว่าสกุลหลี่แทบไม่มีแรงจูงใจในการฆ่าเว่ยเสี่ยวซาน แต่ยามนี้ได้ฟังอวี้ถังพูด ก็มีความเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยินหลี่จริงๆ

อวี้ถังพูดไม่ทันจบ ใจหลี่ตวนก็เต้นกระหน่ำ รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองถูกอวี้ถังจับจุดอ่อนแล้ว เขามองพวกเศรษฐีชนบทที่เผยสีหน้าเข้าใจขึ้นมาโดยพลัน รีบกล่าว  คำพูดนี้ของคุณหนูอวี้ไม่ถูกแล้ว แม้มารดาของข้าจะใจร้อนไปอยู่บ้าง กลับไม่อาจกระทำเรื่องฆ่าคนออกมาได้ คุณหนูอวี้จะพูดก็ควรมีหลักฐาน อย่าได้พูดจาส่งเดช 

พูดจบ เขาก็หันไปทางเผยเยี่ยน

ก่อนหน้านี้เผยเยี่ยนยังนั่งหยัดกายตรง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้อศอกซ้ายไปพิงที่เท้าแขนของเก้าอี้ นั่งเล่นผีซิว[1] ที่ทำจากหยกเหอเถียนด้วยสีหน้าสบายๆ อยู่ตรงนั้น มองไม่ออกถึงอารมณ์ใด

หลี่ตวนร้อนใจอยู่บ้าง กลับไม่กล้าเผยพิรุธออกมาทางใบหน้ามากนัก

ด้านอวี้ถังเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบเย็น  เกรงว่าคุณชายใหญ่สกุลหลี่จะกังวลจนลืมคิดไป ชื่อเสียงของสตรีนั้นสำคัญเพียงใด ฮูหยินหลี่จะไม่รู้เชียวรึ? เพื่อประโยชน์ส่วนตัวกลับให้อันธพาลพวกนั้นมาลักพาตัวข้า นี่ต่างอะไรกับการฆ่าคนกัน? คุณชายใหญ่สกุลหลี่ไฉนจึงกล้ารับประกันว่า ยามที่มารดาเจ้ารู้ว่าสกุลพวกเราเตรียมจะรับคุณชายรองสกุลเว่ยเป็นลูกเขย ไม่ได้โมโหโกรธเกรี้ยวจนทำเรื่องอย่างที่ลักพาตัวข้าขึ้นมา? 

หลี่ตวนแก้ต่าง  ฆ่าคนกับลักพาตัวจะนำมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร? 

อวี้ถังไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ  มีอันใดแตกต่าง? ถูกบงการด้วยคนเหมือนกัน เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ล้วนไม่เลือกวิธีการเช่นเดียวกัน สำหรับหญิงแต่งงานที่นั่งในเรือนอย่างสงบเสงี่ยมแล้ว ปกติอาจจะได้ยินคนอื่นพูดคุยเรื่องความบริสุทธิ์ของหญิงสาว กลับไม่แน่ว่าจะสามารถเห็นการฆ่าคนด้วยตาตัวเอง เกรงว่าสำหรับฮูหยินหลี่แล้ว การทำลายความบริสุทธิ์คนอื่นคงสามารถสั่นสะเทือนจิตใจผู้คนยิ่งกว่าการฆ่าคนกระมัง! หรือข้ากล่าวไม่ถูก? ไม่ก็ฮูหยินหลี่คิดว่าความบริสุทธิ์ของหญิงสาวไม่สำคัญ? 

คำพูดของนางราวกับน้ำที่หยดบนน้ำมันร้อน พาให้น้ำมันแตกกระเซ็นไปทั่ว

เศรษฐีชนบทพวกนั้นพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา  ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวย่อมสำคัญกว่าความเป็นความตาย! 

 แม้ว่าฮูหยินหลี่จะหุนหันพลันแล่นไปชั่วครู่ ก็ไม่ควรทำถึงขนาดนี้! 

