ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) – บทที่ 109 ขนมชิงถวน

บทที่ 109 ขนมชิงถวน
การทำขนมชิงถวน ต้องใช้หญ้าอ้ายเฉ่า[1]แต่ยามนี้อยู่ในต้นเดือนสอง หญ้าอ้ายเฉ่าเพิ่งจะแตกหน่อ กล้าอ่อนยังไม่หอม
คนสกุลเฉินกลัดกลุ้มเหลือทน เขกหน้าผากอวี้ถังไปที “เจ้าพูดอะไรไม่พูด ดันมาพูดขนมชิงถวน ยามนี้ทำขนมชิงถวนออกมาจะอร่อยได้อย่างไรกัน!”
อวี้ถังยิ้มแห้ง
ก็เพราะนางตระหนักได้ว่าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ของท่านผู้เฒ่าสกุลเผย จึงเผลอเอ่ยชื่อขนมชิงถวนออกไปไม่ใช่รึ? คาดไม่ถึงว่าการทำขนมชิงถวนยังต้องพิถีพิถันถึงขนาดนั้น คนสกุลเฉินคิดว่าก่อนหน้านี้ทำอย่างสุกเอาเผากินเกินไป ตัดสินใจทำใหม่อีกหลายเข่ง
แต่เรื่องมาถึงตอนนี้ จะเปลี่ยนอย่างไรก็ไม่ทันแล้ว
อวี้ถังกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ข้าช่วยท่านเองเจ้าคะ”
“เจ้ายืนอยู่เฉยๆ ให้ข้าดีกว่า!” คนสกุลเฉินเหลือบมองป้าเฉินที่เพิ่งขอเม็ดบัวชั้นยอดมาจากสกุลอู๋ข้างบ้าน ทั้งระเบิดโทสะไปพลาง “เรื่องในครัวข้าไม่คาดหวังอะไรเจ้า แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องสนใจเสียบ้าง หรือฤดูหนาวจะกินผักขม ฤดูร้อนจะกินหน่อไม้หลงฤดูอย่างนั้นรึ?”
อวี้ถังไม่กล้าอ้าปากพูด นั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ด้านข้าง ดูมารดาและป้าเฉินเด็ดเม็ดบัว
“นายท่านอู๋ช่างมีน้ำใจจริงๆ” ป้าเฉินมองเม็ดบัวขนาดน้อยใหญ่ในมือ เอ่ยว่า “พวกเราจะห่อไส้ถั่วเขียวเสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
ขนมชิงถวนมักจะใส่ไส้เม็ดบัวไม่ก็ไส้ถั่วแดง
นวดแป้งข้าวเหนียวสีเขียวเป็นวงกลม กัดออกมาเป็นไส้สีแดงของถั่วแดงหรือสีขาวของเม็ดบัว แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว
น้อยคนนักที่จะห่อไส้ถั่วเขียว
คนสกุลเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย พุ่งเป้าไปที่อวี้ถังแทน “เจ้าไม่ใช่มีความสามารถมากหรอกรึ? ไปสืบมาเสียหน่อย นายท่านสามสกุลเผยชอบกินไส้อะไร? หากเขาชอบกินไส้ถั่วเขียว พวกเราก็จะห่อไปเสียหน่อย”
อวี้ถังรับปาก หยัดกายขึ้นออกจากห้องครัว
ป้าเฉินเอ่ย “นายหญิง จะไม่สร้างความลำบากให้คุณหนูเกินไปหรือเจ้าคะ? ไม่ว่านายท่านสามสกุลเผยจะชอบกินไส้อะไร พวกเราห่อคละกันไปเล็กน้อยก็…”
ครั้งนี้คนสกุลเฉินตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ตัดบทสนทนาป้าเฉินอย่างไม่อ้อมค้อม “นางเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะพวกเจ้าตามใจจนเหลิง นายท่านสามมีบุญคุณกับสกุลพวกเรา อย่าพูดเลยว่าทำขนมชิงถวนล่วงหน้า แม้จะให้ข้าทำเป็ดแปดสมบัติ[2]ด้วยตัวเอง ข้าก็เต็มใจอย่างยิ่ง แต่พูดอย่างนางนั้นใช่ได้รึ? อาศัยเพียงปากไว หากอาหารไม่ถูกฤดูกาล ทำออกมาไม่ได้จะเกิดอันใดขึ้น?” พูดถึงตรงนี้ ก็กลัดกลุ้มขึ้นมาอีกครั้ง “หญ้าอ้ายเฉ่าไม่หอม ย่อมไม่ให้รสชาติกลิ่นอายเหมือนช่วงเช็งเม้ง นายท่านสามสกุลเผยเคยกินแต่อาหารเลิศรสชั้นดี หากไม่ชอบใจขึ้นมาจะทำอย่างไร? ยังมิสู้ส่งของอย่างอื่นไปให้?”
