เดิมเป็นสถานการณ์ที่ถึงทางตัน แต่พออาจารย์ปู่ออกมา ไม่ถึงสองนาทีก็คลี่คลายลงเสียแล้ว สำนักชิงหยางแสดงออกให้เห็นอย่างลึกซึ้งแล้วว่าสปิริตของคำว่า หาเรื่องผู้น้อย เอาคืนโดยผู้ใหญ่
เพื่อเป็นการป้องกันฝูงผีจะออกไปปั่นป่วนข้างนอกอีก ก่อนกลับไปยอดเจดีย์ เยี่ยยวนได้โยนยันต์ลงมาสองใบ หนึ่งในนั้นเป็นยันต์เก็บวิญญาณ ชายแก่แค่สะบัดยันต์ออกไป ผีสาวทั้งหลายที่นอนกองอยู่บนพื้น อ่อนแอราวกับจะสลายไป ก็ได้เข้าไปอยู่ในยันต์ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเป็นที่เรียบร้อย
ไป๋อวี้ตะลึง สมกับที่เป็นยันต์ของอาจารย์ปู่ ปกติแล้วยันต์เก็บวิญญาณหนึ่งใบใช้เก็บวิญญาณร้ายหนึ่งตนยังต้องเสียแรงมาก แต่นี่ใช้เพียงแค่ใบเดียวกลับเก็บได้ทั้งหมด ทันใดนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา พลิกยันต์ไปมาเพื่อพินิจ แต่ก็ดูไม่ออกว่าในนั้นมีกลไกอะไร
นึกไปนึกมา กลับรู้สึกหนักใจ
ยันต์ใบนี้เก็บผีไว้มากมาย เขากับเจ้าหนูไม่เคยเรียนวิชาสำหรับการส่งวิญญาณ เหล่าผีสาวนี่ก็ไม่หลงเหลือซึ่งสติสัมปชัญญะ ไม่สามารถเข้าสู่ยมโลกได้ด้วยตัวเอง คงไม่อาจขังพวกนางไว้ในยันต์ได้ตลอด
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเทพแห่งการเรียนด้านข้าง เจ้าหนู ต่อไปต้องทำยังไง
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองรอบด้านที่พังเละเทะ ถึงได้เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม ข้าคิดว่า ที่สำคัญคือเก็บกวาดห้องครัวก่อนค่อยว่ากัน
… ชายแก่สะอึก นึกไปถึงคนที่รอกินข้าวอยู่บนยอดเจดีย์ ละทิ้งความคิดจะขึ้นไปถามอาจารย์ปู่ว่าจะจัดการอย่างไรกับผีสาวดี
ตอนนี้ใกล้แปดโมงแล้ว อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยต่อ ห้องครัวพังเช่นนี้ ถึงจะเก็บกวาดเสร็จก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวัน หากไม่รีบทำให้ทันมื้อกลางวันละก็…
นางไม่ได้พูดต่อไป แต่ชายแก่กลับสะดุ้งขึ้นมาทีหนึ่ง ราวกับนึกถึงสีหน้าตอนที่อาจารย์ปู่โกรธขึ้นมาได้ พยักหน้าอย่างแรง เจ้าพูดถูก! เก็บกวาดห้องครัวสำคัญที่สุด ไปๆ รีบทำ ผีร้ายอะไรไม่น่ากลัวเท่าอาจารย์ปู่!
พูดจบพลันหันซ้ายหันขวา มองหาอุปกรณ์ ก้มลงเห็นที่มือมียันต์ที่อาจารย์ปู่ให้ไว้อีกหนึ่งใบ พร้อมเอ่ยปากถาม จริงสิเจ้าหนู ยันต์นี้ไว้ทำอะไร
ไม่รู้! อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว รูปบนยันต์นั้นเป็นรูปที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน บนตำราก็ไม่มี ท่านลองใช้ดูก็รู้ ในเมื่ออาจารย์ปู่ให้มาก็ต้องมีประโยชน์
เจ้าพูดถูก! ไม่แน่อาจใช้สำหรับส่งวิญญาณผีสาวก็เป็นได้! เขายกมือขึ้นสะบัดยันต์วิเศษในมือ นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่แสงสีทองสว่างขึ้นมา ยันต์ทั้งใบกลายเป็นแสงทองพุ่งออกไป หยุดอยู่บริเวณทางขวาของเศษซากอาคารด้านหน้า
ตามมาด้วยการสั่นสะเทือนของพื้นดิน ผนังที่พังทลายลงไปอยู่บนพื้นนั้นลอยขึ้นมาราวกับไร้แรงโน้มถ่วง และรวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่างโดยอัตโนมัติ ยิ่งก่อยิ่งสูง ทันใดนั้นก็กลายเป็นผนังใหม่ทั้งแผ่นถูกก่อขึ้น อีกทั้งเสาไม้ในห้องก็เริ่มที่จะคืนสู่สภาพเดิม
ทั้งสองตะลึงไปสักพัก จ้องมองไปยังบริเวณที่เดิมยังรกรุงรังอยู่นั้น กลับมีอาคารที่เหมือนกับแต่ก่อนหลังหนึ่งเกิดขึ้นราวกับย้อนเวลา พร้อมทั้งยังมีร่องรอยไหม้ที่แต่ก่อนทำไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจก็เก็บรักษาไว้ได้อย่างดี
หรือ…หรือนี่จะเป็นยันต์คืนสภาพที่เล่าลือ! ไป๋อวี้เบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ นี่เป็นยันต์วิเศษระดับสูง เล่าลือกันว่าสามารถรักษาแผล ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายกลับสู่สภาพที่ดีที่สุด! เล่ากันว่ามีสรรพคุณในการฟื้นคืนชีพอีกด้วย! เขายิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ดวงตาลุกวาว ไม่คิดว่าจะมียันต์วิเศษชนิดนี้จริงๆ สมกับที่เป็นอาจารย์ปู่!
อวิ๋นเจี่ยวก็ตะลึงไปเช่นกัน ฟื้นคืนชีพ! เรื่องจริงหรือหรอก?
ดีจริง อาจารย์ปู่ช่วยพวกเราซ่อมแซมสำนักชิงหยาง! ไป๋อวี้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตัน
เห็นแสงสีทองบริเวณรอบด้านสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ห้องที่อยู่ตรงข้ามก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่จะกลับคืนสภาพปกติ
จากนั้น…แสงก็หยุดลง!
(⊙_⊙)?
เอ๊ะ! หยุดแล้ว? ไหนบอกว่าซ่อมสำนักชิงหยางไง? นี่แค่ห้องเดียวเองไหม?
ชายแก่รอแล้วรอเล่า มั่นใจแล้วว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีก แสงสีทองนั้นก็มืดดับลงไป
ท่ามกลางซากของอาคารหลายหลัง มีเพียงห้องเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยของการถูกทำลายตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง
อย่าแปลกใจไป นั่นคือห้องครัว!
ไป๋อวี้ …
อวิ๋นเจี่ยว …
ในใจมีคำว่า เอ็มเอ็มพี ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาหรือเปล่า!
——————
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าการทำกับข้าวมันก็ไม่ยาก เพราะนางเองก็ทำจนชินแล้ว แต่ที่สำคัญคือพวกนางไม่มีเสบียงแล้ว! วัตถุดิบเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
หรือไม่พวกเรารีบไปซื้อที่ตลาด ไป๋อวี้เอ่ย
ไม่ทันแล้ว จากที่นี่ไปตลาดไปกลับอย่างน้อยตั้งหลายชั่วโมง มื้อค่ำยังพอมีความหวัง มื้อกลางวันคงไม่ทันแน่ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกคิดถึงบริการส่งอาหารในโลกของนางเป็นอย่างมาก
งั้นทำยังไง
ช่างเถอะ ข้าจะคิดหาวิธี! อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ
สุดท้ายก็ทำมื้อกลางวันได้ทันเวลา เพียงแต่ไม่มีน้ำแกงไก่ที่เยี่ยยวนต้องการ เพียงแค่ทำน้ำแกงผักที่หลากหลายรสชาติเท่านั้น ถึงแม้จะไม่หอมเท่าน้ำแกงไก่ แต่ดีที่มีปริมาณเพียงพอ
ไป๋อวี้เดิมยังมีความเป็นห่วงว่าอาจารย์ปู่จะโกรธขึ้นมาอีก แต่ไม่คิดว่าเขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และนั่งลงอย่างไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะตั้งใจกินน้ำแกงที่รสชาติหลากหลายทั้งโต๊ะคนเดียวอย่างเงียบๆ แต่ก็ยังไม่วายที่จะหันไปมองไป๋อวี้ด้วยสายตามองโจร ราวกับจะเอ่ยว่า บอกแล้วว่าห้ามกิน อย่าคิดว่าจะรอดพ้นจากสายตาข้า!
ไป๋อวี้ที่แม้แต่ใบผักกาดขาวก็ไม่ได้กินนั้น อดไม่ได้ที่จะผลักอวิ๋นเจี่ยวที่นั่งนิ่งอยู่ด้านข้างเบาๆ ก่อนจะกดเสียงต่ำ เจ้าหนู เจ้าว่าทำไมอาจารย์ปู่ถึงชอบกินน้ำแกงขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เลือกอีกด้วย
อวิ๋นเจี่ยวคิดไปคิดมา ก่อนจะตอบเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง อาจเป็นเพราะควันธูปแห้งเกินไป ในเมื่อเขากินมากว่าหลายพันปีแล้ว
… อธิบายแบบนี้ก็ได้เหรอ
แต่ว่า เหมือนกับว่าสมเหตุสมผลดี!
ดังนั้น เขาอยู่ในอารามหลายสิบปีนี้ อาจารย์ปู่ไม่เคยมาปรากฏตัว เพราะว่าเขาบูชาของผิดเหรอ
=_=
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจเขา มองไปยังคนตรงข้ามที่กินน้ำแกงถ้วยสุดท้ายหมด นางยื่นมือออกไปรับ เพราะจะเก็บโต๊ะด้วยความเคยชิน ส่งถ้วยให้ข้า
อืม เยี่ยยวนกำลังจะยื่นมา เงยหน้าพบว่าเป็นนาง ทันใดนั้นก็ชะงักมือ ถ้วยที่อยู่ในมือเกือบจะหล่นลงไป เขาลุกพรวดขึ้น ก่อนจะถอยออกไปหนึ่งก้าวใหญ่
อวิ๋นเจี่ยว … นางเป็นเชื้อโรคเหรอไง
ราวกับรับรู้ถึงปฏิกิริยาของตัวเองเกินเหตุ เยี่ยยวนมองนางสลับกับมองถ้วย ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถอยออกไปอย่างระแวง ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ หันไปยัดถ้วยใส่ในมือของไป๋อวี้ พร้อมกล่าวกำชับอย่างจริงจัง เจ้าล้าง!
เอ๋?
พูดจบ ราวกับรู้สึกยังไม่พอ หันไปหยิบถ้วยเปล่าใบอื่นบนโต๊ะยัดให้เขา พร้อมเอ่ยเสริม ในฐานะเป็นศิษย์ของเสวียนเหมิน จะกินอย่างเดียว ไม่ทำงานได้อย่างไร
ไป๋อวี้ที่ถูกยัดถ้วยเปล่าใส่มือ …
จะว่าไปเมื่อกี้เหมือนเขาไม่ได้กินอะไรเลยนะ? ทำไมคนที่ล้างจานก็ยังเป็นเขา!? อาจารย์ปู่ท่านลำเอียงอย่างเห็นได้ชัดเลย?!
เยี่ยยวนไม่คิดแม้แต่จะอธิบาย หันหลังเดินออกจากประตูไป แต่ฝีเท้านั้นกลับดูเร่งรีบ เดินกลับเจดีย์ด้วยเท้าราวกับลืมว่าตัวเองนั้นบินได้
อวิ๋นเจี่ยวถึงได้เก็บมือขวาของตัวเองที่ยื่นออกไป มองไปยังฝ่ามือที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองไปยังทิศทางของเจดีย์
จะว่าไป อาจารย์ปู่ของพวกเขาคงไม่…
[1] เอ็มเอ็มพี หมายถึง อักษรย่อยอดนิยมที่ใช้บนอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ซึ่งเป็นคำด่าในภาษาท้องถิ่นจีนเสฉวน