 มิผิด มิผิด เรื่องนี้ทำเกินไปแล้ว 

หลี่ตวนเหงื่อชื้นเต็มหน้าผาก เอ่ยอย่างเร่งรีบ  คุณหนูอวี้ มารดาข้าย่อมไม่ได้หมายความเช่นนี้… 

 ไม่ได้หมายความเช่นนี้?  อวี้ถังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ สกุลหลี่กล้าทำถึงขนาดนี้ วันนี้นางก็กล้าโยนความผิดให้ฮูหยินหลี่เช่นกัน ให้ทุกคนรู้ทั่วกันว่า ฮูหยินหลี่ไม่ใช่คนดีอะไร  ไม่ได้หมายความเช่นนี้กลับกล้าลักพาตัวข้า หากตั้งใจขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่ว่าคงจะฆ่าคนแล้วกระมัง? 

หลี่ตวนถูกอวี้ถังไล่ต้อนจนมุม อับจนหนทาง ทำได้เพียงขอร้องกับเผยเยี่ยน

 นายท่านสาม  เขาประสานมือไปทางเผยเยี่ยน  อย่างไรขอท่านช่วยพูดหน่อยเถิด เรื่องลักพาตัวคุณหนูอวี้ สกุลพวกเราทำไม่ถูกจริงๆ แต่วันนี้พวกเรามาพูดเรื่องคุณชายรองสกุลเว่ยถูกสังหาร หากคุณหนูอวี้ไม่พอใจ รอเรื่องนี้จบแล้ว ข้าจะไปขอโทษขอโพยกับคุณหนูอวี้ที่สกุลอวี้อีกครั้งตามลำพัง 

 ขอโทษตามลำพังย่อมไม่จำเป็น  อวี้ถังไม่รอให้เผยเยี่ยนพูด ก็เอ่ยก่อน  คาดไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่สกุลหลี่จะมีฝีปากสำบัดสำนวนดีเช่นนี้ พวกเราพูดเรื่องตะวันออก เจ้าก็พูดเรื่องตะวันตก ก็ดี เรื่องลักพาตัวข้า พวกเราค่อยพูดภายหลัง ยามนี้ พวกเรามาพูดเรื่องคุณชายรองสกุลเว่ยถูกทำร้าย 

ขณะที่พูด นางก็ชี้ไปยังคนลี้ภัยสองคนนั้น  พวกเรานำตัวพยานบุคคลมา เจ้าบอกว่าพวกเราใส่ร้ายสกุลพวกเจ้า สกุลพวกเจ้าไม่มีแรงจูงใจในการสังหารคุณชายรองสกุลเว่ย ข้าก็ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุที่สกุลพวกเจ้าสังหารคุณชายรองสกุลเว่ย เจ้าจะให้ข้านำหลักฐานออกมาอีก เดี๋ยวก็วกมาพูดว่าสกุลพวกเจ้ามีเหตุผล ข้ากลับอยากถามเสียหน่อย ในสายตาสกุลหลี่ของพวกเจ้า พยานบุคคลอย่างไรที่สกุลหลี่พวกเจ้าจะยอมรับ? แล้วหลักฐานแบบใดที่สกุลหลี่พวกเจ้าจะยอมเชื่อ? พวกเราจะได้ค้นหาตามความต้องการของคุณชายใหญ่สกุลหลี่ คุณชายใหญ่สกุลหลี่จะได้ไม่เหยียบจมูกขึ้นหน้า[2] ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับเช่นนี้ 

เผยเยี่ยนลูบผีซิวที่เพิ่งแกะออกมาจากเอวเมื่อครู่

เขารู้ว่าคุณหนูสกุลอวี้ฝีปากคมคาย แต่คาดไม่ถึงว่าจะพูดเก่ง ทั้งกล้าพูดถึงขนาดนี้

นางไม่กลัวว่าตัวเองจะแต่งไม่ออกหรอกรึ?

เผยเยี่ยนมองไปยังหลี่ตวน

หลี่ตวนลนลาน  คุณหนูอวี้ สองคนนี้ขอเพียงได้เงิน ไม่ว่าเรื่องใดล้วนสามารถทำได้ทั้งนั้น จะเอามาเป็นพยานได้… 

อวี้ถังตัดบทสนทนาของเขา  หรือคุณชายใหญ่สกุลหลี่เคยรู้จักมักคุ้นกับสองคนนี้มาก่อน? ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า ขอเพียงแค่ได้เงิน ไม่ว่าเรื่องใดพวกเขาก็ทำออกมาได้? ทั้งเมื่อครู่เหตุใดคุณชายใหญ่จึงพูดว่าหลังจากสองคนนี้หนีออกมาจากที่นาก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวอันใดกับสกุลพวกเจ้าแล้วล่ะ? 

หลี่ตวนเอ่ย  คุณหนูอวี้อย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น สองคนนี้ดูแล้วก็ไม่ใช่คนดีอะไร คำพูดที่ออกมาย่อมไม่อาจเป็นหลักฐานได้ อย่าได้พูดจาส่งเดช เพียงเพราะว่าอยากให้สกุลหลี่พวกเรากลายเป็นแพะรับบาปในครั้งนี้ 

อวี้ถังเอ่ย  จากสิ่งที่เจ้าพูด เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้าที่ปั้นน้ำเป็นตัว? แปลกเสียจริง เหตุใดข้าจึงไม่พูดว่าเป็นฝีมือสกุลหวัง ไม่กล่าวว่าเป็นฝีมือสกุลซุน กลับเอาแต่พูดว่าเป็นฝีมือของสกุลหลี่เล่า? 

หลี่ตวนกล่าว  นั่นเพราะคุณหนูอวี้เข้าใจผิดว่าสกุลหลี่พวกเรามีรอยร้าวกับสกุลอวี้ของพวกเจ้า… 

 หรือไม่มีรอยร้าวอย่างนั้นรึ?  อวี้ถังก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ย้อนถามอย่างว่องไว  สกุลพวกเจ้าเอาแต่พยายามยุ่งเกี่ยวกับงานแต่งของข้า สกุลเว่ยก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน หลายปีมานี้สกุลพวกเราก็ใจกว้างกับผู้คนในหลินอันมาโดยตลอด ใครเอ่ยถึงสกุลพวกเราล้วนต้องออกปากชมว่ามีเมตตากรุณา เหตุใดจึงเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้ขึ้นมาได้? ไม่ใช่สกุลพวกเจ้า ยังมีสกุลใดอีก? 

หลี่ตวนถูกอวี้ถังย้อนถาม แทบหลบเลี่ยงไม่ได้อยู่บ้าง  คุณหนูอวี้ไม่อาจปักใจว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือพวกเราสกุลหลี่ด้วยเหตุนี้ได้ 

อวี้ถังเอ่ยอย่างดูแคลน  ข้าปักใจว่าเป็นฝีมือของพวกเจ้า ในเมื่อคุณชายใหญ่สกุลหลี่กล่าวว่าไม่ใช่ เช่นนั้นก็ขอเจ้าเอาหลักฐานออกมา คงไม่อาจเพียงเพราะประโยคเดียวของเจ้า ก็จบเรื่องนี้ไปเช่นนี้กระมัง? ใต้หล้าแห่งนี้มีที่ไหนกัน เอาแต่ขอร้องคนอื่น ไม่ออกตัวด้วยตัวเองสักนิด! 

ให้สกุลหลี่นำหลักฐานออกมายืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์อย่างนั้นรึ?

หลี่ตวนหันไปมองเผยเยี่ยนอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเผยเยี่ยนนั้นเปลี่ยนไปพิงที่เท้าแขนด้านขวาตั้งแต่ยามใด

เขากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม  ได้! ในเมื่อคุณชายหลี่กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสกุลพวกเจ้า ก็นำหลักฐานออกมา 

นี่เผยเยี่ยนจะอยู่ฝั่งสกุลอวี้อย่างนั้นรึ?