ป้าเฉินทำได้เพียงปลอบใจนาง “นี่ไม่ใช่ว่าคุณหนูอวี้ชอบกินขนมชิงถวนของท่านหรอกหรือเจ้าคะ? คิดว่าขนมชิงถวนของท่านอร่อยไม่มีใครสู้ได้ จึงผลั้งปากเอ่ยชื่อชิงถวนออกมา นายหญิงก็อย่าตำหนิคุณหนูอีกเลยเจ้าค่ะ วันนี้ท่านก่นว่านางตั้งแต่เช้าตรู่ ยังดีที่คุณหนูกตัญญูว่าง่าย ฟังอย่างไม่ปริปากอันใด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะโมโหวิ่งออกไปนานแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่าง นางก็ไม่ได้ทำเพื่อตนเองนะเจ้าคะ”
คนสกุลเฉินไม่กล่าวอันใดอีกแล้ว
ชาติก่อน กระทั่งเผยเยี่ยนชอบใส่เสื้อผ้าสีอะไร นั่งรถม้าแบบไหน ดื่มชาอันใด ทุกคนก็ยังไม่มีใครรู้ ให้สืบข่าวว่าเขาชอบกินอะไร…นี่ให้นางไปทะเลาะกับคนสกุลหลินยังง่ายกว่าเสียอีก!
แต่นางก็เข้าใจเจตนาของมารดาดี
หากของที่ส่งไปสกุลเผย ไม่เป็นที่ชื่นชอบของเผยเยี่ยน ประจบไม่ถูกที่ถูกทาง อยากโอ้อวดความฉลาดสุดท้ายจะกลายเป็นแสดงความโง่เขลาก็ยิ่งจะเป็นปัญหามากกว่า
เฮ้อ!
นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจึงเอ่ยถึงขนมชิงถวนออกไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่า เขายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกไส้ถั่วเขียว ก็คงพอได้กระมัง?
อวี้ถังเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในเรือน ยืดคอมองชะเง้ออยู่ด้านนอกห้องครัว เห็นว่าโทสะของมารดาคงคลายลงแล้ว เวลานี้จึงเดินเข้าไปในครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ท่านแม่ สีสันยิ่งมากก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าขนมชิงถวนของสกุลเรามีฝีมือ ท่านดูว่ายังมีไส้อะไรอีก ทำเพิ่มเข้าไปได้ทั้งนั้น ส่งขนมหวานไม่ใช่พิถีพิถันเรื่องความหลากหลายหรอกรึ? พวกเราก็ใส่ไปสี่ไส้ไม่ก็แปดไส้!”
