เหมือนผ่านไปนานเป็นศตวรรษ เตชิตจึงหยุดการทรมานเธอ
นัชชาอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา น้ำตาไหลลงบนใบหน้าซีดเซียวเล็กๆของเธอ เธอนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ร่างกายยังสั่นสะท้านอยู่เล็กน้อย
ปากของเธอชาจนเหมือนไม่มีความรู้สึกและแก้มทั้งสองของเธอก็มีอาการเจ็บ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สงสารเธอแม้แต่นิดเดียว
เตชิตมองผู้หญิงที่ล้มอยู่บนเตียง ริมฝีปากที่สีชมพูบวมอยู่ ทรงผมที่ยุ่งหยิง สีหน้าที่ไร้เดียงสาดูเป็นสิ่งเซ็กซี่ที่หาจากผู้หญิงคนอื่นไม่ได้
เขาจับคางของเธอไว้ และดึงผมที่ติดอยู่บนหน้าเธอออกอย่างเผด็จการ นัชชา ในเมื่อเธออยู่กับฉันแล้วก็อย่าไปคิดเรื่องผู้ชายคนอื่นอีก ไม่ว่าจะสามีเก่าหรือว่าใครคนอื่นก็ตาม ฉันไม่อนุญาต
สิ่งของของเขา มันเป็นเฉพาะของเขาเท่านั้น
นัชชาพูดไม่ออก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ยังทำให้เธอรู้สึกกลัวอยู่ ถ้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาคือหวั่นเกรง งั้นความรู้สึกในตอนนี้ของเธอก็คือหวาดกลัว
นัชชาเหมือนเข้าใจแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเตชิต เธอต้องห้ามพูดถึงหรือนึกถึงผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด
เมื่อกี้นี้ก็คงเป็นการลงโทษที่เขาทำกับเธอให้ได้รู้ไว้ว่าถ้าเธอเผลอไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นๆ เธอจะต้องโดนแบบนี้ เขามองเธอเหมือนเครื่องมือระบายอารมณ์โดยไม่สนใจความรู้สึกเธอเลยแม้แต่น้อย
นัชชาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ฉากในวันนี้ก็แวบเข้าในสมองของเธอ มันช่างอัปยศจริงๆ
เตชิตมองเห็นเธอเหมือนจะสูญเสียความรู้สึกไป เลยขมวดคิ้วขึ้น ฝ่ามือใหญ่ๆบีบแก้มของเธอ พูดสิ!
นัชชาตอบด้วยเสียงแหบๆ ฉันรู้แล้ว
…….
คืนนี้ นัชชานอนหันหลังให้กับชายคนนั้น ตอนแรกเธอไม่กล้านอนกลัวว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และพุ่งเข้ามาอีก หลังจากมีประสบการณ์ที่ไม่เต็มใจหลายครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวกับเรื่องนี้มาก
ผ่านไปได้ครึ่งคืน นัชชาก็คล้อยหลับไปเพราะรู้สึกปวดหัว
เช้าวันที่สอง เตชิตตื่นนอนเป็นปกติหกโมงครึ่งเขาจะตื่นนอนตรงเวลาทุกวัน เมื่อลืมตาก็มองหันรูปร่างบอบบางของนัชชาที่นอนห่มผ้าห่มอยู่
เขาแปลกใจเล็กน้อยราวกับว่ากำลังรื้อฟื้นความจำอยู่ว่าทำไมถึงมีผู้หญิงนอนอยู่บนเตียงของเขา แต่ไม่นานเขาก็จำได้แล้ว
ยังไม่ตื่นอีกเหรอ ?
เขามีนิสัยชอบออกกำลังกายตอนเช้าและเขาอยากให้นัชชาออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกัน เลยใช้มือผลักไปที่ร่างกายของผู้หญิงตัวเล็กๆ ตื่นได้แล้ว
เห็นเธอไม่มีการตอบสนอง เขาใช้แรงผลักเธออีกสองครั้ง นัชชา ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้า
เธอยังคงหลับอยู่และลมหายใจหนักหนาขึ้นอย่างผิดปกติ
มือของเตชิตที่จะผลักไปอีกก็หยุดลงและเอื้อมไปแตะที่หน้าผากของเธอ เพิ่งได้สัมผัสไปก็ได้รับความร้อนที่บนหน้าผากของเธอทำให้เขารีบเอามือออกไปทันที
อุณหภูมินี้น่าจะไม่น้อยกว่า 39 องศาแล้ว
เตชิตขมวดคิ้ว ดึงร่างกายของเธอเข้ามาหาตัวของเขา เห็นหน้าของเธอแดงเหมือนโดนเผาไหม้
แย่ละ! เขาสบถออกมา รีบไปเอากล่องยาออกมา แล้วเอาแผ่นแปะลดไข้แปะไว้ที่หน้าผากของเธอ และหยิบยาลดไข้ออกมาชงให้เรียบร้อย เขาวางแก้วยาไว้บนโต๊ะข้างๆหัวเตียง แล้วเรียกเธอ ลุกมากินยา
นัชชาหลับเป็นตาย เธอไม่ชอบที่ถูกรบกวน จมูกก็รู้สึกหนักจนหายใจไม่ค่อยสะดวก ออกไปนะ…
กินยาซะ เดี๋ยวฉันจะออกไป เตชิตพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน
ฉันไม่อยากกิน
ต้องกิน เตชิตไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน เขาเกาหัวอย่างหงุดหงิด นัชชา ความอดทนฉันมีขีดจำกัดนะ
ถ้าเป็นปกติแล้วนัชชาคงกินไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เธอมีไข้สูงและเวียนหัวเลยไม่รู้สึกกลัวอะไรทั้งนั้น เธอใช้มือสะบัดไปที่เขาแรงๆ ก็บอกว่าไม่กินไง!
เตชิตหมดความอดทน เขาชั่วร้ายและพยักหน้า งั้นก็ไม่ต้องกิน!!
พูดเสร็จเขาก็เดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งยาแก้ววาที่ยังมีกลิ่นไอร้อนๆและผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่นอนขดอยู่บนเตียงไว้ในห้อง
หลังจากนั้น 15 นาที ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอีกครั้ง เตชิตเข้ามาพร้อมกับผู้ชายคนใส่เสื้อกาวน์สีขาวหนึ่งคน ผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาผิวขาวเนียนแต่ตัวเตี้ยกว่าเตชิตนิดหน่อย ดูแล้วทำให้นึกถึงคำว่ามองมุมไหนก็ดูดีไปหมด
เขาชื่อว่า ปรัณ เป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดของเตชิต ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งและยังเป็นผู้พัฒนาสูตรยาใหม่ๆและอุปกรณ์การแพทย์ใหม่ๆ อย่างลับๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนมีฐานะคนหนึ่งเลย
แค่มีไข้นิดหน่อยเอง แกถึงให้ฉันที่อยู่ไกลมานี้เลยเหรอ ปรัณมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เขาพูดอย่างแกล้งหยอกเพื่อนรัก
หยุดพูดไร้สาระได้ละ ไปดูเธอสิ เตชิตสีหน้าไม่เปลี่ยน เขาเดินมาข้างเตียง
ปรัณวัดไข้ให้กับนัชชา 39.8 องศา ถือว่ามีไข้สูง เขาจัดการให้ยาและน้ำเกลือกับเธอทันที หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยเขาเหลือบไปถึงขวดยาที่อยู่ใกล้หัวเตียง อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้เห็นแกดูแลคนอื่น นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเว้ย หาชมได้ยากจริงๆ
เตชิตเขม็งไปที่เขา ไม่มีเรื่องแล้วแกก็ไสหัวไปเลย ไปๆ
อย่าสิ ใช้ฉันเสร็จก็จะเตะออกไปง่ายๆ แบบนี้ใช้ได้เหรอ มันโหดร้ายเกินไปป่าวเพื่อน ปรัณมองไปทางนัชชา แล้วสรุปผู้หญิงคนนี้คือใครอ่ะ ถึงทำให้คนอย่างประธานเตชิตมาดูแลเธอได้แบบนี้
เตชิตเห็นเขายังถามไม่หยุด ก็พูดขึ้น อยากรู้มากเลยงั้นเหรอ ?
ใช่! อยากรู้มาก
สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของฉันเอง
ห๊ะ…? ปรัณอึ้งไป เมื่อเขาเห็นสายตาที่มืดมนของเตชิตราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จึงพูดอย่างขำๆ สัตว์เลี้ยงตัวนี้ของแกดูไม่เลวนะ รอแกเบื่อเมื่อไหร่ให้ฉันเอาไปเลี้ยงที่บ้านสักสองวัน โอเคไหม
อย่างที่เขาคิดจริงๆ หลังได้ยินที่เขาพูด สีหน้าของเตชิตมืดครึ้มลงทันที แม้บรรยากาศรอบๆจะเย็นลงราวกับลมหนาวที่พัดมาจากไซบีเรีย ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นได้
ปรัณรีบอธิบาย ก็แกพูดเองว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยง ในเมื่อเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วทำไมเพื่อนอย่างฉันจะช่วยเลี้ยงไม่ได้ล่ะ…
ปรัณตั้งใจจะแกล้งเตชิต เตชิตก็รู้อยู่แล้ว แต่เมื่อคึดถึงจุดนี้เขาก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดขึ้นมา .
กูจำได้ว่าโรงพยาบาลของมึงยังไม่เสร็จคดีเมื่อเดือนที่แล้วเลยนะ หรืออยากจะลองดี…
กูผิดไปแล้วเพื่อน! ปรัณรีบยอมแพ้ทันที คนเราก็พูดกันอยู่ว่าในชีวิตสัตว์เลี้ยงมันจะมีแค่เจ้าของคนเดียว ถึงฉันจะอยากเลี้ยง แต่สัตว์เลี้ยงของแกคงไม่พอใจที่จะให้ฉันเอามาเลี้ยงหรอกมั้ง
เตชิตส่งเสียงหึออกมา มองไปที่ประตู แกกลับไปได้แล้ว
ปรัณส่งเสียง ขอรับนายท่าน
เมื่อเขาจะกลับเตชิตก็ยังไปส่งเขาที่หน้าประตูวิลล่า ปรัณที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาวในมือถือกล่องยาอยู่ เขาพูดกับเตชิตด้วยเสียงต่ำๆ ยานั้นฉันได้ให้คนไปพัฒนาสูตรยามาใหม่เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพดีจากการทดลองของทางคลินิก…
เตชิตจุดบุหรี่สูบไป ฉันไม่ต้องใช้มันแล้ว
ปรัณร้องด้วยความตกใจ เฮ้ย แกฟังฉันพูดให้เสร็จก่อนสิ ยาตัวนี้ปลอดภัยแน่นอนไม่มีผลข้างเคียง ราคาทุนก็สูงมาก เลยไม่ได้ผลิตออกมามาก หาซื้อตามตลาดไม่ได้นะโว้ย!
เตชิตยิ้มพร้อมกับเขี่ยก้นบุหรี่ ปรัณ ฉันพึ่งรู้ว่าแกก็เป็นคนค่อนข้างอันตรายคนหนึ่ง
ที่ฉันทำก็เพื่อแกไง แกพึ่งอายุ 32 ปี แกอยากอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยรึไง ถึงแกจะอยากอึ๊บสาวแค่ไหนแต่ร่างกายของแกก็ไม่ไหวใช่ปะละ…
ปรัณ เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปยังชั้นสอง นัยน์ตามีแสงเปล่งประกาย เหมือนว่าฉันจะหายดีแล้ว