หลี่ตวนใจสั่นสะท้าน ทำได้เพียงเอ่ยว่า  คุณหนูอวี้ เย็นวันนั้นที่เว่ยเสี่ยวซานเกิดเรื่อง ไม่มีใครในสกุลหลี่ออกไปข้างนอก ทั้งไม่เคยไปที่สวนที่นา โดยเฉพาะมารดาของข้า ร้านค้าที่เป็นสินเดิมของนางก็มีข้าเป็นผู้ดูแล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องภารกิจทั่วไปในบ้าน ธรรมเนียมระหว่างชายหญิงเข้มงวด เดิมทีนางก็ไม่อาจรู้จักคนลี้ภัยสองคนนี้ได้อยู่แล้ว 

อวี้ถังทนต่อไปไม่ไหวแล้ว นางอดเหน็บแนมขึ้นมาไม่ได้  คุณธรรมทั้งปวงมีความกตัญญูมาเป็นอันดับแรก ข้ากลับไม่รู้ว่า เรื่องใหญ่เช่นนี้ คุณชายใหญ่สกุลหลี่จะดึงมารดาเข้ามาเกี่ยวพัน หรือคุณชายใหญ่ไม่ใช่ผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องราวในสกุลหลี่กัน? 

หลี่ตวนใบหน้าซีดเผือด

เขาเป็นลูกชาย อย่าพูดว่าเรื่องนี้คนสกุลหลินไม่ได้ทำเลย แม้ว่าคนสกุลหลินจะทำ เขาก็ควรจะยอมรับก่อนจึงจะถูก

เมื่อครู่เขาคิดแต่ว่าหลบให้สกุลหลี่พ้นจากเรื่องนี้ กลับลืมเรื่องพื้นฐานที่สุดอย่างความกตัญญูไป

หลี่ตวนนึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง ปราดสายตามองไปรอบๆ อย่างว่องไว

เป็นดังที่คาด แววตาที่ทุกคนมองเขาเริ่มแปลกๆ ขึ้นมาแล้ว

หลี่ตวนลอบสบถอยู่ในใจ

วันนี้คนมีหน้ามีตาของหลินอันส่วนมากล้วนอยู่ที่นี่ หากเขาแสดงออกได้ไม่ดี ชื่อเสียงย่อมป่นปี้ทั้งหมด อย่าพูดว่าเป็นขุนนางเลย แค่เป็นคนเดินอย่างภาคภูมิในเมืองหลินอันก็ยังยาก

 คุณหนูอวี้  เขาเอ่ยทั้งใคร่ครวญ  เจ้าอย่าได้โต้แย้งอย่างไร้เหตุผล ข้าเพียงตอบคำถามเจ้าเท่านั้น เจ้าเอาแต่พูดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมารดาข้า หากข้าเงียบไม่เอ่ยถึงเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการปล่อยให้เจ้าทำลายชื่อเสียงมารดาของข้าหรอกรึ พูดถึงหลักฐาน ในเมื่อคุณหนูอวี้คิดว่าคนลี้ภัยสองคนนี้เป็นพยานบุคคล ข้ากลับอยากถามว่า คนลี้ภัยพวกนี้กล่าวว่าได้รับคำสั่งจากสกุลข้า เช่นนั้นก็ให้ทั้งสองคนนี้ชี้ตัวคนที่สั่งการพวกเขาออกมา 

เรื่องเข่นฆ่าเอาชีวิตคน ใครจะสั่งการด้วยตัวเองกัน?

อวี้ถังก็รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงไม่อยากไปแจ้งความกับทางการ

นางกวาดสายตามองพวกเศรษฐีที่นั่งอยู่รอบๆ

แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาที่มองหลี่ตวนกลับแฝงไปด้วยความสังเกตพินิจขึ้นหลายส่วน

เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้หว่านติดขึ้นมาแล้ว

เท่านี้ก็เพียงพอ

ส่วนเรื่องแก้แค้น หากปล่อยพวกสกุลหลี่ไปเช่นนี้ ก็ง่ายต่อพวกเขาเกินไป

อวี้ถังยิ้มเย็นในใจ

คนลี้ภัยสองคนล้วนนิสัยดุดัน หลังจากถูกดึงออกมาก็คิดจะหาเรื่องใส่ตัวชี้ตัวยืนยันไปที่หลี่ตวนให้จบไป แต่เมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นมา เห็นสายตาที่เย็นยะเยือกของอวี้ถัง กลับสั่นสะท้าน

ก่อนหน้านี้อวี้ถังเคยกำชับกับพวกเขาหลายครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรให้พวกเขาพูดความจริงทั้งหมด อย่าได้พูดปดเกินจริงทั้งอย่าได้คิดเอาเอง หากคำให้การของพวกเขาถูกหลี่ตวนถามจุดที่ไม่เหมาะสมออกมา ยามที่สกุลหลี่ให้พวกเขาทั้งสองเป็นแพะรับบาป สกุลอวี้ย่อมจะยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ยุ่งเกี่ยว หากพวกเขาสามารถให้คำตอบอย่างซื่อตรง สกุลอวี้ย่อมช่วยชีวิตนี้ของพวกเขาไว้

ยามที่สองพี่น้องยืนในห้องโถงยังไม่เชื่อแต่อย่างใด รอจนเห็นอวี้ถังโต้คารมกับหลี่ตวน ผลักหลี่ตวนลงหลุมพราง ก็อดมั่นใจในตัวอวี้ถังขึ้นมาไม่ได้ ตัดสินใจยืนอยู่ฝั่งของอวี้ถัง

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน รับสารภาพว่าคนที่สั่งการพวกเขาคือพ่อบ้านใหญ่สกุลหลี่

หลี่ตวนลอบถอนหายใจ ทั้งรู้สึกผิดหวังอย่างเลือนรางอยู่บ้าง

หากสองคนนี้สารภาพว่าเป็นเขาบงการคงจะดี

เขาย่อมจะถามจนทั้งสองคนพูดไม่ออก ทำให้ทุกคนสงสัยว่าสองคนนี้ถูกสกุลอวี้จ้างมาเพื่อใส่ร้ายสกุลหลี่เท่านั้น

น่าเสียดาย

ดูภายนอกทั้งสองคนมีท่าทีโหดร้าย กลับคาดไม่ถึงว่าจะกระทำเรื่องอย่างโง่เขลาเช่นนี้

 คุณหนูอวี้  หลี่ตวนรอจนทั้งสองคนพูดจบ ก็แสร้งทำท่าทีละอายใจออกมาทันที  เรื่องนี้ข้ายังเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ข้าจะไปเรียกพ่อบ้านใหญ่มาไถ่ถามให้กระจ่างเดี๋ยวนี้ 

สกุลใหญ่โตอย่างสกุลหลี่นี้ โดยปกติพ่อบ้านใหญ่มักจะเป็นลูกบ่าวที่เกิดในเรือนเจ้านายไม่ก็ลูกหลานบ่าวที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน อาศัยอยู่ที่สกุลหลี่หลายชั่วอายุคน ครอบครัวลูกหลานที่เกี่ยวดองกันล้วนอยู่ในเรือนดีๆ ย่อมไม่อาจตัดสินใจโดยพลการได้อยู่แล้ว ทั้งแม้จะเรียกตัวคนมา พ่อบ้านใหญ่สกุลหลี่ก็ไม่อาจเอ่ยชื่อคนบงการออกมาได้อยู่ดี

ทุกคนล้วนมีคำตอบในใจตัวเอง

เป็นสกุลหลี่ที่สังหารเว่ยเสี่ยวซาน

แม้ยามนี้จะไม่อาจลงโทษฆาตกรที่แท้จริงได้ แต่ข้อเท็จจริงของเรื่องราวก็ได้ถูกเปิดเผยแล้ว

นายท่านเว่ยหลั่งน้ำตาราวกับสายฝน

พวกเศรษฐีชนบทที่เห็น ต่างก็รู้สึกเศร้าใจไปด้วย

เลี้ยงลูกชายจนเติบใหญ่ถึงเพียงนี้ กำลังจะได้ก่อร่างสร้างตัว ก็จากไปเช่นนี้เสียแล้ว ทั้งไร้วิธีจะร้องทุกข์หาความเป็นธรรม ไม่ว่าใครก็ยากจะรับได้ทั้งนั้น

นายท่านอู๋หยัดกายขึ้นตบไหล่นายท่านเว่ย เอ่ยว่า  ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย 

พวกเศรษฐีคนอื่นๆ ก็พากันเข้ามาปลอบใจนายท่านเว่ยเช่นกัน

นายท่านเว่ยขอบคุณทุกคนด้วยดวงตาแดงก่ำ  ขอบคุณพวกเจ้าที่มาได้ในวันนี้! 