คนสกุลเฉินคร้านที่จะพูดกับนาง กำชับกับป้าเฉิน “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ให้คุณหนูเข้ามาช่วยในครัวด้วย”
อวี้ถังตกใจจนสติลอยล่อง วิ่งออกไปพลางเอ่ย “ท่านแม่ ท่านพ่อทำโทษข้าให้คัดตัวอักษรหมื่นตัว ข้ายังคัดไม่เสร็จเลย! รอข้าคัดอักษรเสร็จก่อนค่อยลงโทษเถิดเจ้าค่ะ”
คนสกุลเฉินมองตามแผ่นหลังของลูกสาว นึกถึงที่นางชอบก่อเรื่องยุ่งตั้งแต่เด็ก ก็อดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ ยังคงทำเหมือนที่อวี้ถังว่าจริงๆ ทำขนมชิงถวนไส้งา เม็ดบัว ถั่วแดง และถั่วเขียว คละกันไป ก่อนจะให้อวี้ป๋อช่วยนำไปส่งที่จวนสกุลเผย
สองวันนี้ เผยเยี่ยนยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น หากไม่พบคนนั้นก็ต้อนรับคนนี้ ลำพังแค่นายท่านสี่สกุลซ่งยังพยายามตามตัวเขาอยู่ทุกเวลา “สกุลอื่นใดจะรู้ใจดีเท่าพวกเราสองสกุล หากจะร่วมมือ แน่นอนว่าพวกเราสองสกุลเหมาะสมที่สุด หากเจ้าไม่อยากยุ่งจริงๆ หาอีกสักสกุลก็เพียงพอแล้ว พวกเราสองสกุลคอยจัดการเรื่องราว เจ้านั่งแบ่งผลประโยชน์ คิดว่าเป็นอย่างไร?”
กล่าวโดยสรุปแล้ว ยังคงอยากให้เขาเป็นหลักประกัน
ยามนี้เขาอดนึกถึงสกุลอวี้ขึ้นมาไม่ได้
โดยเฉพาะคุณหนูอวี้
ยามที่เขาใจสั่นคลอนแทนสกุลพวกเขา นางกลับยังคงรักษาความสงบเช่นเดิม รู้ตัวเองว่าสามารถกินข้าวได้กี่ชาม ทำเรื่องอะไรได้บ้าง
ให้เวลาสกุลอวี้อีกสักหน่อย สกุลพวกเขาย่อมรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นมาอย่างแน่นอน
เผยเยี่ยนบอกปัดนายท่านสี่สกุลซ่ง “หลายวันมานี้ผู้เข้าร่วมประมูลล้วนทยอยเข้ามาพักอย่างไม่ขาดสาย ท่านก็รู้จักอยู่ไม่น้อย เข้าไปพูดคุยทีละคนเถิด! ให้ข้าเข้าไปพัวพันเป็นคนกลางได้อย่างไร? คนอื่นยังจะคิดว่าข้ามีเจตนาแฝงน่ะสิ!”
นายท่านสี่สกุลซ่งทราบตั้งนานแล้วว่าญาติผู้น้องคนนี้ของตนมีความสามารถ คิดจะทำเรื่องอะไรล้วนประสบความสำเร็จ ไม่ยอมให้เขาปฏิเสธโดยง่าย “รู้จักก็ส่วนรู้จัก แต่ไม่เคยทำการค้าด้วยกันมาก่อน สุดท้ายแล้วก็ยังคงไม่สบายใจ เห็นแก่ฐานะญาติสักครั้ง อย่างไรเจ้าก็ช่วยข้าออกความคิดหน่อยเถิด”
ขณะที่ทั้งสองยืดเยื้อกันอยู่อย่างนั้น ขนมชิงถวนของสกุลอวี้ก็ถูกส่งเข้ามา
เผยเยี่ยนฉวยโอกาสกลับห้องหนังสือของตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นกับขนมชิงถวนที่ส่งมาไม่น้อย รอจนเปิดดู คาดไม่ถึงว่ายังมีไส้ถั่วเขียว เขาพลันรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา
ผู้ที่จำได้ว่าเขายังอยู่ช่วงไว้ทุกข์ ก็คงมีเพียงสกุลอวี้ มีเพียงคุณหนูของสกุลอวี้คนเดียวเท่านั้น
แม้จะกล่าวว่าหญิงสาวผู้นี้เที่ยวไปทำเรื่องนู้นเรื่องนี้เพราะอยากตอบแทน กลับเป็นการตอบแทนที่ทำให้คนรู้สึกดี นี่ก็นับเป็นความสามารถหนึ่งเช่นกัน
เขากินขนมชิงถวนไปลูกหนึ่ง
รสชาติธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่เขายังคงเรียกเผยหม่านเข้ามาถาม “ช่วงนี้คุณหนูอวี้ทำอะไรบ้าง?”
เผยหม่านตกตะลึงอยู่บ้าง
เขาเป็นพ่อบ้านใหญ่ของสกุลเผย ทุกวันล้วนต้องสนใจภาระเรื่องราวไม่รู้มากมายเท่าใด ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูอวี้ยังเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แม้เขาอยากจะจับตาดูสกุลอวี้ ก็ควรจับตาดูนายท่านอวี้มากกว่า!
แต่เขาตอบคำถามเจ้านายไม่ได้ ก็นับว่าเป็นเขาที่บกพร่อง
“ข้าจะให้คนไปสืบถามเดี๋ยวนี้ขอรับ!” เผยหม่านเอ่ยทันที
เผยเยี่ยนก็ไม่ได้จริงจังนัก ผงกศีรษะ ก่อนจะกินไปอีกลูก ถามเผยหม่าน “สกุลอวี้ส่งขนมชิงถวนมากี่กล่อง? ส่วนที่เหลือนำไปให้ท่านแม่เฒ่า” เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเสริมอีกประโยค “ทางบ้านใหญ่และบ้านรองก็ส่งไปให้ชิมด้วย”
เผยหม่านรับคำสั่ง ก่อนขอตัวออกไป
ทิ้งเผยเยี่ยนให้นอนอ่านหนังสือเล่นอยู่บนเก้าอี้โยก
ด้านหูซิ่ง อวี้เหวินและอวี้หย่วนเดินทางเข้าเมืองอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
“รบกวนท่านมาสองวันแล้ว” อวี้เหวินเอ่ยเชิญหูซิ่งด้วยความจริงใจ “ข้าให้อาเสาล่วงหน้าส่งจดหมายให้ที่เรือนแล้ว ในเรือนคงเตรียมอาหารสุราไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ข้าอยากชวนท่านดื่มสุราเสียหน่อย”
สองวันมานี้หูซิ่ง อวี้เหวินและอวี้หย่วนไปดูพื้นที่ภูเขาผืนนั้น เดินจนขาปวดไปหมด เขาจึงไม่คิดปฏิเสธ “ได้สิ! เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว!”
“ดูท่านสิ พูดอะไรกัน!” ทั้งสามคนกล่าวเกรงใจเป็นพิธี ก่อนจะกลับตรอกชิงจู๋
คนสกุลเฉินเตรียมสุราอาหารไว้นานแล้วดังคาด หูซิ่งและอาหลานสกุลอวี้นั่งล้อมอยู่หน้าโต๊ะสี่เหลี่ยม ดื่มสุรา ทั้งพูดคุยเรื่องพื้นที่ผืนนั้นของสกุลอวี้ไปพลาง “ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเสนอความคิดนี้ให้คุณหนูอวี้ของพวกเจ้า ไม่ใช่ว่าต้นซาจี๋ปลูกไม่ได้ เพียงต้นทุนกลับสูงเกินไป แต่หากปลูกพวกต้นเถาต้นท้อ ดินทรายมาก กลัวแค่ว่าผลออกมาจะไม่อร่อยเท่าใด หรือจะปลูกถั่วลิสงก็ได้ แต่ถั่วลิสงขายไม่ค่อยได้ราคา เรื่องนี้ข้าก็ตัดสินใจยาก ท้ายที่สุดยังต้องเป็นสกุลพวกเจ้าที่ตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร?”
อวี้เหวินหัวเราะร่อ คิดว่าใครเป็นคนผูก คนนั้นก็ต้องแก้ เอ่ยกับอวี้หย่วน “เจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกน้องสาวเจ้าสิ ดูว่าน้องเจ้าจะพูดอย่างไร”
อวี้ถังจึงปลีกตัวออกไปพบอวี้ถัง
อวี้ถังกำลังรอข่าวคราว ฟังจบก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกอยู่บ้าง
ชาติก่อนกับชาตินี้ไม่เหมือนกันจริงๆ
ช่วงนี้นางก็ไม่ยุ่งอะไร จึงส่งคนไปสืบข่าวการซื้อขายผลไม้เชื่อม
แม้จะกำไรสูงกว่าพืชในไร่สวน แต่ก็ไม่ได้เงินมากนัก
นางเอ่ยกับอวี้หย่วน “ท่านบอกท่านพ่อก่อนว่า เรื่องนี้ขอเวลาให้ข้าคิดเสียหน่อย”
อวี้หย่วนก็เข้ามาอย่างกะทันหันอยู่บ้าง เวลานี้คิดว่าควรใจเย็นเสียหน่อย
เขากลับไปบอกอวี้เหวิน อวี้เหวินก็ไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ กลับดื่มสุรากับหูซิ่งอย่างเปิดอก รินสุราให้หูซิ่งไม่ขาด จนสุดท้ายเอาแต่เรียกอวี้เหวินว่า นายท่านอวี้อยู่คำเดียว ดูนอบน้อมนับถือเป็นอย่างยิ่ง
อวี้เหวินก็ดื่มเยอะอยู่บ้าง ยืนแทบไม่มั่นคง
อวี้หย่วนทำได้เพียงส่งหูซิ่งกลับไป
ผลปรากฏว่า ยามที่ไปกลับพบเจอเผยหม่าน
เผยหม่านรู้ว่าหูซิ่งไปทำอะไร นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เผยเยี่ยนถามเขา เขาจึงอดถามอวี้หย่วนไม่ได้ “เรื่องทางภูเขานั้นยังราบรื่นหรือไม่?”
“ไม่ราบรื่นเท่าใด” ก่อนหน้านี้อวี้หย่วนยังมีความรู้สึกบ้าบิ่นฮึกเหิมอยู่บ้าง ยามนี้ยิ่งรู้เรื่องในแวดวงค้าขายมากเท่าใด ก็ยิ่งระวังรอบคอบมากขึ้นเท่านั้น เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากทางพ่อบ้านใหญ่มีความคิดน่าสนใจอะไร ก็บอกข้าโดยตรงได้”
“ได้สิ!” เผยเยี่ยนตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
อวี้ถังปรึกษาหารือกับอวี้หย่วน “หรือพวกเราจะปลูกถั่วลิสง? ข้ารู้จักขนมถั่วประเภทหนึ่ง อร่อยอย่างยิ่ง อย่างไรช่วงนี้ข้าก็ไม่มีอะไรทำ ให้ป้าเฉินช่วยข้าทำออกมาให้พวกท่านชิมดูเสียหน่อยแล้วกัน!”
อย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีความคิดอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
อวี้หย่วนเห็นด้วย
อวี้ถังจึงดึงป้าเฉินและซวงเถาไปช่วยกันทำขนมถั่วตัดกรอบ
คนสกุลเฉินมองอยู่ด้านข้าง “นี่ต้องใช้ถั่วลิสงกี่กิโลกัน?”
จริงด้วย!
อวี้ถังท้อใจอยู่บ้าง อยากกระจ่างใจว่า เหตุใดชาติก่อนเผยเยี่ยนจึงทำผลไม้เชื่อม เพียงยามนี้เผยเยี่ยนกำลังยุ่งเรื่องการประมูล นางไม่อาจไปหาถึงประตูได้
เช่นนั้นพื้นที่ภูเขาของสกุลพวกนางควรปลูกอะไรดีนะ?
อวี้ถังคิดว่า ขนมถั่วตัดกรอบที่ทำออกมาไม่อาจสิ้นเปลืองได้ จึงบรรจุใส่กล่อง นำไปส่งที่จวนสกุลเผย ส่วนที่เหลือก็มอบให้เพื่อนบ้านและสหาย ทั้งยังเตรียมไว้ใช้ในงานแต่งสะใภ้ของอวี้หย่วนด้วย
ชั่วพริบตาก็ล่วงเข้าสู่เดือนสาม แม้อวี้ถังจะไม่ออกจากเรือน ก็ได้ยินป้าเฉินที่ออกไปจับจ่ายซื้อของเอ่ยว่า นับวันเมืองหลินอันก็มีคนแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ “ทั้งดูเหมือนเป็นสกุลมั่งคั่งร่ำรวย ได้ยินว่าเรือนหลังเล็กทางตะวันออกของท่านอู๋ก็ถูกเช่าไปหมด ไม่รู้ว่าเมืองหลินอันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
อวี้ถังก็ดี คนสกุลเฉินก็ช่าง ล้วนทำเป็นว่าไม่ได้ยิน
หลี่ตวนกลับรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่ง
ไม่รอเก็บโคมวันที่สิบเจ็ด เดือนอ้าย หลินเจวี๋ยก็นำภาพ ‘ตกปลาใต้ต้นสนริมน้ำ’ กลับฝูเจี้ยน
ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าอาจารย์ที่หลินเจวี๋ยหามาซ่อมแซมส่วนเสียหายเล็กๆ กลางภาพนั้นเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่วันก่อนจึงเพิ่งทราบว่า ที่แท้เพื่อเร่งให้ทันเวลา หลินเจวี๋ยเพียงให้อาจารย์ประเมินการส่วนที่เสียหาย วาดเติมแต่งไม่กี่ครั้งเข้าไปแทน
ก็ไม่รู้ว่าส่วนที่วาดเพิ่มเข้าไปนี้ จะเป็นปัญหาหรือไม่?
สกุลเผยดูเหมือนจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น แต่เหล่าคหบดีของเมืองหลินอันกลับไม่รู้เรื่องราวสักคน
เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างหนึ่งอยู่เลือนราง
ดูเหมือนว่ามีเรื่องใหญ่อะไรที่สำคัญเกิดขึ้น ทว่าสกุลพวกเขากลับถูกสกุลเผยผลักไสให้อยู่ด้านนอก
——————————
[1]หญ้าอ้ายเฉ่า คือโกฐจุฬาลัมพา
[2]เป็ดแปดสมบัติ อาหารท้องถิ่นที่เลื่องชื่อของแถบซั่งไห่และซูโจว โดยจะผ่าหลังเป็ดยัดส่วนผสมต่างๆ อย่างเช่น ข้าวเหนียว กุ้งแห้ง เห็ด เกาลัด จากนั้นก็นำไปตุ๋น
ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇)

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ดราม่า ผลงานใหม่จาก ‘จือจือ’ แนวชิงไหวชิงพริบแวดวงค้าขาย และรักต่างชนชั้นน่าลุ้น! ‘อวี้ถัง’ บุตรสาวคนโตของตระกูลพ่อค้า ลืมตาตื่นขึ้นมาในวันที่กิจการครอบครัวถูกไฟไหม้วอดวาย วันนั้น…คือห้วงเวลาก่อนที่ตัวนางต้องแต่งงานเข้าสกุลหลี่เพื่อพยุงกิจการครอบครัว แล้วกลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว และถึงคราวพบจุดจบแสนอาภัพ เมื่อโชคชะตาไม่ใจร้าย ส่งให้นางย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวก่อนจะสายเกินไป นางจึงต้องทำทุกทาง แม้กระทั่งไปพัวพันกับคนสกุลเผยที่สถานะสูงศักดิ์เหนือผู้ใด เพื่อกอบกู้ฐานะทางการเงิน เพื่อรักษาครอบครัวให้ยังอยู่พร้อมหน้า ทักษะทางการค้า ไหวพริบ เล่ห์กลจึงต้องมี ทว่า ‘เผยเยี่ยน’ นายท่านสามแห่งสกุลเผย ผู้ที่ครั้งก่อนไม่เคยอยู่ในสายตากลับปรากฏตัวให้นางเห็นอยู่ร่ำไป นอกจากชะตาครั้งใหม่ เห็นทีเรื่องหัวใจอาจเป็นฤดูกาลใหม่เช่นกัน ฤดูใหม่นี้… หญิงสาวไร้เดียงสาดั่งบุปผากลีบบาง จะเปลี่ยนเป็นบุปผางามที่แข็งแกร่ง นี่คือ ห้วงเวลาของบุปผาที่กำลังผลิบาน บนย่านการค้าแห่งนี้ที่แข่งกันเร่าร้อนดั่งฟอนไฟ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท