ห้ะ นัชชามองไปทางเขา ฉันไปได้
ดูสภาพตอนนี้สิ เธอจะไปยังไง
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ฉันไปได้
ถึงต้องคลานไปเธอก็ต้องไปให้ได้
ถ้าเธอพลาดโอกาสครั้งนี้ ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าเตชิตแค่เอ่ยปากพูดเธอก็สามารถเข้าไปทำงานได้แล้ว แต่หลังจากที่เธอใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขามาหลายวันเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะใช้เส้นสายเพื่อเปิดโอกาสให้ใครง่ายๆ
เพราะฉะนั้นเธอจะพลาดโอกาสครั้งนี้ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
เตชิตนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ร้องไห้โวยวายเมื่อครู่วินาทีต่อมาจะกลายเป็นผู้หญิงที่จริงจังกับงานได้ขนาดนี้ ตอนแรกเขากะจะหาเวลาให้เธอไปสอบทีหลังแต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว
เตชิตมองด้วยสายตาที่แอบชื่นชม เขายืนขึ้นแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบ ถ้าไปได้ก็อย่าสายหละ
……………
นัชชาใจสู้มาก 10 โมงเช้าเธอมายืนอยู่ที่หน้าประตูสำนักงานกฎหมาย
เธอเดินมาถึงห้องประชุม B-201 พร้อมกับมีผู้หญิงประมาณ 7-8 คนนั่งอยู่ในแถว แต่ละคนดูเหมือนจะอายุแค่ 25-26 ต้นๆเท่านั้น ถ้าให้ตีอายุที่มากขึ้นอีกหน่อยก็ไม่น่าจะเกิน 28-29
นัชชาก้มมองชุดของตัวเองเป็นชุดที่เตชิตเลือกให้เมื่อคืน วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ และตั้งใจมัดผมขึ้นให้ดูเรียบร้อย
ได้ยินมาว่า เจ้าของบริษัทคุณเตชิตหล่อมากแถมยังดูดีมีระดับ วันนี้เขาจะทำการสัมภาษณ์เองรึเปล่า มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งคุยเล่นกับเพื่อน
คงไม่หรอกมั้ง คุณเตชิตคงจะไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น แต่ถ้าเกิดเป็นเขาแค่ได้เข้ามาก็คุ้มค่ามากแล้ว
นัชชาหันกลับไปมองที่ต้นเสียง ในใจพลางคิดว่าเขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น พวกเธอไม่รู้จักใบหน้าจริงๆที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้นหรอก
การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เตชิตกับ HR อีก 3 คนเข้ามานั่งพร้อมเพรียงกันภายในห้อง
สุดท้ายเหลือนัชชากับผู้ชายและผู้หญิงอีกอย่างละคน
เดี๋ยวจะเริ่มการสัมภาษณ์เดี่ยวแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมละ หัวหน้า HR พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องที่ใช้ในการสอบสัมภาษณ์เดี่ยว
เธออธิษฐานขอให้ไม่ใช่เธอที่โดนเรียกสัมภาษณ์คนแรก แต่คนเรากลัวอะไรมักจะได้อย่างนั้น…
คุณนัชชาเชิญเข้ามา
… นัชชาเปิดประตูออกแล้วเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงกลาง เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อทำการแนะนำตัว สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนัชชา เป็น…
เธอพูดได้แค่นี้ก็ตกใจอึ้งกับภาพตรงหน้า มีผู้ชายในเสื้อสีขาวกับสูทนอกสีดำนั่งอยู่ตรงกลาง เป็นเตชิต เขาเป็นคนสัมภาษณ์งานจริงๆด้วย
คุณนัชชา HR เรียกเตือนเพราะเห็นเธอนิ่งเงียบไป
นัชชาดึงสติตัวเองกลับมา แต่ทุกครั้งที่สบตาเตชิตเธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ฉันเห็นคุณจบจากมหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เคยทำงานมาโดย 1 ปีตลอด เป็นเพราะอะไรเหรอคะ
นัชชารู้สึกอายกับคำถามนี้ เพราะตอนนั้นมัวแต่รีบแต่งงาน เลยทำให้เสียโอกาสในการทำงานไปค่ะ
เห็นว่าคุณกำลังจะหย่ากับสามี อยากรู้ว่าเป็นเพราะแบบนี้คุณถึงอยากกลับมาทำงานเกี่ยวกับกฎหมายรึเปล่า
HR ถามขึ้นมาแบบกะทันหันทำให้เธอตื่นเต้น ไม่รู้ว่าคำถามที่ถามมาต้องการ จะสื่อหรืออยากรู้อะไรกันแน่ เธอเลยพยักหน้าตอบรับไป ใช่ค่ะ
ถามคำถามต่อมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ เตชิตที่นั่งเงียบไม่เคยเปิดปากพูดอะไรเลยก็ถามขึ้น คุณนัชชา ข้อแรกเลยคือไม่มีประสบการณ์ในการทำงานอะไรมาเลย สองไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานด้านกฎหมายโดยตรงมาก่อน ในฐานะที่เป็นมือใหม่คุณคิดว่าคุณมีจุดเด่นด้านไหนที่ทางบริษัทต้องรับคุณเข้าทำงาน
นัชชารู้สึกตื่นเต้นเปรียบเหมือนกับความสัมพันธ์ลับๆที่ถูกเปิดเผย ทั้งๆที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ แต่เธอรู้สึกอาย ร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก
โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนที่เตชิตยิงคำถามมาเธอจำเป็นต้องมองหน้าและตอบเขาตามมารยาท อยากหลบสายตาก็ไม่สามารถหลบได้
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานโดยตรงมาก่อน แต่เนื่องจากที่จบมาจากมหาวิทยาลัยกฎหมายโดยตรง สอบเข้าไปในฐานะได้ทุนการศึกษานักเรียนดีเด่น และจบด้วยเกรดเฉลี่ยอันดับต้นๆ งานวิจัยของฉันก็ถูกบันทึกไว้ ฉันคิดว่าข้อดีของฉันคือการที่ฉันเป็นมืออาชีพและเข้าใจกฎหมาย
เข้าใจว่ายังไง
นัชชาตอบ ทุกคนบอกว่ากฎหมายคือสิ่งตายตัว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ฉันคิดว่ามันสามารถเปลี่ยนไปแปลงได้ โดยผ่านทนายที่ดีคนหนึ่งมันสามารถออกมาได้นับพันรูปแบบ
เตชิตยกมุมปาก คุณนัชชา คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทนายควรทำ
นัชชาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว ฉันคิดว่าต้องมีความยุติธรรมและความสงบ ไม่ลำเอียง
คุณมาทำงานที่นี่เพราะคุณหย่ากับสามี คุณคิดว่าคุณจะทำสองข้อนั้นได้มั้ย เตชิตถามต่อและมันเหมือนจะเป็นคำถามที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามในตอนแรก
นัชชาถึงได้รู้จุดประสงค์ที่ชัดเจนที่หัวหน้า HR ถามเมื่อครู่เพราะกลัวว่าที่เธอมาทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเพราะหย่ากับสามี เป็นการตัดใจจากอารมณ์ชั่ววูบพวกเขากลัวว่าเธอจะไม่จริงจังกับงาน
นัชชารับแก้ตัว ทำได้ค่ะ ที่กลับมาทำงานด้านนี้เป็นเพราะว่ามีเวลาและสามารถจดจ่อกับการทำงานมากพอ แต่ความจริงแล้วในระหว่าง 1 ปีที่แต่งงานมาในใจก็คิดที่จะอยากกลับมาทำงานตลอดค่ะ
พอเธออธิบายแบบนี้มันทำให้คนฟังสบายใจขึ้น หลังจากนั้นเตชิตก็ไม่เอ่ยปากถามอะไรอีกเลย แต่กลับกันกับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเขาถามคำถามเกี่ยวกับการทำงานแบบเป็นมืออาชีพ นัชชาก็ตอบเขาไปทีละคำถาม
หลังจากที่สัมภาษณ์จบ เธอลุกขึ้นทำให้หัวหน้า HR สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาด เธอจึงถาม ขาคุณไปโดนอะไรมา
นัชชายิ้มตอบอย่างเขินอาย ได้แผลมาจากการออกกำลังกายไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ เดี๋ยวไม่กี่วันก็หายค่ะ
หัวหน้า HR พูดล้อหลังจากที่นัชชาเดินออกไปแล้ว แค่ออกกำลังกายยังสามารถล้มจนได้แผล เก่งใช้ได้เลย
เตชิตกำลังจะดูประวัติของคนต่อไปก็ต้องหยุดชะงักหลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ แววตาเขากำลังแอบยิ้มเยาะเธอแต่ก็ต้องรีบหยุดเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็น
…
นัขขากำลังจะเตรียมตัวกลับหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จแต่ก็โดนผู้ชายใส่เสื้อขาวรั้งไว้ คุณนัชชา ผมเป็นเลขาของคุณเตชิตชื่อตรัณครับ คุณเตชิตบอกให้คุณไปรอเขาที่ห้อง
เขาพูดเสียงเบาแต่เธอไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะเธอรู้ว่าอยู่ตรงนี้ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก เลยเดินตามเขาไป แต่ตรัณไม่ได้พาเขาเดินไปที่ประตูหน้ากลับพาเธอเข้าไปในห้องทำงานแล้วรอดจากประตูบานเล็กของเขาเข้าไปในห้องทำงานของเตชิต
นัชชาตกใจ พวกคุณมีประตูลับแบบนี้ด้วยเหรอ
… ตรัณยกมุมปาก คุณก็แค่คิดว่ามันเป็นประตูอีกบานที่เปิดเข้าทางข้างๆได้
ตรัณเทน้ำให้นัชชาเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้ให้เธออยู่ในห้องเพียงลำพังคนเดียว นั่งรอไปได้สักพักแต่ก็ยังไม่มีคนเข้ามา เธอเลยเดินไปดูหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแต่สายตากลับสะดุดเข้ากับรูปถ่ายที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์
เป็นภาพถ่ายที่เก่าพอสมควร ผู้ชายในรูปแต่งตัวดูดีสะอาดสะอ้านกับผู้หญิงอีกคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและกำลังถูกโอบไหล่ท่าทางสนิทสนมกันมาก
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะดวงตาที่ไม่เคยเปลี่ยน นัชชาก็แทบจะไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้คือเตชิต