นายท่านอู๋หาโอกาสที่จะต่อบทสนทนากับเผยเยี่ยนมาโดยตลอด เอ่ยขึ้นมาทันที  พวกเราอะไรกัน ยังต้องขอบคุณนายท่านสามสกุลเผย หากไม่ใช่ผู้มีพระคุณอย่างเขา พวกเราก็ไม่อาจรวมตัวกันได้หรอก 

ผู้มีพระคุณ…

อวี้ถังอดเบะปากเล็กน้อยไม่ได้

เผยเยี่ยนชายตามองอวี้ถังไปที

นี่นางหมายความว่าอย่างไร?

หรือเรื่องนี้ไม่ควรขอบคุณเขาอย่างนั้นรึ?

หากเขาไม่ออกหน้า สกุลอวี้ของพวกเขาจะสามารถพูดได้กระจ่างชัดถึงเช่นนี้รึ?

นึกมาถึงตรงนี้ เผยเยี่ยนก็เรียกชื่อปู่สิบสองของบ้านสายตรงสกุลหลี่ที่ไม่ปริปากกล่าวอันใดมาโดยตลอดขึ้นมา  เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ท่านมีอะไรอยากจะพูดหรือไม่? 

—————————–

[1]ผีซิว เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของจีน รูปร่างคล้ายสิงห์หรือราชสีห์ ใช้กำจัดสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายต่างๆ

[2]เหยียบจมูกขึ้นหน้า อุปมาว่า ให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง นอกจากอีกฝ่ายไม่ยอมรับน้ำใจแล้ว ยังไม่ไว้หน้า

 

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ดราม่า ผลงานใหม่จาก ‘จือจือ’ แนวชิงไหวชิงพริบแวดวงค้าขาย และรักต่างชนชั้นน่าลุ้น! ‘อวี้ถัง’ บุตรสาวคนโตของตระกูลพ่อค้า ลืมตาตื่นขึ้นมาในวันที่กิจการครอบครัวถูกไฟไหม้วอดวาย วันนั้น…คือห้วงเวลาก่อนที่ตัวนางต้องแต่งงานเข้าสกุลหลี่เพื่อพยุงกิจการครอบครัว แล้วกลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว และถึงคราวพบจุดจบแสนอาภัพ เมื่อโชคชะตาไม่ใจร้าย ส่งให้นางย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวก่อนจะสายเกินไป นางจึงต้องทำทุกทาง แม้กระทั่งไปพัวพันกับคนสกุลเผยที่สถานะสูงศักดิ์เหนือผู้ใด เพื่อกอบกู้ฐานะทางการเงิน เพื่อรักษาครอบครัวให้ยังอยู่พร้อมหน้า ทักษะทางการค้า ไหวพริบ เล่ห์กลจึงต้องมี ทว่า ‘เผยเยี่ยน’ นายท่านสามแห่งสกุลเผย ผู้ที่ครั้งก่อนไม่เคยอยู่ในสายตากลับปรากฏตัวให้นางเห็นอยู่ร่ำไป นอกจากชะตาครั้งใหม่ เห็นทีเรื่องหัวใจอาจเป็นฤดูกาลใหม่เช่นกัน ฤดูใหม่นี้… หญิงสาวไร้เดียงสาดั่งบุปผากลีบบาง จะเปลี่ยนเป็นบุปผางามที่แข็งแกร่ง นี่คือ ห้วงเวลาของบุปผาที่กำลังผลิบาน บนย่านการค้าแห่งนี้ที่แข่งกันเร่าร้อนดั่งฟอนไฟ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท